JJNY : ‘ศิริกัญญา’ ผิดหวัง│ก้าวไกลถามรบ.งบฯ67 แก้เหลื่อมล้ำยังไง│เงินเฟ้อติดลบจากมาตรการรัฐ│เกาหลีใต้สั่งชาวบ้านอพยพ

‘ศิริกัญญา’ ผิดหวัง นายกฯ โยน ’จุลพันธ์‘ ตอบประเด็นศก.อยากให้ รมว.ทส.ตอบPM2.5 แต่ไม่เห็นในห้องประชุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4360912

‘ศิริกัญญา’ ผิดหวัง นายกฯ โยน ’จุลพันธ์‘ ตอบประเด็นเศรษฐกิจ เสียใจหยิบประเด็น GDP กลบคำถามสำคัญที่ รมต.จะต้องตอบ รอครม.ชี้แจง ให้กระจ่าง เผื่อเปลี่ยนใจฝ่ายค้านก่อนลงมติ
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 5 มกราคม ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ แถลงสรุปการอภิปรายงบประมาณ 2567 ว่าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ว่า ไม่ได้สะท้อนว่ารัฐบาลจะมีการแก้ไขวิกฤตต่างๆ อาทิ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม มลพิษที่รั่วไหล ฝุ่น PM 2.5 การศึกษา เด็กเกิดน้อย หรือสังคมผู้สูงวัย เป็นต้น

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันยังพบงบประมาณที่มีการสอดไส้งบประมาณที่ไม่ตรงปกและไม่ตรงแผน เพราะแทนที่จะมีแผนสร้างความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ กลับแทรกแผนการสร้างถนน สร้างตึกเข้ามาแทน และมีแต่งบประมาณที่เอาไปใช้หนี้ ฉะนั้น รัฐบาลจำเป็นจะต้องตอบข้อสงสัยเหล่านี้ในวันสุดท้าย ทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น
 
อย่างไรก็ตาม น.ส.ศิริกัญญา ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจที่ได้หยิบยกประเด็นการประมาณการณ์เศรษฐกิจ GDP ที่ 5.4% เอาไว้ เพราะทำให้กลบคำถามสำคัญที่รัฐมนตรีจะต้องตอบ แต่สำหรับกรณีที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า เอกสารจากสำนักงบประมาณผิดเพียงแค่จุดเดียวที่เป็นการแสดงตัวเลข Nominal GDP ที่ไม่ได้หักผลของเงินเฟ้อ ส่วนหน้าอื่นเป็น Real GDP นั้น เรื่องนี้หากท่านยอมรับว่าเป็นข้อผิดพลาดแต่โดยดี ก็ไม่ต้องถกเถียงกันเป็นเวลาถึง 2 วัน เพราะการคำนวณแบบนี้ไม่มีใครเขาทำ
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีการตั้งงบประมาณบำเน็จบำนาญไว้ไม่เพียงพอต่อการจ่ายในปี 2567 เนื่องจากไม่ได้ตั้งเงินเดือนข้าราชการเผื่อไว้ ทั้งที่จะมีนโยบายขึ้นเงินเดือนข้าราชการ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คำตอบ ว่าจะไปใช้งบประมาณกลาง หรืองบคงคลังแทน
 
ทั้งนี้ สำหรับการประมาณการณ์รายได้ที่สูงเกินจริง ฝ่ายค้านได้สอบถามถึงภาษี 4 ตัวที่รายได้หายไป เนื่องจากมีปัญหาว่ารัฐบาลจะนำเงินจากส่วนใดมาทดแทน อาทิ ภาษีขายหุ้น การลดหย่อนกองทุนต่างๆ และรายได้นำส่งกฟผ. แต่ได้คำตอบกลับมาเพียงเรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลและเบนซิน ทำทำให้รายได้หายไป โดยชี้แจงว่า รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการมาแล้ว 2 เดือน ทำให้ลดภาษีไปได้ประมาณ 10,000 กว่าล้านบาท ซึ่งในความเป็นจริงเราคาดการณ์ว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการนี้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2567 จึงสะท้อนได้ว่ารัฐบาลจะไม่ต่อมาตรภาษีสรรพสามิตน้ำมันใช่หรือไม่
 
นอกจากนี้ น.ส.ศิริกัญญา ยังกล่าวถึงวิกฤติการณ์ด้านความมั่นคง ที่ยังได้รับคำตอบไม่ชัดเจน ว่าเมื่อวานนี้ (4 มกราคม) นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กล่าวถึงสัดส่วนงบกลาโหมที่งบประมาณไม่ลดลง แม้ว่าจะเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ แต่ในปีนี้กลับเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 2 ว่า นายสุทินยอมรับว่า ไม่ได้ตั้งใจให้ลดลงมากเช่นนี้และจริงๆ ของบไปมากกว่านี้ แต่สำนักงบประมาณจัดให้เพียงเท่านี้ คำตอบนี้ตอบคำถามที่ดาวน์น้อยผ่อนนาน เป็นสุทินดาวน์น้อย นายสุทินบอกว่า ไม่อยากดาวน์น้อย อยากดาวน์มากกว่านี้ไปจนถึง 20% ซึ่งหากนายสุทินอยากดาวน์ตามที่วางแผนไว้ เราจะมีงบกระทรวงกลาโหมที่สูงกว่านี้แน่นอน
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องแผนการลดกำลังพลนั้น เข้าใจว่านายสุทินเพิ่งเข้ามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้เพียงแค่ 3 เดือน แต่แผนการลดกำลังพลของกองทัพนั้นเป็นแผนปี 2560-2570 ซึ่งผ่านมาแล้ว 7 ปีก็คาดหวังว่าจะเห็นการลดลงของงบประมาณบุคลากรกองทัพได้แล้ว ไม่ใช่ยังคงเพิ่มขึ้น และยังเห็นจำนวนทหารที่เพิ่มขึ้นทุกปี แต่มีเรื่องที่น่าตื่นเต้นคือการเกษียณอายุก่อนราชการสำหรับข้าราชการกลาโหม ซึ่งจะรอติดตามในงบประมาณปี 2568 เพราะต้องมีการตั้งงบเพื่อชดเชยค่าตอบแทนสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการและงบบุคลากรก็อาจจะเพิ่มขึ้นในปี 2568 สำหรับเรื่องเรือดำน้ำนั้น เหมือนนายสุทินจะยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง ส่วนที่นายสุทินชี้แจงว่าเราผิดสัญญา แต่ความจริงเราไม่ได้ผิดสัญญาเรือดำน้ำแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้เกินระยะเวลาที่ต้องส่งเรือดำน้ำแล้ว เราจึงมาทวงถามว่าสรุปแล้วจะเอาอย่างไรกันแน่
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องวิกฤตสิ่งแวดล้อมนั้น ไม่มีอะไรที่จะรบกวนจิตใจประชาชนในช่วงนี้ได้เท่ากับฝุ่น PM 2.5 ซึ่งเมื่อนายกรัฐมนตรีได้ฟังคำอภิปรายของสส.พรรคก้าวไกล ในการเตรียมงบประมาณด้วยตึกห้าชั้นแล้ว แต่ท่านก็ยอมรับเองว่าไม่ได้มีแผนอะไรอยู่ในงบของปี 2567 แล้วจะไปใช้งบกลางในการดำเนินนโยบายนี้ ทั้งที่เรื่องฝุ่น PM 2.5 ไม่ใช่ว่าจะเพิ่งเกิดขึ้น แต่เราจะอยู่ในการบริหารราชการแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวไปถึงเมื่อไหร่ คิดว่าเปลี่ยนรัฐบาลแล้วจะดีขึ้นแต่ก็ยังเหมือนเดิม
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการแลนด์บริดจ์ที่มีการตั้งงบประมาณไว้ 2 ก้อนในปี 2567 นั้น เรื่องท่อน้ำมันที่มีการเว้นที่ไว้สำหรับการวางท่อน้ำมัน แต่ในการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่มีท่อน้ำมันอยู่ในนั้น ดังนั้น การที่จะไปหานักลงทุนมาขนถ่ายน้ำมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ผิดฝา หรือไม่เช่นนั้นอาจจะต้องรื้อรายงานที่เราจ่ายเงินไปแล้ว 68 ล้านบาทที่ใกล้เสร็จแล้วไปปรับแผน ซึ่งหากทำเช่นนั้นก็จะไม่ตรงกับผลของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงเรื่องช่องแคบมะละกาที่นายกรัฐมนตรีอ้างว่ามีความแออัดก็ไม่ได้แออัดขนาดนั้น จึงเป็นเหตุผลที่เราไม่ควรที่จะสร้างโครงการแลนด์บริดจ์ ทั้งนี้ หากมีความแออัดจริงสิงคโปร์ก็คงจะไม่สร้างท่าเรือใหม่
 
น.ส.ศิริกัญญา อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดนี้เราอาจจะไม่ต้องกังวลมาก เพราะสุดท้ายหากเราคาดว่าโครงการนี้จะเป็นโครงการที่เอกชนจะมาลงทุนเองเกือบ 100% หากนักลงทุนไม่มาเพราะเราวาดแผนที่สวยหรูเกินจริง เราก็คงไม่ต้องกังวลเพราะสุดท้ายโครงการนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ที่ตนต้องมาพูดเรื่องนี้เพราะหากไม่มีนักลงทุนมาคนที่จะนอนไม่หลับคือประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่กำลังจะถูกเวนคืนที่ดิน เพราะเขาจะไม่เหลือความมั่นคงอะไรในชีวิตแล้ว
โดยที่ต้องลุ้นไปวันต่อวันว่าบ้านของเขาจะถูกเวนคืนที่ดินหรือไม่ แต่ยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการที่จะพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ การปรับปรุงท่าเรือเดิมหรือสร้างใหม่ก็ตามให้เป็นท่าเรือยุทธศาสตร์สำคัญ แต่สิ่งที่เรายังกังขาคือความคุ้มค่า สวยหรูจริงหรือไม่ จึงต้องฝากให้นายกรัฐมนตรีไปศึกษาอย่างรอบคอบ
 
นี่เป็นคำถามที่เรายังรอคำตอบจากรัฐบาล และยังให้เวลากับรัฐบาลในช่วงสุดท้ายของการอภิปราย ก่อนที่จะมีการลงมติ โดยในช่วงบ่าย พรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีการแถลงว่าเราจะมีมติเช่นไร ซึ่งท่านยังคงมีเวลาที่จะเปลี่ยนใจเราได้ในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้ ตอบคำถามเหล่านี้ให้ครบถ้วน ให้กระจ่างว่าจะแก้ปัญหาให้ประเทศนี้พ้นวิกฤตผ่านงบประมาณปี 67 ได้อย่างไรบ้าง“ น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ การชี้แจงของนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะการชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจนั้น ตนคาดหวังว่านายกรัฐมนตรีจะตอบมากกว่านี้ แต่กลับให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังตอบเรื่องงบประมาณและเศรษฐกิจเป็นหลัก ซึ่งก็น่าผิดหวัง และช่วงที่ผ่านมามีเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตอบเรื่องงบประมาณเป็นหลัก ตนจึงคาดหวังว่าช่วงท้ายในการพิจารณา นายกรัฐมนตรีจะมีบทบาทในการอภิปรายงบประมาณ
 
การชี้แจงเรื่องงบประมาณและปัญหาเศรษฐกิจน่าผิดหวังมากที่สุด หรืออาจเป็นอคติของดิฉัน แต่ต้องสอบถามท่านอื่นด้วยว่ามีอะไรที่มีปัญหา ซึ่งเราต้องติดตามว่ายังมีรัฐมนตรีท่านใดที่ยังไม่ตอบ โดยเฉพาะเรื่อง PM2.5 ที่ต้องดูว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม จะมาตอบเองหรือไม่ แต่มีใครเห็นท่านอยู่ในห้องประชุมบ้างหรือไม่” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว



ส.ส.ก้าวไกลถามรัฐบาล งบฯ67 แก้เหลื่อมล้ำยังไง ซัดรัฐบาลไม่คิดจะกระจาย แต่หวังกระชับอำนาจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4360843

ส.ส.ก้าวไกล ไม่เห็นด้วยร่างกม.งบฯ67 เสนอตัดงบจังหวัด-กลุ่มจว. ชี้เป็นการใช้เงินไม่มีประสิทธิภาพ ซัดรบ.ไม่คิดจะกระจายแต่หวังกระชับอำนาจมากกว่า แนะแบ่งไปให้ท้องถิ่นบริหารกันเอง
 
เมื่อเวลา 10.37 น.ที่รัฐสภา น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า เมื่ออ่านเอกสารงบประมาณปี 67 ทำให้รู้เลยว่า ไม่ว่าประเทศไทยจะเกิดวิกฤตอะไรขึ้น หน้าตางบประมาณไทยไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ถ้าปิดชื่อนายกรัฐมนตรีที่มาแถลงปีนี้ตนยังคิดว่าเป็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ไม่เป็นไรถ้ารัฐบาลไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าตรงไหน คือวิกฤตตนมีคำตอบให้ คือ ผู้บริหารประเทศที่จัดงบแบบนี้คือจุดเริ่มต้นของความวิกฤต โดยมองเห็นว่าประเทศไทยมีความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเชิงพื้นที่ กรุงเทพฯ รวยกว่าชนบท หัวเมืองใหญ่ได้รับการพัฒนามากกว่าหัวเมืองรอง แต่จากงบประมาณปี67 ที่จัดมานั้นตนขอตั้งคำถามว่า แล้วแบบนี้จะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำได้อย่างไร วันนี้วิกฤตที่ตนและประชาชนมองเห็นต้องใช้ศักยภาพและใจของผู้บริหารประเทศในการมองเห็น ไม่ใช่วิกฤตที่แก้ด้วยการกู้เงินมาแจกแบบที่รัฐบาลอยากให้เป็น
 
"การจัดงบประมาณของท่านไม่มีเจตนาในการที่จะกระจายอำนาจ แต่ท่านต้องการกระชับอำนาจต่างหาก งบประมาณแต่ละปีเงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังมีงบประมาณอีกส่วนมาในรูปแบบของงบจังหวัดปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งงบส่วนนี้ให้ผู้ว่าฯจังหวัดในการตัดสินใจใช้ โดยเป็นงบเพื่อนำมาพัฒนาท้องที่ให้ตอบโจทย์ความต้องการของจังหวัด และดำเนินการตามแผนพัฒนาจังหวัด แต่ถ้าไปดูไส้ในแล้วไม่ตอบโจทย์งานอะไรเหล่านี้เลย งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเป็นงบซ้ำซ้อน ส่วนเกินและไม่จำเป็น ซึ่งงบนี้เคยถูกปรับลดลงหลังช่วงโควิดและในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่พอมารัฐบาลเศรษฐากลับเพิ่มเต็มเพดาน นั่นสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลเศรษฐากำลังอยากเพิ่มกำลังอำนาจราชการส่วนภูมิภาค" น.ส.ภคมน กล่าว
 
น.ส.ภคมน กล่าวอีกว่า งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ได้กำหนดนโยบายโดยคน 20 คนเรียกว่าคณะกรรมการบูรณาการนโยบายภาค(ก.บ.ภ.) ที่มีที่มาจากฝ่ายการเมือง 8 คน ข้าราชการ 8 คน ภาคเอกชน 5 คน ตัวแทน อปท. 1 คน และตัวแทนประชาสังคม 4 คน ที่มีข้อสังเกตที่น่าสนใจคือตัวแทนจากภาคประสังคมพบว่ามี 2 คนที่ไม่ใช่ประชาชนแต่เป็นนักธุรกิจใหญ่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ประธานบริษัทเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ของประเทศไทย การจัดสรรงบประมาณแบบนี้ 23,000 ล้านบาทที่กำหนดโดยกลไกราชการแบบรวมศูนย์แบบนี้ท่านคิดว่าจะแก้ปัญหากว่าที่เคยเป็นมาได้อย่างไร การแบ่งเค้กงบประมาณ 23,000 ล้านบาทนี้มีการกำหนดสูตรในการจัดสรรงบ สูตรนี้ท่านก็ได้ให้จังหวัดที่ใหญ่ ยิ่งรวย และงบของจังหวัดก็มีการจัดสรรแบบเดียวกันและเพิ่มมาคือการตอบสนองต่อนโยบายของตนเอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่