รักษามะเร็งได้ใน 5 วัน ! ญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยี 3 in 1 จัดการมะเร็งครบจบ

ทีมนักวิจัยจากสถาบัน JAIST ประเทศญี่ปุ่นพัฒนาเทคโนโลยีรักษามะเร็งรูปแบบใหม่ที่รวม “โลหะเหลว” กับ “จุลินทรีย์ที่ดี” และ “สารเรืองแสง” ภายใน อนุภาคนาโนขนาดเล็ก หรือจะเรียกว่า “แคปซูลจิ๋วอัจฉริยะ” ซึ่งสามารถตรวจจับและทำลายมะเร็งได้ในเวลาเดียวกัน

เมื่อนำอนุภาคเหล่านี้ไปทดลองกับหนูที่ปลูกถ่ายเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยฉายแสงอินฟราเรดวันละ 5 นาที ติดต่อกัน 2 วัน หลังจากนั้น 5 วันพบว่าก้อนมะเร็งทั้งหมดหายไป
.
ทำได้ทั้ง “ตรวจหา” และ “รักษา” ในครั้งเดียว
.
นาโนเทคโนโลยีนี้มีความพิเศษตรงที่ทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน คือ
.
ตรวจหามะเร็ง: สารเรืองแสงช่วยให้แพทย์เห็นตำแหน่งของก้อนมะเร็งได้ชัดเจน
.
กระตุ้นภูมิคุ้มกัน: ส่วนประกอบจากจุลินทรีย์ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันมาจัดการกับมะเร็ง
.
ทำลายด้วยความร้อน: โลหะเหลวเปลี่ยนพลังงานจากแสงอินฟราเรดเป็นความร้อน ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายเฉพาะจุด
.
อนุภาคนาโนเหล่านี้ยังสามารถ “เดินทางไปหาก้อนมะเร็งได้เอง” ด้วยกลไกตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ต้องใช้เทคนิคการเล็งเป้าหมายที่ซับซ้อนเลย
.
มะเร็งหายหมดใน 5 วันจากการทดลอง
.
จากการทดลอง นักวิจัยฉีดอนุภาคนาโนเข้าสู่กระแสเลือดของหนูทดลอง จากนั้นฉายแสงอินฟราเรดไปยังบริเวณก้อนมะเร็ง วันละ 5 นาที เป็นเวลา 2 วัน ผลปรากฏว่าก้อนมะเร็งทั้งหมดหายไปภายใน 5 วัน 
.
ปลอดภัยสูง ไม่เป็นพิษต่อร่างกาย
.
การทดสอบกับเซลล์ปกติของมนุษย์และสัตว์พบว่า อนุภาคนาโนเหล่านี้ไม่ทำให้เซลล์เสียหายหรือเป็นพิษ นอกจากนี้การตรวจเลือดและติดตามน้ำหนักตัวของหนูหลังได้รับการรักษาก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ ยืนยันว่าเทคโนโลยีนี้มีความปลอดภัยสูง
.
ทีมวิจัยเริ่มจากคำถามง่าย ๆ แต่สำคัญว่า ถ้าเราสามารถส่งสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันตรงไปยังก้อนมะเร็ง และใช้แสงอินฟราเรดทำลายเซลล์มะเร็งพร้อมกัน เราจะสามารถตรวจหาและรักษามะเร็งได้ในครั้งเดียวหรือไม่
.
ความสำเร็จครั้งนี้ยังเกี่ยวข้องกับการค้นพบใหม่ว่า ก้อนมะเร็งมักมีจุลินทรีย์เฉพาะตัวอยู่ข้างใน ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการรักษามะเร็งในอนาคต
.
งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นศักยภาพของนาโนเทคโนโลยีที่สามารถ ตรวจหาและรักษามะเร็งได้ในขั้นตอนเดียว ทีมวิจัยตั้งใจพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อไปให้ใช้กับมะเร็งชนิดอื่น ๆ และทดลองกับผู้ป่วยจริง เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ปลอดภัย อ่อนโยน และได้ผลมากที่สุด 
.
ที่มา : Techsauce
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่