เมื่อวันที่ 17 ก.ย.2568 ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคดี ที่ นายภิญโญ บุญเรือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า การจัดการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และเลขาธิการ กกต. ในการกำหนดวิธีการลงคะแนนเลือก สว.ส่งผลให้การเลือกสว.ดังกล่าว มิใช่วิธีการลงคะแนนลับ เป็นการกระทำที่ไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 25
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้การเลือกสว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขอให้วินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47(2) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้อง คำร้องเพิ่มเติมและเอกสารประกอบปรากฏว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้ง 2 เป็นการใช้อำนาจตามกฎหมาย หากผู้ร้องเห็นว่าเป็นการละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพ ผู้ร้องอาจใช้สิทธิทางศาลอื่นได้ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 25 วรรคสาม
ส่วนกรณีขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้การเลือกสว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญนั้น รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ได้กำหนดกระบวนการร้องหรือผู้มีสิทธิ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีวิธีพิจารณาของศาสรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารมา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ส่วนที่ผู้ร้องกล่าวอ้างว่า พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาสรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 (2) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 213 นั้น เป็นการขอให้ตรวจสอบความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย รัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิทธิไว้เป็นการเฉพาะแล้วตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 212 และมาตรา 231 (1)
กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 48 ประกอบมาตรา 47 (2) ซึ่งมาตรา 46 วรรคสาม บัญญัติให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณา ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่นคำร้องดังกล่าวตามรัฐรรมนูญ มาตรา 213 ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญ ยังพิจารณาคดีที่ นายวัฒนา ชมเชย ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธธรรมนูญ มาตรา 213 ว่า นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. และนายณัฏฐกร คงเดชา ผอ.สำนักงานกกต.ประจำจังหวัดราชบุรี ไม่ได้ทำหน้าที่จัดการเลือกสว. อย่างเที่ยงธรรม
ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 วรรคสอง มาตรา 108 ก. คุณสมบัติ (3) และมาตรา 215 วรรคสอง ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ใช้ แบบ สว. 3 ที่มีลักษณะไม่เป็นไปตามที่กกต.กำหนดไว้ ผู้ร้องยื่นหนังสือแจ้งเบาะแสการทุจริตให้ผู้ถูกร้องทั้ง 3 ทราบ แต่ผู้ถูกร้องทั้ง 3 มีมติยกคำร้องดังดังกล่าว แสดงให้เห็นเจตนาเอื้อประโยชน์ต่อผู้สมัครรับเลือกเป็นสว. และลิดรอนสิทธิการได้รับเงินรางวัลในการแจ้งเบาะแส
ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาโดยการอภิปรายแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบ ผู้ร้องได้เคยยื่นคำร้องในลักษณะเดียวกันนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญมาแล้ว และศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ 77/2567 ไม่รับคำร้องไว้พิจารณา
การยื่นคำร้องดังดังกล่าว จึงไม่เป็นสาระอันควรได้รับการวินิจฉัยตามพ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 46 วรรคสาม กรณีไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213 ดังนั้น ผู้ร้องไม่อาจยื่น คำร้องดังกล่าวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 213
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และเมื่อมีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยแล้ว คำขออื่นย่อมเป็นอันตกไป
🧑⚖️ ศาลรธน. มีมติเอกฉันท์ ตีตก 2 คำร้อง ประธาน-เลขากกต. จัดเลือกสว.ไม่สุจริต
ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้การเลือกสว.ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และขอให้วินิจฉัยว่าพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 47(2) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 มาตรา 25 มาตรา 26 และมาตรา 213