“การมาของ Virtual Bank ที่กำลังจะเข้ามา จะมีการแข่งขันในเรื่องของเงินฝากและสินเชื่อ อาจมีผลต่อธุรกิจธนาคาร หรือความก้าวหน้าของ AI ที่แบงก์สามารถมาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น ซึ่งนโยบาย Open Banking ของแบงก์ชาติ เปิดให้ผู้เล่นรายใหม่เข้ามาแชร์ข้อมูลได้ จะสร้างการแข่งขันที่เปลี่ยนไป และรูปแบบของธนาคารดั้งเดิมเปลี่ยนไป”
คำแถลงของ “กฤษณ์ จันทโนทก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวกับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าว “Towards Future Proof Banking” ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดย “กฤษณ์” ชี้ว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และมี 3 เรื่องที่สำคัญ คือ 1.ความไม่แน่นอนของการแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลก นโยบายการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของ Local Content 2.ผู้บริโภคหรือลูกค้ามีความเปราะบางมากขึ้นจากหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อมีความท้าทายสูง และ 3.การเปลี่ยนแปลงในเชิงมิติการแข่งขัน จากการมาของธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดังนั้น จึงเป็นที่มาสู่ 3 กลยุทธ์ ภายใต้บทบาทการแข่งขันที่มีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะมุ่งเน้นในอนาคต ได้แก่ 1.เสริมสร้างธุรกิจหลักให้เข้มแข็ง เน้นทำธุรกิจที่เชื่อว่าเป็นจุดแข็ง ซึ่งมี 2 เรื่องหลัก คือ ธุรกิจลูกค้าสถาบัน ทั้งลูกค้าขนาดใหญ่และรายกลาง รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่ตอบโจทย์เรื่องการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ไปสู่อนาคต
“สองเรื่องนี้จะเป็นสองเรื่องหลักที่ไทยพาณิชย์จะทุ่มสรรพกำลัง โดยไม่ว่อกแว่ก และไม่ไปทำ 100 อย่าง แต่จะทำแค่ 2 อย่างนี้ เพื่อทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์มีจุดเด่นที่มีความสำคัญ”
2.ภายใต้เป้าหมายการเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ระดับ 2 หลัก และต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income) ใกล้เคียง 30% ให้มากที่สุด จะต้องปรับขนาดองค์กร และปรับโครงสร้างการทำให้งานมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจที่เปลี่ยนไป
.
.
เครดิตภาพ ข้อมูล
https://www.facebook.com/share/p/1CCgbLZ1h3/?mibextid=wwXIfr
อ่านต่อที่
https://www.prachachat.net/finance/news-1883143
SCB ปรับลดพนักงาน / สาขา
คำแถลงของ “กฤษณ์ จันทโนทก” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวกับสื่อมวลชนในงานแถลงข่าว “Towards Future Proof Banking” ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา
โดย “กฤษณ์” ชี้ว่า ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย และมี 3 เรื่องที่สำคัญ คือ 1.ความไม่แน่นอนของการแบ่งขั้วเศรษฐกิจโลก นโยบายการค้าที่ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องของ Local Content 2.ผู้บริโภคหรือลูกค้ามีความเปราะบางมากขึ้นจากหนี้ครัวเรือนที่สูง ทำให้การเข้าถึงสินเชื่อมีความท้าทายสูง และ 3.การเปลี่ยนแปลงในเชิงมิติการแข่งขัน จากการมาของธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา (Virtual Bank) และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ดังนั้น จึงเป็นที่มาสู่ 3 กลยุทธ์ ภายใต้บทบาทการแข่งขันที่มีความท้าทายมากขึ้น ซึ่งเป็นโจทย์ของธนาคารไทยพาณิชย์ที่จะมุ่งเน้นในอนาคต ได้แก่ 1.เสริมสร้างธุรกิจหลักให้เข้มแข็ง เน้นทำธุรกิจที่เชื่อว่าเป็นจุดแข็ง ซึ่งมี 2 เรื่องหลัก คือ ธุรกิจลูกค้าสถาบัน ทั้งลูกค้าขนาดใหญ่และรายกลาง รวมถึงลูกค้ารายย่อยที่ตอบโจทย์เรื่องการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) ไปสู่อนาคต
“สองเรื่องนี้จะเป็นสองเรื่องหลักที่ไทยพาณิชย์จะทุ่มสรรพกำลัง โดยไม่ว่อกแว่ก และไม่ไปทำ 100 อย่าง แต่จะทำแค่ 2 อย่างนี้ เพื่อทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์มีจุดเด่นที่มีความสำคัญ”
2.ภายใต้เป้าหมายการเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE) ระดับ 2 หลัก และต้นทุนต่อรายได้ (Cost to Income) ใกล้เคียง 30% ให้มากที่สุด จะต้องปรับขนาดองค์กร และปรับโครงสร้างการทำให้งานมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของธุรกิจที่เปลี่ยนไป
.
.
เครดิตภาพ ข้อมูล https://www.facebook.com/share/p/1CCgbLZ1h3/?mibextid=wwXIfr
อ่านต่อที่ https://www.prachachat.net/finance/news-1883143