งานวิจัยยืนยันแล้ว ผู้ที่รับประทานอาหารแบบนี้ ความเสี่ยง "ตับแข็ง" เพิ่มขึ้น 61%



คำเตือนสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารแบบนี้ ความเสี่ยงตับแข็งเพิ่มขึ้น 61% งานวิจัยยืนยันแล้ว
งานวิจัยชี้ว่า พฤติกรรมการกินที่ไม่ถูกสุขลักษณะอาจทำร้ายตับ และเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะไขมันพอกตับและตับแข็งได้
เมื่อพูดถึงปัจจัยที่ทำลายตับ หลายคนมักนึกถึงการดื่มแอลกอฮอล์เกินขนาด หรือการกินอาหารมันจัด รสจัด แต่ความจริงแล้ว “ช่วงเวลาในการรับประทานอาหาร” ก็มีผลต่อสุขภาพตับเช่นกัน
งานวิจัยเผยพฤติกรรมการกินที่ทำร้ายตับอย่างรุนแรง
ตามรายงานของสำนักข่าว Express (สหราชอาณาจักร) งานวิจัยจากคณะแพทยศาสตร์ วิสคอนซิน สหรัฐฯ พบว่า พฤติกรรมการกินที่ไม่เป็นเวลา เช่น การกินมื้อดึกหรือการข้ามมื้ออาหาร มีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคตับ
การศึกษาซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ใหญ่กว่า 9,000 คน ระบุว่า ผู้ที่มีนิสัยกินมื้อดึก (ระหว่างเวลา 22.00 น. – 04.00 น.) มีความเสี่ยงเกิดภาวะตับแข็ง (ซึ่งเป็นสัญญาณนำไปสู่โรคตับแข็งระยะรุนแรง) สูงขึ้นถึง 61%
ผู้เขียนงานวิจัย ดร.เจมส์ เอสเตบัน จากคณะแพทยศาสตร์ วิสคอนซิน อธิบายว่า
“ตับมีนาฬิกาชีวภาพของตัวเอง ทำหน้าที่สำคัญต่อการเผาผลาญและการรักษาสมดุลพลังงาน การรับประทานอาหารถือเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ช่วยกระตุ้นจังหวะชีวภาพนี้”
เขาเสริมว่า “แต่การกินมื้อดึกกลับทำให้ตับต้องทำงานสวนทางกับจังหวะชีวภาพปกติ ส่งผลให้เกิดความเสียหายระยะยาว เช่น เพิ่มความเสี่ยงไขมันสะสมในตับหรือการเกิดพังผืดในตับ”
ดร.เจมส์ ยังย้ำว่า “แม้จะปรับตามปริมาณแคลอรีรวมที่ได้รับตลอดทั้งวันแล้วก็ตาม "ช่วงเวลาในการกิน" ยังคงมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญกับปัญหาสุขภาพตับ โดยเฉพาะภาวะไขมันพอกตับ”
นอกจากพฤติกรรมการกินมื้อดึกแล้ว งานวิจัยยังชี้ว่า “การข้ามมื้ออาหาร” ก็ส่งผลต่อสุขภาพตับเช่นกัน
โดยผู้ที่ไม่รับประทานมื้อเช้ามีความเสี่ยงเป็นโรคไขมันพอกตับที่ไม่ได้เกิดจากแอลกอฮอล์สูงขึ้น 20% ส่วนผู้ที่ข้ามมื้อกลางวันมีความเสี่ยงสูงขึ้นถึง 73%
ในทางกลับกัน ผู้ที่รับประทานอาหารเช้าอย่างครบถ้วนกลับมีความเสี่ยงโรคไขมันพอกตับต่ำกว่าคนทั่วไป 14–21%
ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่า งานวิจัยนี้ช่วยเสริมข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับ “ผลของช่วงเวลาในการรับประทานอาหาร” ต่อความเสี่ยงในการเกิดไขมันพอกตับและตับแข็ง
ศาสตราจารย์เรย์มอนด์ ชุง แห่งคณะแพทยศาสตร์ฮาร์วาร์ด หัวหน้าภาควิชาโรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ เจเนอรัล สหรัฐฯ ให้ความเห็นว่า
“งานวิจัยนี้ช่วยเพิ่มหลักฐานเพื่อปรับปรุงคำแนะนำด้านพฤติกรรมการกิน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงโรคตับ เช่น ภาวะไขมันพอกตับ ได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น”
ข้อแนะนำเพื่อป้องกันโรคตับ
เพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ใส่ใจเรื่องต่อไปนี้
อย่าละเลยมื้อเช้าและมื้อกลางวัน ควรรับพลังงานให้เพียงพอในช่วงกลางวัน
หลีกเลี่ยงการกินมื้อดึก
จำกัดการดื่มแอลกอฮอล์และหลีกเลี่ยงสารกระตุ้นที่เป็นอันตรายต่อตับ
รับประทานอาหารให้หลากหลาย โดยเฉพาะอาหารที่ดีต่อสุขภาพและอุดมด้วยใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชเต็มเมล็ด ถั่วต่าง ๆ และโปรตีนไม่ติดมัน
เพิ่มการออกกำลังกายและกิจกรรมทางกายเพื่อควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม

https://www.sanook.com/news/search/%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่