JJNY : “วิโรจน์”เตือนกลิ่นเน่าจะออกมา│โซเชียลระอุ! จันทบุรีกังวลเปิดด่าน│แนะ 4 ด.เร่งฟื้นศก.│หนุนฟิลิปปินส์ต้านแผนจีน

“วิโรจน์”เตือนถ้าเอาคนในเครือข่ายปราสาทสายฟ้ามาเป็นรมว.ยุติธรรม กลิ่นเน่าจะออกมากลางวงครม.
.
.
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.กรุงเทพมหานคร ได้โพสต์ข้อความลงในเพจเฟซบุ๊ก Wiroj Lakkhanaadisorn – วิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ระบุว่า
.
[ ถ้าเอาคนในเครือข่ายปราสาทสายฟ้ามาเป็น รมว.ยุติธรรม กลิ่นเน่าจะโชยออกมากลางวง ครม. ทันที ]
.
ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันคณะกรรมการบริหารและเครือข่ายพรรคภูมิใจไทย รวมถึงสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อย่างน้อย 136 คน กำลังถูกสอบสวนในคดี “ฮั้ว สว.” โดยอยู่ภายใต้การสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งสังกัดกระทรวงยุติธรรม
.
ดังนั้น หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมคนใหม่มีสายสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ “เจ้าปราสาทสายฟ้า” แห่งบุรีรัมย์ ต่อให้คุณอนุทินออกมายืนยันว่า จะไม่มีการแทรกแซงการสอบสวนคดีฮั้ว สว. ก็คงยากที่ประชาชนจะเชื่อ ล่าสุดที่มีการปรากฏชื่อ พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ยิ่งทำให้เรื่องนี้ถูกจับตามองมากขึ้น
หาก พล.ต.ท.ชาญชัย ได้ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจริง เชื่อได้เลยว่ากลิ่นปัญหาจะโชยขึ้นกลางวง ครม.อนุทิน 1 ทันที เนื่องจาก พล.ต.ท.ชาญชัย ถือเป็นตำรวจสายปราสาทสายฟ้า เติบโตและทำงานในจังหวัดบุรีรัมย์มาโดยตลอด เคยเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ตั้งแต่ปี 2558 และขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ในปี 2562 ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งครอบคลุมหลายจังหวัดในภาคอีสาน รวมถึงบุรีรัมย์
.
ที่สำคัญ ระหว่างที่เขาเป็นรองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ หัวหน้าของเขาในขณะนั้นก็คือ พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ในยุคนั้น ซึ่งปัจจุบันก็คือ สว.สายสีน้ำเงิน หนึ่งใน 136 คนที่กำลังถูกสอบสวนในคดีฮั้ว สว. 2567
.
พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ ยังเคยเป็นหนึ่งใน สว. ที่ร่วมลงชื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้สั่งให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ โดยกล่าวหาว่า พ.ต.อ.ทวี แทรกแซงการสอบสวนคดีฮั้ว สว. หากมองในมุมเปรียบเทียบแล้ว ถ้า พ.ต.อ.ทวี ถูกเรียกว่า “แทรกแซง” การดึงคนที่เคยอยู่ใต้บังคับบัญชาของ สว. ที่ถูกกล่าวหามาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็น่าจะเรียกได้ว่า “จับมือทำ”
.
นอกจากประเด็น พล.ต.ท.ชาญชัยแล้ว อีกเรื่องที่น่าจับตาคือการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงมหาดไทย ต้องย้ำว่า ครม.อนุทิน 1 นี้มีอายุเพียง 4 เดือนเท่านั้น การโยกย้ายข้าราชการแทบไม่มีความจำเป็น หากฝืนทำไป ย่อมถูกมองว่าเป็นการแทรกแซง โดยเฉพาะในประเด็นที่ดินเขากระโดง
.
ผมและเพื่อน สส.พรรคประชาชน จะติดตามตรวจสอบพฤติกรรมและพฤติการณ์ของ ครม.อนุทิน 1 อย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบประวัติรัฐมนตรี ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผลประโยชน์ ธุรกิจสีเทา หรือการกระทำผิดกฎหมายหรือไม่ รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้ายที่ผิดปกติ การจัดซื้อจัดจ้าง มติ ครม. มติของบอร์ดสำคัญ การออกระเบียบ คำสั่ง หรือกฎกระทรวงที่เอื้อประโยชน์แก่พวกพ้อง หากพบเบาะแสหรือพฤติกรรมที่ผิดปกติ เราพร้อมใช้กลไกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อระงับยับยั้งทันที ทั้งการตั้งกระทู้ถามสด การเสนอญัตติด่วน การอภิปรายทั่วไปหรือไม่ไว้วางใจ ไปจนถึงการส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ไต่สวน
หวังว่าข่าวการเสนอชื่อ พล.ต.ท.ชาญชัย พงษ์พิชิตกุล มานั่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเป็นเพียงข่าวลือ ไม่ใช่ความจริงที่จะเกิดขึ้น
.
.

.
โซเชียลระอุ! ประชาชนจันทบุรีกังวล เปิดด่านชายแดน หลัง GBC เสนอฟื้นเศรษฐกิจ
.
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2568 เวลา 09.10 น. ด่านชายแดนถาวร จ.จันทบุรี ยังปฏิบัติการตามกฎระเบียบปกติ แม้จะมีการหารือเกี่ยวกับการเปิดด่านระหว่างไทย-กัมพูชาในวงกว้าง ด่านทั้งสองแห่งใน อ.โป่งน้ำร้อน ได้แก่ ด่านถาวรบ้านแหลม ต.เทพนิมิต และ ด่านถาวรบ้านผักกาด ต.คลองใหญ่ เปิด-ปิดตามเวลาปกติ ตั้งแต่ 09.00-15.00 น. โดยอนุญาตเฉพาะแรงงานกัมพูชาที่เดินทางกลับประเทศและด้านมนุษยธรรม
.
บรรยากาศการค้าขายฝั่งไทยยังเป็นปกติ แต่ยังไม่มีการเปิดด่านเพื่อการค้าระหว่างประเทศ แม้ว่าผลการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) จะสร้างความหวังให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจ
.
ผู้ประกอบการค้าชายแดนและผู้ส่งออกชี้ว่า การปิดด่านทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นซบเซา รายได้ลดลงแทบเป็นศูนย์ แม้จะเข้าใจว่าสถานการณ์ความไม่สงบเป็นเรื่องของรัฐบาลกลาง แต่เห็นว่าการเปิดด่านไม่กระทบต่ออธิปไตย และจันทบุรีสามารถเป็นพื้นที่นำร่องในการผ่อนปรนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ขณะเดียวกัน ประชาชนทั่วไปและกระแสโซเชียลมีเดียส่วนใหญ่ยังคง กังวลต่อการเปิดด่าน หลายคนไม่เชื่อใจความจริงใจของกัมพูชา และหวั่นว่าการเปิดด่านอาจกระทบต่ออธิปไตยของชาติ แม้จะขาดรายได้ แต่ประชาชนหลายคนยอมรักษาความมั่นคงและอธิปไตยไว้ก่อน พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลและกองทัพสร้างความชัดเจนก่อนเปิดด่าน
.
สรุปได้ว่าในจันทบุรี ความเห็นยังแตกต่างอย่างชัดเจน ภาคธุรกิจเร่งเปิดด่านฟื้นเศรษฐกิจ ส่วนประชาชนทั่วไปและในโซเชียลมีเดียยังคงกังวลเรื่องความมั่นคงและอธิปไตย ต้องการให้ปิดด่านไว้จนกว่าจะมั่นใจว่าฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลง
.

.
นักวิชาการ แนะ 4 เดือน รัฐบาล เร่งฟื้นเศรษฐกิจ หวัง ‘รมต.คนนอก’ มีอิสระทำงาน
.
นักวิชาการ แนะ 4 เดือน รัฐบาลฟื้นความเชื่อมั่นเศรษฐกิจ หวัง ‘รมต.คนนอก’ มีอิสระในการทำงาน แนะลดค่าครองชีพ - ลุย Investment Roadshow
.
13 ก.ย. ผศ. ดร.ธันยพร สุนทรธรรม อาจารย์คณะวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และผู้อำนวยการสถาบันอาณาบริเวณศึกษา (TIARA) ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการประยุกต์ใช้เทคนิคการมองอนาคต (Foresight and Futures Studies) เปิดเผยว่า สิ่งที่ประชาชนเฝ้าติดตามมากที่สุดและเป็นบทพิสูจน์ของรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล คือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งการดึงบุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์ในการบริหารเศรษฐกิจมาร่วมรัฐบาลในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถือเป็นปัจจัยบวกเชิงสัญลักษณ์ต่อการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ ตลอดจนภาคประชาชนเป็นอย่างมาก ส่วนตัวมองว่าฝ่ายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่มีหน้าตาสวย แต่จะสร้างผลงานได้มากน้อยเพียงใดนั้นขึ้นอยู่กับความเป็นอิสระ และการเปิดโอกาสให้เขาเหล่านั้นสามารถทำงานได้ตามความคิดของเขา 
.
ผศ. ดร.ธันยพร กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลควรเร่งทำคือการประกาศแผนงานระยะเร่งด่วน (Quick wins) ให้ชัดเจนว่าในระยะ 4 เดือนนี้ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะสามารถดำเนินการอะไรได้บ้าง ซึ่งต้องเป็น Quick wins ที่เกิดจากการวางแผนร่วมกันแบบสอดประสานกันของกระทรวงที่รับผิดชอบนโยบายเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน โดยสิ่งที่คาดหวังในเดือนแรก คือการประกาศความพร้อมของคณะทำงานในแต่ละกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ว่าจะสามารถสอดประสานการทำงานร่วมกันแบบข้ามกระทรวงได้ โดยไม่แบ่งแยกต่างฝ่ายต่างทำกันไปแบบเดี่ยวๆ พร้อมกับการเร่งประกาศนโยบายลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน รวมไปถึงการฉายภาพให้เห็นถึงมาตรการที่ชัดเจนในการรับมือกับเรื่องภาษีทรัมป์ 
ส่วนเดือนที่สอง รัฐบาลควรให้ความสำคัญไปที่การช่วยเหลือ บรรเทาแรงกดดันให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สามารถเดินต่อไปได้ หรือจะเป็นการเร่งออกมาตรการอำนวยความสะดวกให้โครงการลงทุนใหม่ๆ เช่น การตั้งโรงงาน การตั้งนิคมอุตสาหกรรม การนำเข้าเทคโนโลยีเครื่องจักร ฯลฯ ขณะที่เดือนที่สาม ควรมุ่งเน้นความสำคัญไปที่การสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ โดยจัดทำกิจกรรมการเชิญชวนการลงทุน (Investment Roadshow) ดึงการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ Next Gen เช่น อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า (EV) อุตสาหกรรมศูนย์ข้อมูล (Data Center) ฯลฯ 
.
ระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน คงไม่สามารถทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจที่จะลงทุนในทันที แต่อย่างน้อยก็สร้างแรงบันดาลใจเริ่มต้นให้เกิดการหันมามองโอกาสและความเป็นไปได้ของประเทศไทยมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงแรกรัฐมนตรีคนนอกอาจต้องใช้เวลาปรับตัวมากพอสมควร เนื่องจากบางท่านคุ้นชินกับวิธีการทำงานแบบเอกชน บางท่านคุ้นเคยกับรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีความแตกต่างไปจากระบบราชการ” ผศ. ดร.ธันยพร กล่าว
.
ด้าน ศ. ดร.ภวิดา ปานะนนท์ อาจารย์ประจำสาขาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศโลจิสติกส์และการขนส่ง คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า หนึ่งในตัวชี้วัดความท้าทายทางเศรษฐกิจของไทยในวันนี้ คือผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศโดยสถาบันสถาบัน International Institute for Management Development (IMD) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ปี 2025 ที่รายงานว่า ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันร่วงลงไปอยู่อันดับที่ 30 จากอันดับที่ 25 ในปีที่แล้ว และเป็นประเทศที่รั้งอันดับท้ายๆ ในภูมิภาค โดยอยู่ในอันดับที่ 11 จากทั้งหมด 14 ประเทศ โดยสิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า แม้ประเทศไทยเต็มไปด้วยปัญหาระยะสั้นมากมาย แต่สิ่งที่เป็นตัวชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจไทยหลายอย่างมาจากการสะสมกันของปัญหาเชิงโครงสร้างที่ไม่ได้รับการแก้ไข 
.
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในระยะสั้นของรัฐบาลที่มีระยะเวลาไม่มากนัก สิ่งที่ควรเร่งทำคือการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน ซึ่งความไม่เชื่อมั่นเกี่ยวข้องกับการมองไม่เห็นถึงความแน่นอนของฉากทัศน์การเมืองไทยว่าจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้ เช่น จะมีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ มีการเลือกตั้งเมื่อใด ฯลฯ ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนทางการเมืองด้วย
.
การเร่งสร้างความชัดเจนเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐบาลใหม่ทำได้ จริงอยู่ว่ามันอาจจะไม่ใช่นโยบายด้านเศรษฐกิจโดยตรง แต่การมีความชัดเจนในเส้นทางทางการเมือง อย่างน้อยที่สุดก็จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและคนในประเทศได้ว่าการขึ้นมาเป็นผู้นำรัฐบาลครั้งนี้คือการลุกขึ้นมาแก้ปัญหา พูดจริงทำจริงตามกรอบระยะเวลาที่ได้ให้สัญญาไว้แล้วคืนเสียงให้กับประชาชนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง ส่วนตัวเชื่อการที่รัฐบาลจะมีนโยบายเศรษฐกิจที่ดีได้ เขาจะต้องทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีกลไกนอกระบบประชาธิปไตยเข้ามาทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน และหยุดชะงักการพัฒนาเศรษฐกิจ” ศ. ดร.ภวิดา กล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่