พิจาร​ณาตั้งแต่ปลายเท้าจนถึง​ศรีษะ​ทำให้​รู้​จัก​ปล่อย​แล้ว​ก็​วาง​

#รู้จักปล่อยแล้วก็วาง

ดังนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงให้พิจารณา
ดูสกลร่างกายตั้งแต่ปลายเท้า ขึ้นมาบนศีรษะ
ตั้งแต่ศีรษะ ลงไปหาปลายเท้า ดูซิว่า...
มันมีอะไรบ้าง อะไรเป็นของสะอาดไหม เป็นของเป็นแก่นสารไหม นับว่าแต่มันจะทรุดเรื่อยมาอย่างนี้...

ฉะนั้นพระพุทธเจ้าท่านจึงสอน
ให้เห็นสังขารว่า...ของไม่ใช่ของเรา มันก็เป็น
อย่างนี้  ของที่ไม่ใช่ของเรา มันก็เป็นอย่างนี้
จะให้มันเป็นอย่างไรล่ะ  อันนี้ มันถูกแล้ว...
ถ้าโยมมีความทุกข์  โยมก็คิดผิดเท่านั้นแหละ
ไปเห็นสิ่งที่มันถูกอยู่...โดยความเห็นผิดมันก็
ขวางใจ เท่านั้น

เหมือนน้ำในแม่น้ำที่มันไหลลงไปในทางลุ่ม
มันก็ไหลไปตามสภาพอย่างนั้น...อย่างแม่น้ำ
อยุธยา แม่น้ำมูลแม่น้ำอะไรๆ ก็ตามเถอะ
มันก็ต้องมีการไหลวนไปทางใต้ทั้งนั้นแหละ
มันไม่ไหลขึ้นไปทางเหนือหรอก ธรรมดามัน
เป็นอย่างนั้น...

สมมติว่าบุรุษคนหนึ่งไปยืนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ...
แล้วก็มองดูกระแสของแม่น้ำ ที่ไหลเชี่ยวไป
ทางใต้แต่บุรุษนั้น...มีความคิดผิดอยากจะให้
น้ำนั้น...มันไหลขึ้นไปทางเหนือ อย่างนี้เป็นต้น
เขาก็เป็นทุกข์ เขาคนนั้นจะไม่มีความสงบเลย
ถึงแม้จะยืน จะเดิน จะนั่ง จะนอน
เขาก็ไม่มีความสงบ เพราะอะไรล่ะ เพราะบุรุษนั้นคิดผิด คิดทวนกระแสน้ำ คิดอยากจะไปให้น้ำไหลขึ้นไปทางเหนือ ความจริงนั้น..น้ำมันจะ
ไหลขึ้นไปทางเหนือนั้น...ไม่ได้ มันจะต้องไหลไปตามกระแสของมัน เป็นธรรมดาอยู่อย่างนั้น

เมื่อมันเป็นอย่างนี้ บุรุษนั้น...ก็ไม่สบายใจ ทำไม? ถึงไม่สบายใจ ก็เพราะบุรุษนั้นคิดไม่ถูก พิจารณาไม่ถูก ดำริไม่ถูก เพราะเขามีความเห็นผิดเป็นมิจฉาทิฏฐิ ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิแล้ว ก็ต้องเห็นว่า น้ำก็ต้องไหลไปตามกระแส
ของมัน คือไหลไปทางใต้ ที่จะให้ไหลไปทางเหนือนั้น...

มันเป็นความเห็นผิด มันมีความกระทบกระทั่ง
ตะขิดตะขวงใจอยู่อย่างนั้น จนกว่าบุรุษคนนั้น
จะมาพิจารณาคิดกลับเห็นว่า...
น้ำธรรมดามันก็ต้องไหลไปทางใต้อย่างนี้ เป็นเรื่องของมันอยู่อย่างนี้..."



หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่