ปืนใหญ่ทหารราบ 3.7 ซม. M.15 (3.7 cm Infanteriegeschütz M.15) เป็นปืนใหญ่สนับสนุนทหารราบขนาดเล็กที่ออกแบบและผลิตโดยจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี (ผลิตโดยบริษัท Škoda Works) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการในสนามเพลาะโดยเฉพาะซึ่งทหารราบต้องการอาวุธยิงเล็งตรงที่มีอำนาจการยิงสูงกว่าปืนกลแต่สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายในสภาพสนามรบที่จำกัด เพื่อทำลายเป้าหมายแข็งแรงของข้าศึก เช่น รังปืนกล, ที่มั่น, และบังเกอร์ขนาดเล็ก
ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 การรบได้เปลี่ยนเข้าสู่ภาวะสงครามสนามเพลาะ (Trench Warfare) ซึ่งทำให้การรุกคืบเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง ทหารราบมักจะถูกยับยั้งโดยรังปืนกล (Machine Gun Nests) และที่มั่นแข็งแรงของข้าศึก ปืนใหญ่สนามทั่วไปมีขนาดใหญ่เกินไปและยิงวิถีโค้ง (Indirect Fire) ทำให้ไม่สามารถทำลายเป้าหมายขนาดเล็กที่มองเห็นตรงหน้าได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที
ขนาดกระสุน 37×57 mmR แบบระเบิดแรงสูง (High-Explosive - HE), แตกสะเก็ด (Shrapnel / Canister) และ ส่องวิถี (Tracer)
น้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยทหารเพียงไม่กี่คนผ่านสนามเพลาะ
ยิงเล็งตรง (Direct Fire): เพื่อความแม่นยำสูงในการทำลายเป้าหมายเฉพาะจุด
อัตราการยิงสูงสามารถยิงกดดันหรือทำลายเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
ถอดประกอบได้ง่ายต่อการขนย้ายในพื้นที่แคบ
อัตราการยิง 10 - 15 นัดต่อนาที
ระยะยิงหวังผลประมาณ 1,000 เมตร
ความเร็วปากลำกล้องประมาณ 350 เมตร/วินาที
ข้อเสีย
อำนาจทำลายล้างจำกัดกระสุนขนาด 37 มม. มีอานุภาพไม่เพียงพอที่จะทำลายบังเกอร์คอนกรีตขนาดใหญ่ได้
ประสิทธิภาพต่อต้านรถถังจำกัดแม้จะพอใช้ได้กับรถถังรุ่นแรกๆ แต่ก็ล้าสมัยอย่างรวดเร็วเมื่อเกราะรถถังรุ่นใหม่ๆหนาขึ้น
ประเทศผู้ใช้งาน
อิตาลีหลังจากยึดปืนจำนวนมากมาได้จากกองทัพออสเตรีย-ฮังการี อิตาลีประทับใจในประสิทธิภาพของมันมากจนนำไปผลิตเองในชื่อ "Cannone da 37 F" และมีการติดตั้งแผ่นเกราะป้องกันเพิ่มเติม กลายเป็นปืนสนับสนุนทหารราบมาตรฐานของอิตาลีไปจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2
เยอรมนี กองทัพเยอรมันก็นำปืนรุ่นนี้ไปใช้งานเช่นกันในแนวรบด้านตะวันตก
ประเทศผู้สืบทอด หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ฮังการี, เชโกสโลวาเกีย, และยูโกสลาเวีย ต่างก็นำปืน M.15 เข้าประจำการต่อไป
3.7 cm Infanteriegeschütz M.15 คืออาวุธที่เกิดจากความจำเป็นของสงครามสนามเพลาะอย่างแท้จริง มันเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการออกแบบอาวุธที่ตอบสนองต่อโจทย์ความต้องการทางยุทธวิธีได้อย่างสมบูรณ์แบบในยุคของมัน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ความแม่นยำและความคล่องตัวของมันได้มอบอำนาจการยิงที่สำคัญยิ่งให้กับทหารราบในแนวหน้า และได้กลายเป็นต้นแบบของปืนใหญ่สนับสนุนทหารราบในยุคต่อๆ มา ก่อนที่แนวคิดนี้จะถูกแทนที่ด้วยอาวุธประเภทอื่น เช่น ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง หรือเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังในที่สุด
แหล่งที่มา: หนังสือ The Austro-Hungarian Artillery From 1867-1918: Technology, Organization and Tactics โดย M. Christian Ortner
http://www.landships.info/landships/artillery_articles/37mm_Infanteriegeschutz_M15.html
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 2293 3.7 cm. Infantry gun M.15 Infanteriegeschütz M.15
ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 การรบได้เปลี่ยนเข้าสู่ภาวะสงครามสนามเพลาะ (Trench Warfare) ซึ่งทำให้การรุกคืบเป็นไปได้ยากอย่างยิ่ง ทหารราบมักจะถูกยับยั้งโดยรังปืนกล (Machine Gun Nests) และที่มั่นแข็งแรงของข้าศึก ปืนใหญ่สนามทั่วไปมีขนาดใหญ่เกินไปและยิงวิถีโค้ง (Indirect Fire) ทำให้ไม่สามารถทำลายเป้าหมายขนาดเล็กที่มองเห็นตรงหน้าได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที
ขนาดกระสุน 37×57 mmR แบบระเบิดแรงสูง (High-Explosive - HE), แตกสะเก็ด (Shrapnel / Canister) และ ส่องวิถี (Tracer)
น้ำหนักเบาสามารถเคลื่อนย้ายได้โดยทหารเพียงไม่กี่คนผ่านสนามเพลาะ
ยิงเล็งตรง (Direct Fire): เพื่อความแม่นยำสูงในการทำลายเป้าหมายเฉพาะจุด
อัตราการยิงสูงสามารถยิงกดดันหรือทำลายเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว
ถอดประกอบได้ง่ายต่อการขนย้ายในพื้นที่แคบ
อัตราการยิง 10 - 15 นัดต่อนาที
ระยะยิงหวังผลประมาณ 1,000 เมตร
ความเร็วปากลำกล้องประมาณ 350 เมตร/วินาที
ข้อเสีย
อำนาจทำลายล้างจำกัดกระสุนขนาด 37 มม. มีอานุภาพไม่เพียงพอที่จะทำลายบังเกอร์คอนกรีตขนาดใหญ่ได้
ประสิทธิภาพต่อต้านรถถังจำกัดแม้จะพอใช้ได้กับรถถังรุ่นแรกๆ แต่ก็ล้าสมัยอย่างรวดเร็วเมื่อเกราะรถถังรุ่นใหม่ๆหนาขึ้น
ประเทศผู้ใช้งาน
อิตาลีหลังจากยึดปืนจำนวนมากมาได้จากกองทัพออสเตรีย-ฮังการี อิตาลีประทับใจในประสิทธิภาพของมันมากจนนำไปผลิตเองในชื่อ "Cannone da 37 F" และมีการติดตั้งแผ่นเกราะป้องกันเพิ่มเติม กลายเป็นปืนสนับสนุนทหารราบมาตรฐานของอิตาลีไปจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2
เยอรมนี กองทัพเยอรมันก็นำปืนรุ่นนี้ไปใช้งานเช่นกันในแนวรบด้านตะวันตก
ประเทศผู้สืบทอด หลังจากการล่มสลายของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ประเทศที่เกิดขึ้นใหม่ เช่น ฮังการี, เชโกสโลวาเกีย, และยูโกสลาเวีย ต่างก็นำปืน M.15 เข้าประจำการต่อไป
3.7 cm Infanteriegeschütz M.15 คืออาวุธที่เกิดจากความจำเป็นของสงครามสนามเพลาะอย่างแท้จริง มันเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของการออกแบบอาวุธที่ตอบสนองต่อโจทย์ความต้องการทางยุทธวิธีได้อย่างสมบูรณ์แบบในยุคของมัน แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ความแม่นยำและความคล่องตัวของมันได้มอบอำนาจการยิงที่สำคัญยิ่งให้กับทหารราบในแนวหน้า และได้กลายเป็นต้นแบบของปืนใหญ่สนับสนุนทหารราบในยุคต่อๆ มา ก่อนที่แนวคิดนี้จะถูกแทนที่ด้วยอาวุธประเภทอื่น เช่น ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง หรือเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังในที่สุด
แหล่งที่มา: หนังสือ The Austro-Hungarian Artillery From 1867-1918: Technology, Organization and Tactics โดย M. Christian Ortner
http://www.landships.info/landships/artillery_articles/37mm_Infanteriegeschutz_M15.html