เจาะลึก 5 เรื่องน่าทึ่งจากผลประกอบการ Alphabet: ทุ่ม 85,000 ล้านดอลลาร์ไปกับ AI... และนั่นยังไม่พอ 🚀

🔎💡 เจาะลึก 5 เรื่องน่าทึ่งจากผลประกอบการ Alphabet: ทุ่ม 85,000 ล้านดอลลาร์ไปกับ AI... และนั่นยังไม่พอ 🚀🤖

📊 บทนำ
ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2025 ของ Alphabet บริษัทแม่ของ Google 🌐 สร้างความประทับใจให้กับตลาดเป็นอย่างมาก ด้วยตัวเลขที่ออกมาแข็งแกร่งเกินความคาดหมายในทุกภาคส่วน ตั้งแต่ Search, YouTube ไปจนถึง Cloud แต่เบื้องหลังตัวเลขรายได้และกำไรมหาศาลนั้น มีข้อมูลเชิงลึกที่น่าประหลาดใจและสำคัญกว่าซ่อนอยู่ ข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่บ่งบอกถึงทิศทางการเติบโตของบริษัทในอนาคต แต่ยังสะท้อนภาพรวมของการแข่งขันที่ดุเดือดในยุคปฏิวัติ AI ได้อย่างชัดเจน

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึก 5 ประเด็นสำคัญที่น่าทึ่งที่สุดจากรายงานผลประกอบการครั้งนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากลยุทธ์ของ Alphabet กำลังเดินไปในทิศทางใด และอะไรคือสิ่งที่นักลงทุนและผู้ที่สนใจในวงการเทคโนโลยีต้องจับตามอง

1️⃣ 🎥 1. YouTube Shorts ไม่ใช่แค่ของเล่นอีกต่อไป แต่กลายเป็นเครื่องจักรทำเงินที่ทรงพลัง
สำหรับนักลงทุนและนักวิเคราะห์จำนวนมาก วิดีโอสั้นอย่าง YouTube Shorts เคยเป็นเหมือนดาบสองคมที่น่ากังวล—แม้จะดึงดูดผู้ใช้งานได้มหาศาล แต่ก็ถูกมองว่าเป็นตัวฉุดรั้งรายได้หลักมาโดยตลอด ความท้าทายนี้เป็นปัญหาใหญ่ของทั้งอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ YouTube เพราะธรรมชาติของวิดีโอสั้นที่ผู้ใช้เลื่อนดูอย่างรวดเร็ว ทำให้การแทรกโฆษณามีความหนาแน่นต่ำกว่าและสร้างรายได้ได้ยากกว่า แต่ในรายงานผลประกอบการล่าสุด Sundar Pichai ได้ลบความเชื่อนั้นทิ้งอย่างสิ้นเชิงด้วยข้อมูลที่น่าทึ่ง
เขาเปิดเผยว่าในสหรัฐอเมริกา ตอนนี้ Shorts สามารถสร้างรายได้ต่อชั่วโมงการรับชม (revenue per watch hour) ได้เทียบเท่ากับวิดีโอแบบยาว (In-stream) บน YouTube แล้ว และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือ ในบางประเทศ Shorts สามารถทำรายได้สูงกว่าวิดีโอแบบยาวไปแล้ว

"In the U.S., Shorts now earn as much revenue per watch hour as traditional in-stream on YouTube, and in some countries, it now even exceeds in-stream’s rate."

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่า Alphabet ได้ถอดรหัสโมเดลการสร้างรายได้จากวิดีโอสั้นได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ อย่าง Meta ยังคงพยายามแก้ไขอยู่ การค้นพบนี้ได้เปลี่ยน Shorts จากฟีเจอร์ที่สร้างการมีส่วนร่วมเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นอีกหนึ่งหัวจักรสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตของ YouTube ควบคู่ไปกับยอดการรับชมที่สูงถึง 2 แสนล้านครั้งต่อวัน

2️⃣ 🤖 2. AI ไม่ได้กำลังฆ่า Google Search แต่กลับทำให้แข็งแกร่งขึ้น
หนึ่งในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของนักลงทุนในช่วงปีที่ผ่านมาคือ ‘Innovator's Dilemma’ ของ Google เอง: การที่ฟีเจอร์ AI Overviews ซึ่งให้คำตอบโดยตรง อาจทำลายธุรกิจโฆษณาที่เป็นเหมือนเครื่องจักรผลิตเงินสดของบริษัทจากการที่ผู้ใช้อาจไม่จำเป็นต้องคลิกลิงก์โฆษณาอีกต่อไป แต่ผลลัพธ์ที่เปิดเผยออกมากลับสวนทางกับความกังวลนั้นโดยสิ้นเชิง

ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าฟีเจอร์ AI กลับกระตุ้นให้ผู้คนค้นหาข้อมูล มากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ใช้งานที่อายุน้อย และที่สำคัญ ฟีเจอร์ AI Overviews ยังช่วยเพิ่มจำนวนการค้นหา (queries) มากกว่า 10% ในการค้นหาประเภทที่แสดงผลลัพธ์แบบนี้

"We are also seeing that our AI features cause users to search more as they learn that Search can meet more of their needs. That’s especially true for younger users."

ข้อมูลนี้ไม่เพียงแต่สยบความกลัวของตลาด แต่ยังชี้ให้เห็นว่า AI อาจไม่ได้กำลังกินธุรกิจเดิม แต่กลับทำหน้าที่เป็น 'ตัวเร่ง' (accelerant) ที่ทำให้ผู้คนค้นหามากขึ้นและในรูปแบบที่ซับซ้อนกว่าเดิม นี่คือข้อพิสูจน์ในช่วงแรกว่า Google อาจค้นพบสูตรสำเร็จในการผสาน AI เข้ากับผลิตภัณฑ์หลักได้อย่างลงตัว โดยไม่ทำลายธุรกิจเดิม แต่ยังช่วยขยายตลาดและเพิ่มการใช้งานให้มากขึ้นไปอีก

3️⃣ ☁️ 3. Google Cloud ไม่ใช่แค่เติบโต แต่กำลังทำกำไรมหาศาล
Google Cloud เคยถูกมองว่าเป็นผู้เล่นอันดับสามที่ตามหลัง AWS และ Azure อยู่ห่างๆ และเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลแต่มีความสามารถในการทำกำไรที่ไม่แน่นอน แต่ในไตรมาสนี้ Google Cloud ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าได้ก้าวข้ามจุดนั้นมาไกลมาก

รายได้ของ Google Cloud เติบโตอย่างแข็งแกร่งถึง 32% แซงหน้าคู่แข่งบางราย แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือตัวชี้วัดด้านการทำกำไร โดยอัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating Margin) พุ่งสูงขึ้นจาก 11.3% ในปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 20.7% ในปีนี้ ซึ่งเป็นการเติบโตเกือบเท่าตัว

นอกจากนี้ ความต้องการที่แข็งแกร่งยังสะท้อนผ่านสถิติอื่นๆ เช่น จำนวนดีลที่มีมูลค่าเกิน 250 ล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้นเท่าตัว และยอดสัญญาคงค้าง (backlog) ที่รอรับรู้เป็นรายได้ในอนาคตสูงถึง 106,000 ล้านดอลลาร์
นัยสำคัญของตัวเลขนี้คือ Google Cloud ได้ก้าวข้ามจากการเป็นเพียงผู้ท้าชิง มาสู่การเป็นเสาหลักที่ทำกำไรและเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้กับ Alphabet โดยมี AI เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนที่ดึงดูดลูกค้าองค์กรขนาดใหญ่ให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้น

4️⃣ 🌍 4. สเกลการใช้งาน AI ใหญ่โตในระดับที่น่าเหลือเชื่อ
ขณะที่หลายคนอาจยังมองว่าการใช้งาน AI ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น ตัวเลขที่ Alphabet เปิดเผยออกมาแสดงให้เห็นว่าการนำไปใช้งานจริงนั้นกำลังเติบโตแบบก้าวกระโดดในอัตราเร็วที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

สถิติที่น่าทึ่งที่สุดคือ จำนวน ‘โทเคน’ (tokens) ที่ประมวลผลต่อเดือน ซึ่งโทเคนเปรียบเสมือนหน่วยย่อยของคำที่เป็นส่วนประกอบพื้นฐานสำหรับ AI ในการประมวลผลภาษา ได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงไม่กี่เดือน จาก 480 ล้านล้านโทเคนในเดือนพฤษภาคม พุ่งขึ้นเป็น "กว่า 980 ล้านล้านโทเคน" ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีข้อมูลสนับสนุนอื่นๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เช่น แอปพลิเคชัน Gemini มีผู้ใช้งานกว่า 450 ล้านคนต่อเดือน และมีผู้ใช้งานฟีเจอร์สรุปการประชุมด้วย AI ใน Google Meet มากกว่า 50 ล้านคนในเดือนมิถุนายนเพียงเดือนเดียว

สิ่งที่น่าสนใจคือ ขนาดของการประมวลผลที่มหาศาลระดับเกือบล้านล้านล้านโทเคนต่อเดือนนี้เอง คือคำตอบว่าทำไม Alphabet ถึงต้องทุ่มงบลงทุนมหาศาลเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนำไปสู่ประเด็นที่น่าประหลาดใจที่สุดในรายงานฉบับนี้

5️⃣ 💸 5. Alphabet ทุ่มงบ 85,000 ล้านดอลลาร์ไปกับ AI… และนั่นยังไม่พอ Alphabet ได้ประกาศเพิ่มคาดการณ์งบลงทุน (CapEx) สำหรับปี 2025 จาก 75,000 ล้านดอลลาร์ เป็น 85,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเงินจำนวนมหาศาลนี้ส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการสร้างเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของเทคโนโลยี AI เพื่อให้เห็นภาพ งบลงทุนรายปีจำนวนนี้สูงกว่า GDP ของหลายประเทศ และเทียบเท่ากับการสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ระดับโลก

แต่ส่วนที่น่าประหลาดใจที่สุดคือคำกล่าวของ Anat Ashkenazi, CFO ของบริษัท ที่ยอมรับว่าแม้จะลงทุนเพิ่มขึ้นมหาศาล แต่บริษัทก็ยังคาดว่าจะยังคงอยู่ใน "สภาวะที่อุปทานไม่เพียงพอต่อความต้องการไปจนถึงปี 2026" (tight demand-supply environment going into 2026)

นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนที่สุดว่าการปฏิวัติ AI ไม่ใช่แค่เรื่องของซอฟต์แวร์ แต่คือสงครามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ที่แม้แต่บริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็ยังต้องดิ้นรนเพื่อไล่ให้ทัน ความต้องการพลังประมวลผลนั้นมีมหาศาลเกินจินตนาการ และกำลังเติบโตเร็วกว่าที่ใครคาดคิด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงขนาดและความรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งประวัติศาสตร์นี้

📝 บทสรุป
รายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Alphabet ได้เผยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกเทคโนโลยี ตั้งแต่โมเดลการสร้างรายได้ที่ถูกถอดรหัส 📹 (Shorts), ธุรกิจหลักที่สามารถปรับตัวและเปลี่ยนภัยคุกคามให้เป็นตัวเร่ง 🔍 (Search), ไปจนถึงการเติบโตของเสาหลักใหม่ที่ทำกำไรมหาศาล ☁️ (Cloud) และการลงทุนในสเกลที่น่าทึ่งเพื่อรองรับยุค AI 🤖

ในขณะที่ Alphabet กำลังทุ่มเททรัพยากรทั้งหมดเพื่อสร้างอนาคต AI ที่แม้แต่ตัวเองก็ยังตามไม่ทัน คำถามสำคัญอาจไม่ใช่ว่า AI จะเปลี่ยนแปลงโลกได้หรือไม่ แต่อาจเป็น... ใครจะสามารถแข่งขันในสเกลระดับนี้ได้อีก ❓


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่