จากประสบการณ์ที่บัญชีบริษัทเคยถูกอายัดเพราะอยู่ในเส้นทางการเงินของบัญชีม้า
โดยการรับเงินจากบัญชีที่ถูกแจ้งความว่าฉ้อโกง เนื่องจากมีลูกค้าที่อาจจะรับเงินมาจากบัญชีม้ามาซื้อสินค้าอีกที
การถูกอายัดแบบนี้ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือเหตุเกิดที่จังหวัดไหน ?? ถ้าเป็นพื้นที่ที่ไกลมากๆ เช่น จังหวัดที่ไม่มีสนามบินหรือเกาะจะลำบากมาก
เพราะผู้ถูกอายัดต้องเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุด้วยเท่านั้น ไม่สามารถโทรยืนยันความบริสุทธิ์ได้
และเมื่อเดินทางไปแล้ว สิ่งที่ตำรวจต้องการ คือ
ให้เราคืนเงินผู้เสียหายก่อน เพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ หรือถอนแจ้งความ
ถามว่า อ้าว เราไม่ผิด แค่เป็นผู้รับเงินทอดหลังๆโดยสุจริต ทำไมต้องคืนเงินด้วยล่ะ
ตำรวจจะบอกว่าเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ที่ต้องอายัดทั้งเส้นทางการเงินไว้ตรวจสอบก่อน
จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
และผู้เสียหายก็จะไม่ยอมถอนแจ้งความถ้าไม่ได้เงินคืน ถ้าไม่มีการถอนแจ้งความตำรวจจะอ้างว่าไม่กล้าถอนอายัด
ลองนึกว่าถ้าบัญชีเรามีเงินรวมหลักแสน แต่ตำรวจบอกให้ควักจ่ายผู้เสียหาย 500 บาทเพื่อถอนอายัด เป็นใครก็คงยอมแลกเพื่อได้ค้าขายหรือรับเงินเดือนต่อได้
สิ่งที่สำคัญคือ บัญชีม้าตัวจริง มักไม่มีเงินเหลือในบัญชีแล้ว เพราะถูกโอนไปใช้จ่ายแล้วหลายทอด
ทำให้ตำรวจต้องอายัดทั้งเส้นทางการเงินไว้ก่อน เพราะ 1 ในนั้นจะต้องมีคนเดือดร้อน แล้วรีบติดต่อตำรวจมาคืนเงิน
ดังนั้นการอายัดทุกบัญชีของเส้นทางการเงิน จะเพิ่มโอกาสให้ผู้เสียหายได้เงินคืนและปิดคดี โดยไม่ต้องสนใจว่าเงินนั้นจะมาจากไหน
อาจจะเป็นประชาชนบริสุทธิ์ที่บังเอิญมาอยู่ในเส้นทางการเงินนี้ ยอมคืนเงินแลกกับการได้ใช้บัญชีต่อ ไม่งั้นก็ต้องยอมว่าคุณจะทำธุรกิจไม่ได้ต่อไป
บางคนขายของแค่ 500 บาท โดนอายัดทุกบัญชีที่มีเงินรวม 100,000 บาท ก็เลยต้องยอมควัก 500 บาทคืนเองด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อยินยอมคืนเงินก็เหมือนเป็นการยอมรับผิดว่าเรามีส่วนร่วมกระทำความผิด เราจะไปฟ้องร้องเขากลับก็ไม่ได้
ถึงสรุปได้ว่า การทำแบบนี้ จะทำให้ตำรวจสามารถปิดคดีแบบที่ผู้เสียหายพอใจ ด้วยเงินใครก็ได้สักคนที่มาซวยอยู่ในเส้นทางการเงิน
อยากรู้สาเหตุที่ทำไมภาครัฐถึงเน้นอายัดทุกบัญชีของคนที่อยู่ในเส้นทางการเงินไหมครับ
โดยการรับเงินจากบัญชีที่ถูกแจ้งความว่าฉ้อโกง เนื่องจากมีลูกค้าที่อาจจะรับเงินมาจากบัญชีม้ามาซื้อสินค้าอีกที
การถูกอายัดแบบนี้ สิ่งแรกที่ต้องพิจารณาเลยคือเหตุเกิดที่จังหวัดไหน ?? ถ้าเป็นพื้นที่ที่ไกลมากๆ เช่น จังหวัดที่ไม่มีสนามบินหรือเกาะจะลำบากมาก
เพราะผู้ถูกอายัดต้องเดินทางไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่เกิดเหตุด้วยเท่านั้น ไม่สามารถโทรยืนยันความบริสุทธิ์ได้
และเมื่อเดินทางไปแล้ว สิ่งที่ตำรวจต้องการ คือ ให้เราคืนเงินผู้เสียหายก่อน เพื่อให้ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ หรือถอนแจ้งความ
ถามว่า อ้าว เราไม่ผิด แค่เป็นผู้รับเงินทอดหลังๆโดยสุจริต ทำไมต้องคืนเงินด้วยล่ะ
ตำรวจจะบอกว่าเป็นอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายใหม่ที่ต้องอายัดทั้งเส้นทางการเงินไว้ตรวจสอบก่อน จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
และผู้เสียหายก็จะไม่ยอมถอนแจ้งความถ้าไม่ได้เงินคืน ถ้าไม่มีการถอนแจ้งความตำรวจจะอ้างว่าไม่กล้าถอนอายัด
ลองนึกว่าถ้าบัญชีเรามีเงินรวมหลักแสน แต่ตำรวจบอกให้ควักจ่ายผู้เสียหาย 500 บาทเพื่อถอนอายัด เป็นใครก็คงยอมแลกเพื่อได้ค้าขายหรือรับเงินเดือนต่อได้
สิ่งที่สำคัญคือ บัญชีม้าตัวจริง มักไม่มีเงินเหลือในบัญชีแล้ว เพราะถูกโอนไปใช้จ่ายแล้วหลายทอด
ทำให้ตำรวจต้องอายัดทั้งเส้นทางการเงินไว้ก่อน เพราะ 1 ในนั้นจะต้องมีคนเดือดร้อน แล้วรีบติดต่อตำรวจมาคืนเงิน
ดังนั้นการอายัดทุกบัญชีของเส้นทางการเงิน จะเพิ่มโอกาสให้ผู้เสียหายได้เงินคืนและปิดคดี โดยไม่ต้องสนใจว่าเงินนั้นจะมาจากไหน
อาจจะเป็นประชาชนบริสุทธิ์ที่บังเอิญมาอยู่ในเส้นทางการเงินนี้ ยอมคืนเงินแลกกับการได้ใช้บัญชีต่อ ไม่งั้นก็ต้องยอมว่าคุณจะทำธุรกิจไม่ได้ต่อไป
บางคนขายของแค่ 500 บาท โดนอายัดทุกบัญชีที่มีเงินรวม 100,000 บาท ก็เลยต้องยอมควัก 500 บาทคืนเองด้วยความไม่เต็มใจ
เมื่อยินยอมคืนเงินก็เหมือนเป็นการยอมรับผิดว่าเรามีส่วนร่วมกระทำความผิด เราจะไปฟ้องร้องเขากลับก็ไม่ได้
ถึงสรุปได้ว่า การทำแบบนี้ จะทำให้ตำรวจสามารถปิดคดีแบบที่ผู้เสียหายพอใจ ด้วยเงินใครก็ได้สักคนที่มาซวยอยู่ในเส้นทางการเงิน