น้ำมันทำอาหารเป็นเครื่องปรุงขาดไม่ได้ในครัว แต่ใครจะคิดว่าการใช้ผิดประเภทอาจเปลี่ยมื้ออาหารประจำวันให้กลายเป็น “กับดัก” ของสุขภาพ
งานวิจัยใหม่หลายชิ้นเตือนว่า น้ำมันบางชนิดที่ดูเหมือนไม่อันตราย กลับทำให้ความเสี่ยงมะเร็งพุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ
ตามรายงานในวารสาร Nature Metabolism ของคณะแพทยศาสตร์ฮาร์วาร์ด สหรัฐฯ นักวิจัยได้ทดลองให้หนูบริโภคน้ำมันหลายชนิด ได้แก่ น้ำมันสัตว์อย่างมันหมู, มันวัว, เนย และน้ำมันพืชอย่างน้ำมันมะกอก, น้ำมันปาล์ม, น้ำมันมะพร้าว
หลัง 10 สัปดาห์ หนูที่กินไขมันสัตว์มากไม่เพียงแต่มีน้ำหนักเกิน แต่ยังมีการเจริญเติบโตของก้อนเนื้อผิดปกติ เมื่อฉีดเซลล์มะเร็งเมลาโนมา ขนาดก้อนเนื้อในกลุ่มนี้ใหญ่กว่ากลุ่มควบคุมถึง 40–60% แม้แต่ในการทดลองมะเร็งเต้านมและมะเร็งปอดก็ให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกัน
สาเหตุเชื่อว่าเกิดจากไขมันสัตว์ทำให้เซลล์ภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ร่างกายจึงสูญเสียความสามารถในการ “ต่อสู้” กับก้อนเนื้อ ขณะที่กลุ่มที่กินน้ำมันพืชไม่พบผลดังกล่าว
การใช้น้ำมันพืช: ดีต่อหัวใจ ลดความเสี่ยงเสียชีวิต
งานวิจัยอีกชิ้นที่ตีพิมพ์ใน JAMA Internal Medicine ติดตามผู้คนกว่า 22,000 คน เป็นเวลา 33 ปี พบว่าการบริโภคน้ำมันพืชมากช่วยลดอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ขณะที่การใช้เนยและไขมันสัตว์มาก กลับเพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจ โรคอ้วน และบางมะเร็ง
เรื่องนี้สอดคล้องกับ แนวทางโภชนาการประชาชนจีน ในปี 2022 ที่แนะนำให้จำกัดไขมันอิ่มตัวจากไขมันสัตว์ และเพิ่มการใช้ น้ำมันพืชที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง
3 น้ำมันในครัวที่ควร “ตัดทิ้ง” ทันที
น้ำมันทอดที่ใช้ซ้ำ
การเก็บน้ำมันหลังทอดแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำ ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น เบนโซ(a)ไพรีน, แอคริลาไมด์ รวมถึงไขมันทรานส์ที่เพิ่มขึ้น สถิติพบว่าน้ำมันใช้ซ้ำ 7 ครั้ง ความเป็นพิษอาจเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า
น้ำมันสกัดเองในร้านค้าปลีกขนาดเล็ก
หลายคนเชื่อว่าน้ำมันสกัดเอง “บริสุทธิ์และธรรมชาติ” แต่จริง ๆ กระบวนการมักควบคุมสุขอนามัยไม่ดี วัตถุดิบปนเปื้อน เครื่องจักรสกปรก ทำให้ขวดน้ำมันที่คิดว่าปลอดภัย กลับเต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน
น้ำมันเก่าหรือหมดอายุ
หลายครอบครัวซื้อถังใหญ่ราคาถูก ใช้ไม่หมดหลายปี น้ำมันเก่าหรือหมดอายุจะเกิดการออกซิเดชัน ปนเปื้อนจุลินทรีย์ และผลิตสารพิษที่เป็นอันตรายต่อ ตับและระบบย่อยอาหาร ดังนั้นควรซื้อขวดเล็ก ใช้ภายในไม่กี่เดือน
3 กฎทองเพื่อการบริโภคน้ำมันอย่างปลอดภัย
กระจายแหล่งน้ำมัน : ไม่ควรใช้เพียงชนิดเดียว สลับสับเปลี่ยนน้ำมันถั่วเหลือง, น้ำมันมะกอก, น้ำมันรำข้าว ฯลฯ เพื่อให้สารอาหารสมดุล ลดไขมันอิ่มตัว ผู้ใหญ่ควรบริโภคน้ำมันไม่เกินวันละ 30 กรัม
เก็บรักษาอย่างถูกวิธี : หลีกเลี่ยงการวางใกล้ความร้อนหรือแสงแดด ใช้แล้วต้องปิดฝาให้มิดชิด และล้างขวดให้สะอาดก่อนเติมน้ำมันใหม่
เลือกผลิตภัณฑ์น่าเชื่อถือ : เลือกน้ำมันมีแบรนด์ชัดเจน วันผลิตใหม่ และได้มาตรฐานความปลอดภัย น้ำมันเกรด 1–2 มักมีสิ่งเจือปนน้อย ควันน้อย ปลอดภัยกว่าการปรุงอาหารที่อุณหภูมิสูง
น้ำมันที่ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย อาจกลายเป็น “ตัวเร่ง” โรคร้ายหากใช้ผิดวิธี อย่าให้มื้ออาหารประจำวัน ซึ่งควรเป็นแหล่งบำรุงสุขภาพ กลับกลายเป็นแหล่งสะสมมะเร็งเพียงเพราะความประหยัดหรือสะดวกสบาย
https://www.sanook.com/news/9842150/
น้ำมันทำอาหาร 3 ชนิด ที่เป็น "ตัวเร่งปฏิกิริยามะเร็ง" แต่ทุกครอบครัวยังใช้กันอยู่
การเก็บน้ำมันหลังทอดแล้วนำกลับมาใช้ซ้ำ ทำให้เกิดสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น เบนโซ(a)ไพรีน, แอคริลาไมด์ รวมถึงไขมันทรานส์ที่เพิ่มขึ้น สถิติพบว่าน้ำมันใช้ซ้ำ 7 ครั้ง ความเป็นพิษอาจเพิ่มขึ้นถึง 30 เท่า
หลายคนเชื่อว่าน้ำมันสกัดเอง “บริสุทธิ์และธรรมชาติ” แต่จริง ๆ กระบวนการมักควบคุมสุขอนามัยไม่ดี วัตถุดิบปนเปื้อน เครื่องจักรสกปรก ทำให้ขวดน้ำมันที่คิดว่าปลอดภัย กลับเต็มไปด้วยความเสี่ยงต่อการปนเปื้อน
หลายครอบครัวซื้อถังใหญ่ราคาถูก ใช้ไม่หมดหลายปี น้ำมันเก่าหรือหมดอายุจะเกิดการออกซิเดชัน ปนเปื้อนจุลินทรีย์ และผลิตสารพิษที่เป็นอันตรายต่อ ตับและระบบย่อยอาหาร ดังนั้นควรซื้อขวดเล็ก ใช้ภายในไม่กี่เดือน