แปะงานพรีปริ้นท์ไว้ก่อนเผื่อใครสนใจ
ฉบับภาษาไทย : https://doi.org/10.5281/zenodo.17189794
ฉบับภาษาอังกฤษ : https://doi.org/10.5281/zenodo.17192788
จุดเริ่มต้นเลยเกิดจากเมื่อปี 2567 แฟนผมกำลังเริ่มตั้งครรภ์ผมเลยคิดจะหารายได้เสริมจากการปลูกเห็ดขาย...
ผมก็เลยคุยกับภรรยาว่าเห็ดนางฟ้าน่าจะขายได้ง่ายเลยลองสั่งเข้ามาสิบก้อนเพื่อทดลอง ด้วยความที่ผมเป็นคนนิสัยที่อยากจะพึ่งพาตนเองเป็นหลักถ้าสั่งซื้อเค้ามาอย่างเดียวก็มีต้นทุนและการออกดอกก็ควบคุมไม่ได้เท่ากับทำด้วยตัวเองทั้งหมด เลยคิดค้นสูตรปุ๋ยขึ้นมากะว่าจะทำแบบครอบจักรวาลไปเลยให้ใช้กับทั้งเห็ดและพืชอื่นๆได้ด้วย พอลองเพาะเห็ดช่วงที่รอเห็ดออกดอกก็ได้ไปสนใจเรื่องเห็ดป่าเลยคิดว่าเห็ดป่าถ้าเพาะได้ก็ดีเลยดูความสัมพันธ์การเติบโตของ
เห็ดป่ากับ
ไมคอร์ไรซ่าและ
ความสัมพันธ์กับรากพืช
จากนั้นจึงได้สร้าง
"วัสดุทดแทนรากพืช" ขึ้นมาแรกเริ่มเลยตั้งชื่อว่า
"รากเทียมไมโคไรซ่า" สร้างขึ้นจากการผสมปุ๋ยสูตรครอบจักรวาลที่ภายหลังเรียกว่า
"ปุ๋ยสูตรลับ"เข้ากับขี้เลื่อย,ผงไมคอร์ไรซ่า,และแป้งที่มีในบ้าน(แอบเอาของภรรยามาใช้) การออกแบบแรกๆเลยทำเป็นรูปดาวแปดแฉกแบบดาวดาวิดเพราะคิดว่าการจับเส้นใยของรากเห็ดป่าน่าจะได้ดีกว่า แต่พอทำพิมพ์เพื่อช่วยในการขึ้นรูปรากเทียมไมคอรร์ไรซ่าออกมาจริงๆแล้วปรากฎว่า
แกะยากมากๆ ทำได้แค่สองชิ้นทิ้งพิมพ์เลย เอาส่วนผสมที่เหลือปั้นด้วยมือง่ายๆ จนออกมาเป็นทรงกลมแบนๆแล้วเอาไปอบ พอได้
วัสดุปลูกที่เป็นรูปเป็นร่างแล้วก็เอาไปลองเพาะเห็ดป่าดูเลย ด้วยรูปร่างเหมือนขนมคุกกี้จึงให้ชื่อมันว่า
"ไมโคไรซ่าคุกกี้" (ที่ใช้คำว่าไมโคไม่ใช่ไมคอร์เพราะพึ่งจะมารู้ทีหลังว่าไมคอร์จะถูกอักขระมากกว่า)
งมกับเห็ดป่ามากว่า
ครึ่งปีก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จนได้สังเกตุเห็นสิ่งที่มีแต่ได้มองข้ามไปซึ่งก็คือ
"รากเทียมไมคอรร์ไรซ่าคุกกี้" ของผมนั้นมันมีพฤติกรรมแปลกๆนอกจากจะมีใยฟูจิ๋วๆออกมาภายในไม่กี่ชั่วโมงและฟูชัดในสามวันแล้ว ที่สำคัญคือมันมีใยที่เหมือนกับรากพืชเส้นเล็กๆอยู่ในภาชนะทดลองอีกด้วย ตอนนั้นเราคิดว่าเป็นรากพืชที่ปนมากับดินที่ซื้อมา
ใยไมคอร์ไรซ่าที่ทีแรกคิดว่าเป็นรากพืช
ตอนทดลองเรื่องเห็ดป่ากว่าครึ่งปีผมก็เข้าใจว่านี่คือ
รากเห็ดไม่ก็รากพืช อะไรสักอย่างมาตลอด ใยนี้เห็นได้ทั่วไปในภาชนะทดลอง เหตุการนี้เลยเริ่มฉุกคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ใยเห็ดหรือรากพืชแต่เป็นใยไมคอรร์ไรซ่าแน่นอนเพราะมีการพบเพิ่มในภาชนะทดลอง ในจุดที่ส่องกล้องดูและจำได้ว่า
ตรงจุดนี้ไม่เคยมีอะไรมาก่อน
แล้วก็เป็นไปตามที่คิด พอเอาไมคอร์ไรซ่าคุกกี้ไปทดลองในภาชนะเล็กๆที่ใส่ดินปลูกพืชที่ซื้อมาใหม่พอทำการตรวจทานดูแล้วแน่ใจว่าไม่มีรากพืชบนหน้าดินแน่นอนจึงวางไมคอร์ไรซ่าลงไปบนดินนั้น เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็เห็นใยฟูขาวออกมาเหมือนลักษณะปกติของใยไมคอรร์ไรซ่าที่รู้จักกันดี แต่ใยที่เหมือนรากพืชนี่ก็กลับมาปรากฏในภาชนะทดลองนี้แล้วยังออกมาจากคุกกี้อีกตะหาก
พอเอาไปเล่าให้เอไอฟ้าฟัง(ฟ้าเป็นเอไอในแชทจีพีที) ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มคุยเกี่ยวกับไมคอรร์ไรซ่ามากขึ้นจนรู้ว่า
ไมคอรร์ไรซ่ามีอยู่ทั่วโลกหลายสายพันธุ์กระทั่งไปสะดุดกับที่ฟ้าเล่าว่าบางสายพันธ์มีในทะเลทรายด้วย
เกิดความคิดใหม่อีกว่างั้นผมก็น่าจะปลูกพืชในที่แห้งแล้งได้ด้วยนี่นา เรื่มสนใจใน "
ไมคอร์ไรซ่าคุกกี้" ที่สร้างมากับมือในฐานะสินค้าขายที่ไม่ใช่แค่วัสดุช่วยปลูกเห็ด เลยไปขอทรายก่อสร้างที่เค้าขายกันมาทดลองการเดินใยแล้วเอาถั่วเขียวมาเพาะเพื่อดูการจับราก ปรากฏว่ามันเดินใยบนทรายได้ทั้งใยฟูและใยที่เหมือนรากเข้าจับรากพืชเหมือนปกติทั่วไปเลย จากผลการทดลองก็เริ่มจินตนาการถึง
การปลูกพืชในทะเลทราย เล่าให้ฟ้าฟังถกกันเรื่องนี้เและฟ้าก็ได้พูดคำว่า
"วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด" ออกมาลอยๆหลายครั้ง ผมเลยถามถึง "
วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด" คืออะไรฟ้าก็ตอบกลับมาว่า
“🔹
วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด (superinsulator) ในฟิสิกส์ → คือวัสดุที่ “ไฟฟ้าไหลไม่ได้เลย” ความต้านทานอนันต์
🔹 แต่พอเอามาเทียบกับ
ชีววิทยา/สิ่งมีชีวิต → ฟ้าบอกว่าให้ลองคิดเหมือน "วัสดุที่ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีสัญญาณชีพ" เลย คือมัน
ปิดกั้นทุก ทางของพลังชีวิต นอกจากนี้ยัง
ไม่มีรูพรุนให้ไมคอร์ไรซ่าหรือรากพืชยึดเกาะ และมักมีความแข็งหรือคมเหมือนหินแร่บางชนิด ทำให้แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่รอดได้
”
เพื่อทดสอบความสามารถของ
"ไมคอร์ไรซ่า" เรามีเศษพลอยเล็กมากๆที่ไม่ได้เอาไปเจียระไนเก็บไว้อยู่ จึงเอาเศษพลอยมาทดลองให้
"ไมคอไรซ่า"เดินใยสัก 3 วัน ผลปรากฎพบเหมือนมีขุยอะไรสักอย่างสีเหลืองๆกระจายบนผิวพลอยเหล่านั้น จากนั้นก็เอาถั่วงอกที่พอมีรากไปใส่ดูก็มีใยฟูออกมาจากราก แต่เพราะให้น้ำน้อยให้น้ำแค่ท่วมกองพลอยด้านล่างแต่ก็ไม่ถึงรากดี พอปล่อยไปไม่กี่วันน้ำก็แห้งผมลองดูอีกทีก็พบการเปลี่ยนแปลง ผมเจอใยไมคอร์ไรซ่าที่คล้ายๆท่อบนเศษพลอยเชื่อมเข้ากับ
"รากถั่วงอกที่เริ่มเน่า" ปรึกษาเอไอฟ้าๆบอกว่าภาพนี้ใช้ไม่ได้เพราะถ้าเอาไปเผยแพร่จะทำให้ดูไม่ดีเพราะรากมันเน่า ผมก็ไม่ได้ลบภาพชุดนี้แต่เกือบลบไปอยู่เหมือนกัน
ไมคอร์ไรซ่าที่ออกมาจากผิวพลอยเข้าจับกับรากถั่วงอกที่กำลังเน่า
พอได้รู้ว่า"
ไมคอรร์ไรซ่า" ของผมสามารถเดินใยบนวัสดุแข็งได้ จากแนวคิดที่จะปลูกพืชในทะเลทรายหรือพื้นที่แร้นแค้นก็นึกสนุกจินตนาการไปยังพื้นที่ๆยิ่งกว่านั่นก็คือ
"ดินต่างดาว" เลยถามถึงความเป็นไปได้กับลักษณะดินต่างดาวจากฟ้า จากข้อมูลที่ได้เลยคิดทดลองกับวัสดุที่พอหาได้ง่ายๆใกล้ตัวเพื่อทดสอบการเดินใยในสภาวะสุดขีดยิ่งกว่าเดิมมี
เหล็กสนิม ก้นกรองบุหรี่ขี้บุหรี่ พลอยดิบ แผ่นพลาสติกจากขวดน้ำอัดลม แร็พพลาสติกใช้แล้วของทุกอย่างเป็นของที่หาได้ง่ายๆภายในบ้าน
ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เกินความคาดหมาย!! เมื่อกลับพบว่าไมคอร์ไรซ่าที่ออกมาจากคุกกี้ผมนั้นมันกลับตอบสนองปรับสภาพพื้นที่เพื่อ
นำพาตัวมันเองไปอยู่บนวัสดุได้
กับทุกวัสดุที่ผมเอามาทดลอง
ในรูปแบบที่แตกต่างกัน และที่สำคัญคือ
ไม่จำเป็นต้องมีรากพืช อยู่ใกล้ๆด้วย
ไมคอร์ไรซ่าเดินใยบนเหล็กขึ้นสนิม
ไมคอร์ไรซ่าเดินใยบนขี้บุหรี่ ก้นกรองบุหรี่
ไมคอร์ไรซ่าเดินใยบนเศษพลอยที่ยังไม่ผ่านการเจียระไน
ไมคอร์ไรซ่าเดินใยบนแผ่นพลาสติกที่ตัดจากขวดน้ำอัดลม
ไมคอร์ไรซ่าเดินใยบนแร็พพลาสติก
ทีนี้เกิดคำถามขึ้นมาว่า
"นี่เป็นความสามารถดั้งเดิมของไมคอร์ไรซ่ารึเปล่า" เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เคยพบเห็นจากการหาข้อมูลการใช้ไมคอรร์ไรซ่าเพื่อการปลูกพืชในอินเตอร์เนตเลย สายพันธุ์ที่ใช้ก็เป็นสายพันธุ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป พอถามฟ้าไปฟ้าก็บอกแค่ว่ามันแปลกเท่านั้น
ผมเลยตั้ง
สมมุติฐานว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจมีมาแต่ดั้งเดิมก็เป็นได้เพราะเคยอ่านเจอว่า
ไมคอรร์ไรซ่ามีความสัมพันธ์กับพืชมาแต่โบราณ
จากการออกสู่นอกโลกเลยพาตัวเองย้อนเวลาไปสู่หลายร้อยล้านปีก่อน
เมื่อครั้งพืชเริ่มขึ้นบกโดยการหาข้อมูลเพิ่มเติมและในเวลานี้ความคิดเริ่มตกผลึก ทฤษฏีก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแต่ยังไม่สมบูรณ์
พอศึกษาได้รู้ว่า
พืชบกมาจากสาหร่ายบก ผมก็เลยจะหาซื้อสาหร่ายบกพวกสาหร่ายตู้ปลามาทดลองเพื่อสังเกตพฤติกรรมว่าไมคอร์ไรซ่าจะทำยังไงกับสาหร่ายแต่เวลานั้นไม่รู้จะหาซื้อสาหร่ายตู้ปลาที่ไหนอยากทดลองเร็วๆ เลยไปเอาสาหร่ายต้มซุปในห้างแถวบ้านมาทำการทดลอง แถมที่เอามาก็คนละสายพันธุ์กับสาหร่ายสีเขียวอีกตะหาก หาข้อมูลพบว่าพืชบกมีDNAคล้ายคลึงกับสาหร่ายบกซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวกรีนอแกร์ แต่ที่ผมเอามาทดลองเป็นสายบราวน์อแกร์ พอเริ่มนิยามทฤษฎีคร่าวๆแล้ว 2 วันถัดมาเลยได้เอาสาหร่ายมาทดลองทีแรกก็ใช้น้ำเปล่าธรรมดาๆนี่แหละ
**สาเหตุนึงที่การทดลองสังเกตพฤติกรรมไมคอร์ไรซ่าของผมเป็นไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่องพบเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบวันต่อวันเพราะความสามารถของไมคอร์ไรซ่าที่ออกมาจากคุกกี้**
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงผมก็พบ
"เส้นใยสำรวจ"(เรียกแบบนี้เพราะดูจากพฤติกรรมที่เห็นจากการทดลองก่อนๆ)มุ่งลงน้ำไปจับเข้ากับสาหร่ายเวลาผ่านไปเริ่มเห็นสีขาวๆภายในสาหร่ายที่ถูกใยสำรวจปักอยู่ สังเกตุดูเลยตั้งข้อสันนิษฐานว่าการปฎิสัมพันธุ์ของพืชกับไมคอรร์ไรซ่าอาจไม่ได้มีตั้งแต่พืชเริ่มมีรากจากพฤติกรรมนี้เลยไปลองทดลองกับสาหร่ายอีกชุดนึงที่ใส่เกลือลงไป 1 ช้อนโต๊ะ(กะจะลองกับน้ำส้มสายชูด้วยแต่เลือกเกลือเพราะยุคนั้นดินน่าจะเค็มด้วย) เพื่อจำลองสภาพความโหดร้ายแปรปรวนโดยเทียบกับชุดน้ำเปล่า ผลที่ได้ใยสำรวจก็แสดงพฤติกรรมแบบเดียวกันทั้งสองการทดลองคือมุดน้ำไปจับสาหร่ายแล้วแพร่ใยเข้าสู่ภายใน
การเข้าจับสาหร่ายและทำการแพร่ใยเข้าไปด้านใน
พอได้ผลการทดลองพบพฤติกรรมที่แปลกประหลาดอย่างต่อเนื่อง
และได้สะดุดเจอการเปลี่ยนผ่านที่หายไป คืออ่านเจอแค่ว่ามีการพบไมคอร์ไรซ่า
เริ่มเข้าปฎิสัมพันธ์กับพืชในยุคดีโวเนียนตอนต้น(ประมาณ 410–400 ล้านปีก่อน)จากซากฟอสซิล "แล้วช่วงการเปลี่ยนผ่านละหายไปไหนไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดหรือกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไมคอไรซ่ากับสาหร่ายเลย"
แล้วพฤติกรรมของไมคอร์ไรซ่าที่เราได้พบเจอละมันคืออะไร??
จินตนาการเข้ามาในหัวอีกแล้วเป็นภาพสาหร่ายบกยุคนั้นนอนแช่อยู่ในน้ำมีไมคอร์ไรซ่าเลื้อยไปหาและได้เกิดการปฎิสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เริ่มเรียบเรียงแนวคิดประกอบเข้ากับสิ่งที่พบมาเป็นทฤษฎีเต็มและให้ชื่อว่า
"ทฤษฎีการคัดเลือกและอยู่ร่วมโดยไมคอร์ไรซ่าในการขึ้นบกของพืช (Mycorrhizal Co-Selection Theory of Terrestrialization)"
**เดี๋ยวมาต่อครับ**
ผมค้นพบพฤติกรรมของไมคอร์ไรซ่าจนนำไปสู่การตั้งทฤษฎี "ทฤษฎีการคัดเลือกและอยู่ร่วมโดยไมคอร์ไรซ่าในการขึ้นบกของพืช"
ฉบับภาษาไทย : https://doi.org/10.5281/zenodo.17189794
ฉบับภาษาอังกฤษ : https://doi.org/10.5281/zenodo.17192788
จุดเริ่มต้นเลยเกิดจากเมื่อปี 2567 แฟนผมกำลังเริ่มตั้งครรภ์ผมเลยคิดจะหารายได้เสริมจากการปลูกเห็ดขาย...
ผมก็เลยคุยกับภรรยาว่าเห็ดนางฟ้าน่าจะขายได้ง่ายเลยลองสั่งเข้ามาสิบก้อนเพื่อทดลอง ด้วยความที่ผมเป็นคนนิสัยที่อยากจะพึ่งพาตนเองเป็นหลักถ้าสั่งซื้อเค้ามาอย่างเดียวก็มีต้นทุนและการออกดอกก็ควบคุมไม่ได้เท่ากับทำด้วยตัวเองทั้งหมด เลยคิดค้นสูตรปุ๋ยขึ้นมากะว่าจะทำแบบครอบจักรวาลไปเลยให้ใช้กับทั้งเห็ดและพืชอื่นๆได้ด้วย พอลองเพาะเห็ดช่วงที่รอเห็ดออกดอกก็ได้ไปสนใจเรื่องเห็ดป่าเลยคิดว่าเห็ดป่าถ้าเพาะได้ก็ดีเลยดูความสัมพันธ์การเติบโตของเห็ดป่ากับไมคอร์ไรซ่าและความสัมพันธ์กับรากพืช
จากนั้นจึงได้สร้าง "วัสดุทดแทนรากพืช" ขึ้นมาแรกเริ่มเลยตั้งชื่อว่า "รากเทียมไมโคไรซ่า" สร้างขึ้นจากการผสมปุ๋ยสูตรครอบจักรวาลที่ภายหลังเรียกว่า"ปุ๋ยสูตรลับ"เข้ากับขี้เลื่อย,ผงไมคอร์ไรซ่า,และแป้งที่มีในบ้าน(แอบเอาของภรรยามาใช้) การออกแบบแรกๆเลยทำเป็นรูปดาวแปดแฉกแบบดาวดาวิดเพราะคิดว่าการจับเส้นใยของรากเห็ดป่าน่าจะได้ดีกว่า แต่พอทำพิมพ์เพื่อช่วยในการขึ้นรูปรากเทียมไมคอรร์ไรซ่าออกมาจริงๆแล้วปรากฎว่าแกะยากมากๆ ทำได้แค่สองชิ้นทิ้งพิมพ์เลย เอาส่วนผสมที่เหลือปั้นด้วยมือง่ายๆ จนออกมาเป็นทรงกลมแบนๆแล้วเอาไปอบ พอได้วัสดุปลูกที่เป็นรูปเป็นร่างแล้วก็เอาไปลองเพาะเห็ดป่าดูเลย ด้วยรูปร่างเหมือนขนมคุกกี้จึงให้ชื่อมันว่า "ไมโคไรซ่าคุกกี้" (ที่ใช้คำว่าไมโคไม่ใช่ไมคอร์เพราะพึ่งจะมารู้ทีหลังว่าไมคอร์จะถูกอักขระมากกว่า)
งมกับเห็ดป่ามากว่าครึ่งปีก็ไม่มีอะไรคืบหน้า จนได้สังเกตุเห็นสิ่งที่มีแต่ได้มองข้ามไปซึ่งก็คือ "รากเทียมไมคอรร์ไรซ่าคุกกี้" ของผมนั้นมันมีพฤติกรรมแปลกๆนอกจากจะมีใยฟูจิ๋วๆออกมาภายในไม่กี่ชั่วโมงและฟูชัดในสามวันแล้ว ที่สำคัญคือมันมีใยที่เหมือนกับรากพืชเส้นเล็กๆอยู่ในภาชนะทดลองอีกด้วย ตอนนั้นเราคิดว่าเป็นรากพืชที่ปนมากับดินที่ซื้อมา
ตอนทดลองเรื่องเห็ดป่ากว่าครึ่งปีผมก็เข้าใจว่านี่คือรากเห็ดไม่ก็รากพืช อะไรสักอย่างมาตลอด ใยนี้เห็นได้ทั่วไปในภาชนะทดลอง เหตุการนี้เลยเริ่มฉุกคิดว่านี่ไม่น่าจะใช่ใยเห็ดหรือรากพืชแต่เป็นใยไมคอรร์ไรซ่าแน่นอนเพราะมีการพบเพิ่มในภาชนะทดลอง ในจุดที่ส่องกล้องดูและจำได้ว่าตรงจุดนี้ไม่เคยมีอะไรมาก่อน
แล้วก็เป็นไปตามที่คิด พอเอาไมคอร์ไรซ่าคุกกี้ไปทดลองในภาชนะเล็กๆที่ใส่ดินปลูกพืชที่ซื้อมาใหม่พอทำการตรวจทานดูแล้วแน่ใจว่าไม่มีรากพืชบนหน้าดินแน่นอนจึงวางไมคอร์ไรซ่าลงไปบนดินนั้น เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อมาก็เห็นใยฟูขาวออกมาเหมือนลักษณะปกติของใยไมคอรร์ไรซ่าที่รู้จักกันดี แต่ใยที่เหมือนรากพืชนี่ก็กลับมาปรากฏในภาชนะทดลองนี้แล้วยังออกมาจากคุกกี้อีกตะหาก
พอเอาไปเล่าให้เอไอฟ้าฟัง(ฟ้าเป็นเอไอในแชทจีพีที) ตั้งแต่นั้นมาก็เริ่มคุยเกี่ยวกับไมคอรร์ไรซ่ามากขึ้นจนรู้ว่าไมคอรร์ไรซ่ามีอยู่ทั่วโลกหลายสายพันธุ์กระทั่งไปสะดุดกับที่ฟ้าเล่าว่าบางสายพันธ์มีในทะเลทรายด้วย
เกิดความคิดใหม่อีกว่างั้นผมก็น่าจะปลูกพืชในที่แห้งแล้งได้ด้วยนี่นา เรื่มสนใจใน "ไมคอร์ไรซ่าคุกกี้" ที่สร้างมากับมือในฐานะสินค้าขายที่ไม่ใช่แค่วัสดุช่วยปลูกเห็ด เลยไปขอทรายก่อสร้างที่เค้าขายกันมาทดลองการเดินใยแล้วเอาถั่วเขียวมาเพาะเพื่อดูการจับราก ปรากฏว่ามันเดินใยบนทรายได้ทั้งใยฟูและใยที่เหมือนรากเข้าจับรากพืชเหมือนปกติทั่วไปเลย จากผลการทดลองก็เริ่มจินตนาการถึงการปลูกพืชในทะเลทราย เล่าให้ฟ้าฟังถกกันเรื่องนี้เและฟ้าก็ได้พูดคำว่า "วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด" ออกมาลอยๆหลายครั้ง ผมเลยถามถึง "วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด" คืออะไรฟ้าก็ตอบกลับมาว่า
“🔹 วัสดุเฉื่อยยิ่งยวด (superinsulator) ในฟิสิกส์ → คือวัสดุที่ “ไฟฟ้าไหลไม่ได้เลย” ความต้านทานอนันต์
🔹 แต่พอเอามาเทียบกับ ชีววิทยา/สิ่งมีชีวิต → ฟ้าบอกว่าให้ลองคิดเหมือน "วัสดุที่ไม่มีน้ำ ไม่มีอาหาร ไม่มีสัญญาณชีพ" เลย คือมัน ปิดกั้นทุก ทางของพลังชีวิต นอกจากนี้ยัง ไม่มีรูพรุนให้ไมคอร์ไรซ่าหรือรากพืชยึดเกาะ และมักมีความแข็งหรือคมเหมือนหินแร่บางชนิด ทำให้แทบไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่รอดได้”
เพื่อทดสอบความสามารถของ "ไมคอร์ไรซ่า" เรามีเศษพลอยเล็กมากๆที่ไม่ได้เอาไปเจียระไนเก็บไว้อยู่ จึงเอาเศษพลอยมาทดลองให้ "ไมคอไรซ่า"เดินใยสัก 3 วัน ผลปรากฎพบเหมือนมีขุยอะไรสักอย่างสีเหลืองๆกระจายบนผิวพลอยเหล่านั้น จากนั้นก็เอาถั่วงอกที่พอมีรากไปใส่ดูก็มีใยฟูออกมาจากราก แต่เพราะให้น้ำน้อยให้น้ำแค่ท่วมกองพลอยด้านล่างแต่ก็ไม่ถึงรากดี พอปล่อยไปไม่กี่วันน้ำก็แห้งผมลองดูอีกทีก็พบการเปลี่ยนแปลง ผมเจอใยไมคอร์ไรซ่าที่คล้ายๆท่อบนเศษพลอยเชื่อมเข้ากับ "รากถั่วงอกที่เริ่มเน่า" ปรึกษาเอไอฟ้าๆบอกว่าภาพนี้ใช้ไม่ได้เพราะถ้าเอาไปเผยแพร่จะทำให้ดูไม่ดีเพราะรากมันเน่า ผมก็ไม่ได้ลบภาพชุดนี้แต่เกือบลบไปอยู่เหมือนกัน
พอได้รู้ว่า"ไมคอรร์ไรซ่า" ของผมสามารถเดินใยบนวัสดุแข็งได้ จากแนวคิดที่จะปลูกพืชในทะเลทรายหรือพื้นที่แร้นแค้นก็นึกสนุกจินตนาการไปยังพื้นที่ๆยิ่งกว่านั่นก็คือ "ดินต่างดาว" เลยถามถึงความเป็นไปได้กับลักษณะดินต่างดาวจากฟ้า จากข้อมูลที่ได้เลยคิดทดลองกับวัสดุที่พอหาได้ง่ายๆใกล้ตัวเพื่อทดสอบการเดินใยในสภาวะสุดขีดยิ่งกว่าเดิมมีเหล็กสนิม ก้นกรองบุหรี่ขี้บุหรี่ พลอยดิบ แผ่นพลาสติกจากขวดน้ำอัดลม แร็พพลาสติกใช้แล้วของทุกอย่างเป็นของที่หาได้ง่ายๆภายในบ้าน
ปรากฏว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็เกินความคาดหมาย!! เมื่อกลับพบว่าไมคอร์ไรซ่าที่ออกมาจากคุกกี้ผมนั้นมันกลับตอบสนองปรับสภาพพื้นที่เพื่อนำพาตัวมันเองไปอยู่บนวัสดุได้กับทุกวัสดุที่ผมเอามาทดลองในรูปแบบที่แตกต่างกัน และที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องมีรากพืช อยู่ใกล้ๆด้วย
ทีนี้เกิดคำถามขึ้นมาว่า "นี่เป็นความสามารถดั้งเดิมของไมคอร์ไรซ่ารึเปล่า" เพราะพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เคยพบเห็นจากการหาข้อมูลการใช้ไมคอรร์ไรซ่าเพื่อการปลูกพืชในอินเตอร์เนตเลย สายพันธุ์ที่ใช้ก็เป็นสายพันธุ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป พอถามฟ้าไปฟ้าก็บอกแค่ว่ามันแปลกเท่านั้น
ผมเลยตั้งสมมุติฐานว่าพฤติกรรมเหล่านี้อาจมีมาแต่ดั้งเดิมก็เป็นได้เพราะเคยอ่านเจอว่าไมคอรร์ไรซ่ามีความสัมพันธ์กับพืชมาแต่โบราณ
จากการออกสู่นอกโลกเลยพาตัวเองย้อนเวลาไปสู่หลายร้อยล้านปีก่อนเมื่อครั้งพืชเริ่มขึ้นบกโดยการหาข้อมูลเพิ่มเติมและในเวลานี้ความคิดเริ่มตกผลึก ทฤษฏีก็เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแต่ยังไม่สมบูรณ์
พอศึกษาได้รู้ว่าพืชบกมาจากสาหร่ายบก ผมก็เลยจะหาซื้อสาหร่ายบกพวกสาหร่ายตู้ปลามาทดลองเพื่อสังเกตพฤติกรรมว่าไมคอร์ไรซ่าจะทำยังไงกับสาหร่ายแต่เวลานั้นไม่รู้จะหาซื้อสาหร่ายตู้ปลาที่ไหนอยากทดลองเร็วๆ เลยไปเอาสาหร่ายต้มซุปในห้างแถวบ้านมาทำการทดลอง แถมที่เอามาก็คนละสายพันธุ์กับสาหร่ายสีเขียวอีกตะหาก หาข้อมูลพบว่าพืชบกมีDNAคล้ายคลึงกับสาหร่ายบกซึ่งเป็นสาหร่ายสีเขียวกรีนอแกร์ แต่ที่ผมเอามาทดลองเป็นสายบราวน์อแกร์ พอเริ่มนิยามทฤษฎีคร่าวๆแล้ว 2 วันถัดมาเลยได้เอาสาหร่ายมาทดลองทีแรกก็ใช้น้ำเปล่าธรรมดาๆนี่แหละ
**สาเหตุนึงที่การทดลองสังเกตพฤติกรรมไมคอร์ไรซ่าของผมเป็นไปอย่างรวดเร็วต่อเนื่องพบเห็นการเปลี่ยนแปลงแบบวันต่อวันเพราะความสามารถของไมคอร์ไรซ่าที่ออกมาจากคุกกี้**
ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงผมก็พบ"เส้นใยสำรวจ"(เรียกแบบนี้เพราะดูจากพฤติกรรมที่เห็นจากการทดลองก่อนๆ)มุ่งลงน้ำไปจับเข้ากับสาหร่ายเวลาผ่านไปเริ่มเห็นสีขาวๆภายในสาหร่ายที่ถูกใยสำรวจปักอยู่ สังเกตุดูเลยตั้งข้อสันนิษฐานว่าการปฎิสัมพันธุ์ของพืชกับไมคอรร์ไรซ่าอาจไม่ได้มีตั้งแต่พืชเริ่มมีรากจากพฤติกรรมนี้เลยไปลองทดลองกับสาหร่ายอีกชุดนึงที่ใส่เกลือลงไป 1 ช้อนโต๊ะ(กะจะลองกับน้ำส้มสายชูด้วยแต่เลือกเกลือเพราะยุคนั้นดินน่าจะเค็มด้วย) เพื่อจำลองสภาพความโหดร้ายแปรปรวนโดยเทียบกับชุดน้ำเปล่า ผลที่ได้ใยสำรวจก็แสดงพฤติกรรมแบบเดียวกันทั้งสองการทดลองคือมุดน้ำไปจับสาหร่ายแล้วแพร่ใยเข้าสู่ภายใน
พอได้ผลการทดลองพบพฤติกรรมที่แปลกประหลาดอย่างต่อเนื่อง และได้สะดุดเจอการเปลี่ยนผ่านที่หายไป คืออ่านเจอแค่ว่ามีการพบไมคอร์ไรซ่าเริ่มเข้าปฎิสัมพันธ์กับพืชในยุคดีโวเนียนตอนต้น(ประมาณ 410–400 ล้านปีก่อน)จากซากฟอสซิล "แล้วช่วงการเปลี่ยนผ่านละหายไปไหนไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดหรือกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไมคอไรซ่ากับสาหร่ายเลย"
แล้วพฤติกรรมของไมคอร์ไรซ่าที่เราได้พบเจอละมันคืออะไร??
จินตนาการเข้ามาในหัวอีกแล้วเป็นภาพสาหร่ายบกยุคนั้นนอนแช่อยู่ในน้ำมีไมคอร์ไรซ่าเลื้อยไปหาและได้เกิดการปฎิสัมพันธ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เริ่มเรียบเรียงแนวคิดประกอบเข้ากับสิ่งที่พบมาเป็นทฤษฎีเต็มและให้ชื่อว่า "ทฤษฎีการคัดเลือกและอยู่ร่วมโดยไมคอร์ไรซ่าในการขึ้นบกของพืช (Mycorrhizal Co-Selection Theory of Terrestrialization)"
**เดี๋ยวมาต่อครับ**