Myasishchev M-55 เครื่องบินลาดตระเวนที่มีมีภารกิจคล้ายกับ Lockheed U-2

ประวัติและการพัฒนา
ต้นกำเนิด: M-55 เริ่มพัฒนาในช่วงทศวรรษ 1980 โดยสำนักงานออกแบบ V. M. Myasishchev เพื่อใช้เป็นเครื่องบินสกัดกั้นบอลลูนสอดแนมของสหรัฐฯ
รุ่นก่อนหน้า: โครงการเริ่มต้นด้วยเครื่องบินต้นแบบ "Subject 34" ซึ่งใช้เครื่องยนต์คู่ แทนที่จะเป็นเครื่องยนต์เดี่ยวแบบ U-2 เครื่องต้นแบบลำแรกประสบอุบัติเหตุตกในปี 1978 แต่นำไปสู่การพัฒนา M-17 Stratosphera ซึ่งบินครั้งแรกในปี 1982 และทำลายสถิติโลกได้ถึง 12 รายการ
การพัฒนาสู่ M-55: จาก M-17 ได้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบแฟน Soloviev D-30 สองเครื่อง ทำให้เกิด M-55 Geophysica ซึ่งบินครั้งแรกในปี 1988 และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
คุณสมบัติและศักยภาพ
ความสามารถในการบิน: M-55 มีเพดานบินปฏิบัติการที่ 21,000-22,000 เมตร เทียบเท่ากับ U-2 ทำให้สามารถปฏิบัติภารกิจในชั้นสตราโตสเฟียร์ได้
การออกแบบ: มีปีกตรงที่มีอัตราส่วนความกว้างต่อความยาวสูงและหางผีเสื้อ โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจระยะยาว สามารถบินได้นาน 6-7 ชั่วโมง และมีพิสัยบินเกือบ 5,000 กิโลเมตร
การใช้งานอเนกประสงค์: สามารถบรรทุกอุปกรณ์ได้เกือบ 1,500 กิโลกรัม ทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่องมือวัดโอโซน หรือพอดสำหรับเก็บข้อมูลข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์ (ELINT)
สถิติโลก: M-55 ถือครองสถิติโลก 15 รายการที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์การบินนานาชาติ (FAI) รวมถึงการไต่ระดับความสูงพร้อมน้ำหนักบรรทุกจำนวนมากในปี 1993 ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีใครทำลายได้
การกลับมาและการนำไปใช้ในปัจจุบัน
เปลี่ยนบทบาท: เมื่อภัยคุกคามจากบอลลูนสอดแนมหมดไป M-55 ก็ถูกนำไปใช้ในภารกิจทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแทน
การคืนชีพทางทหาร: เมื่อต้นปีนี้ มีรายงานว่ารัสเซียกำลังเตรียมนำ M-55 กลับมาประจำการอีกครั้ง โดยคาดว่าจะใช้สำหรับภารกิจ ELINT ในบริบทของสงครามยูเครน
ศักยภาพ: แม้จะเป็นเครื่องบินเก่า แต่ M-55 ยังคงมีคุณค่าเนื่องจากเพดานบินที่สูงและความทนทาน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศบางอย่างได้ และโครงสร้างที่แข็งแรงยังเปิดโอกาสให้ติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ทันสมัยเพื่อรองรับภารกิจใหม่ ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย

Myasishchev M-55 เครื่องบินลาดตระเวนที่มีมีภารกิจคล้ายกับ Lockheed U-2
ต้นกำเนิด: M-55 เริ่มพัฒนาในช่วงทศวรรษ 1980 โดยสำนักงานออกแบบ V. M. Myasishchev เพื่อใช้เป็นเครื่องบินสกัดกั้นบอลลูนสอดแนมของสหรัฐฯ
รุ่นก่อนหน้า: โครงการเริ่มต้นด้วยเครื่องบินต้นแบบ "Subject 34" ซึ่งใช้เครื่องยนต์คู่ แทนที่จะเป็นเครื่องยนต์เดี่ยวแบบ U-2 เครื่องต้นแบบลำแรกประสบอุบัติเหตุตกในปี 1978 แต่นำไปสู่การพัฒนา M-17 Stratosphera ซึ่งบินครั้งแรกในปี 1982 และทำลายสถิติโลกได้ถึง 12 รายการ
การพัฒนาสู่ M-55: จาก M-17 ได้มีการออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบแฟน Soloviev D-30 สองเครื่อง ทำให้เกิด M-55 Geophysica ซึ่งบินครั้งแรกในปี 1988 และมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
คุณสมบัติและศักยภาพ
ความสามารถในการบิน: M-55 มีเพดานบินปฏิบัติการที่ 21,000-22,000 เมตร เทียบเท่ากับ U-2 ทำให้สามารถปฏิบัติภารกิจในชั้นสตราโตสเฟียร์ได้
การออกแบบ: มีปีกตรงที่มีอัตราส่วนความกว้างต่อความยาวสูงและหางผีเสื้อ โครงสร้างถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจระยะยาว สามารถบินได้นาน 6-7 ชั่วโมง และมีพิสัยบินเกือบ 5,000 กิโลเมตร
การใช้งานอเนกประสงค์: สามารถบรรทุกอุปกรณ์ได้เกือบ 1,500 กิโลกรัม ทำให้สามารถติดตั้งอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เช่น เครื่องมือวัดโอโซน หรือพอดสำหรับเก็บข้อมูลข่าวกรองอิเล็กทรอนิกส์ (ELINT)
สถิติโลก: M-55 ถือครองสถิติโลก 15 รายการที่ได้รับการรับรองจากสหพันธ์การบินนานาชาติ (FAI) รวมถึงการไต่ระดับความสูงพร้อมน้ำหนักบรรทุกจำนวนมากในปี 1993 ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่มีใครทำลายได้
การกลับมาและการนำไปใช้ในปัจจุบัน
เปลี่ยนบทบาท: เมื่อภัยคุกคามจากบอลลูนสอดแนมหมดไป M-55 ก็ถูกนำไปใช้ในภารกิจทางวิทยาศาสตร์และสิ่งแวดล้อมแทน
การคืนชีพทางทหาร: เมื่อต้นปีนี้ มีรายงานว่ารัสเซียกำลังเตรียมนำ M-55 กลับมาประจำการอีกครั้ง โดยคาดว่าจะใช้สำหรับภารกิจ ELINT ในบริบทของสงครามยูเครน
ศักยภาพ: แม้จะเป็นเครื่องบินเก่า แต่ M-55 ยังคงมีคุณค่าเนื่องจากเพดานบินที่สูงและความทนทาน ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงระบบป้องกันภัยทางอากาศบางอย่างได้ และโครงสร้างที่แข็งแรงยังเปิดโอกาสให้ติดตั้งเซ็นเซอร์ที่ทันสมัยเพื่อรองรับภารกิจใหม่ ๆ ในอนาคตได้อีกด้วย