บอสพาชิม: VIVIN Asok: Café Grocery Bistro – French Bistro ต้องมนต์วัตถุดิบไทย (Bangkok, Thailand)
VIVIN Asok: Café Grocery Bistro เป็นการผสมผสานระหว่างร้านขายของชำ (Grocery) และร้านอาหารสไตล์ French Bistro ที่หากคุณประทับใจในรสชาติของอาหารที่ได้ทานที่ร้านแล้ว ก็สามารถเลือกซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นกลับไปปรุงเองที่บ้านได้เช่นกัน
VIVIN เร่ิม Nicolas Vivin และภรรยา คุณ Samantha Proyrungtong โดยมีจุดเริ่มต้นจากการขาย Foie Gras Terrine ซึ่งเป็นสูตรของคุณย่าของคุณ Nicolas ที่ตลาดเกษตรกร (Farmer Market) ที่ K Village ในปี 2014 โดยมีการนำวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างเหล้ารัมจากภูเก็ตและสตรอว์เบอร์รีจากเชียงใหม่มาผสมผสาน (ถ้าใครจำภาพนั้นได้ บอกเลยว่าความจำดีมากครับ!)
โดย 99% ของวัตถุดิบทั้งหมดในร้าน แม้จะดูเป็นตะวันตก แต่ทุกอย่างที่นี่ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกหรือจากธรรมชาติ (local, organic or natural products) ที่มาจากผู้ผลิตรายย่อย (Artisan producers) ทั่วไทย หลายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีผลิตในไทยได้ เช่น แฮม ไส้กรอก หรือชีสไทย ที่ผมก็สั่งมาทานเองหลายรอบแล้ว ของเรียบง่ายอย่างผงลาบ เกลือ พริกไทย ก็มีของคุณภาพดีที่ทางร้านคัดสรรมาให้ลองชิมเช่นกัน หรือหากใครอยากสั่งออนไลน์ก็สามารถสั่งได้ที่เว็บไซต์
https://vivingrocery.com/
สำหรับอาหารในวันนี้ เมนูทั้งหมดเป็นอาหารฝรั่งเศสในสไตล์ Bistro โดยเชฟจะเน้นการปรุงแต่งที่น้อย มีรสชาติเบา ดีต่อสุขภาพ และเน้นชูคุณภาพของวัตถุดิบ แน่นอนว่าเมนูที่ไม่ควรพลาดต้องเป็น
Charcuterie คุณภาพสูงที่มีชีสไทยนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น
Le Doi Pao ที่เป็นชีสสไตล์ Swiss Alp,
ชีสสันผักหวานบุรี ที่เป็น Brie จากนมวัวของตำบลสันผักหวาน หรือ
"ซ่อนกลิ่น" (Hidden Agenda) ซึ่งเป็นบลูชีสที่พิเศษมากๆ เพราะใช้เหล้าขาวในการผลิต ก็เป็นอีกตัวที่ผมอยากให้ลองครับ
Terrine ตับเป็ดที่ใช้เหล้าและเห็ดไทยจากสูตรคุณยาย หรือ
Duck Prosciutto ทำเองของVivin ก็น่าลองไม่แพ้กัน
เครื่องดื่มนั้น หากคุณชอบกลิ่นสมุนไพรอย่างอบเชยและโป๊ยกั๊ก โคล่าทำเองของที่นี่ก็ควรต้องลอง เพราะมันจะฉีกกฎของโค้กเดิมๆ ที่คุณเคยกินครับ น้ำเลมอนเนดออร์แกนิกทำเองก็เป็นอีกตัวที่ควรลองไม่แพ้กัน
ความตั้งใจของ VIVIN ที่มุ่งมั่นจะยกระดับและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์Organic และผลผลิต Artisan ของไทยนั้น นอกจากจะอร่อยแล้วยังน่าชื่นชมมากครับ
วันนี้อาหารจะมีอะไรบ้าง ไปชมกันครับ
Lemonade ของทางร้านนั้นทำจากเลมอนออร์แกนิกและน้ำผึ้งป่า
.
Cola ของทางร้านเป็นโคล่าทำเองที่กลิ่นอาจจะแตกต่างจากโคล่ากระป๋องที่เราคุ้นชิน โดยจะมีกลิ่นเครื่องเทศอย่างโป๊ยกั๊ก, ชินนามอน และกานพลู (Clove) ที่ชัดเจน แต่ไม่เปรี้ยวหรือหวานมากนัก
Charcuterie Board ของที่นี่มีหลายขนาดให้เลือก โดยเราจะเลือกเฉพาะชีสหรือโคลด์คัท (Cold Cuts) ก็ได้ ซึ่งหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฮมและชีสแล้วนั้น Charcuterie ของที่นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คุณต้องลองอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างในจานนี้ทำในประเทศไทย
จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนหากคุณได้ลองชีส แฮม และไส้กรอกคุณภาพสูงหลากหลายสไตล์ที่ทำในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบลูชีส "สยามอิสบูล" หรือชีสแข็ง Le Doi Pao ที่ทุกคนชื่นชอบ, ชีสสันผักหวาน ที่เสิร์ฟมาพร้อมผักดองทำเองและชัทนีย์ (Chutney)

ชั้นล่างนั้นนอกจาก
Duck Prosciutto ของขึ้นชื่อของเชฟ ก็ยังมี
เทอร์รีนตับเป็ด สูตรคุณย่า ที่มีการใช้บรั่นดีไทยผสมลงไปด้วย หรือจะเป็น
Saucisson (ไส้กรอกสไตล์ฝรั่งเศส) นานาชนิด ก็เป็นอีกอย่างที่คุณควรลองไม่แพ้กันครับ
หากมากันสัก 2-3 คน จานนี้เป็นอีกจานที่ผมอยากแนะนำว่าไม่ควรพลาด
Nicoise Salad สลัดที่มีต้นกำเนิดจากเมืองนีซจานนี้ ใส่น้ำสลัดที่ทำจากน้ำมันมะกอกและแองโชวี น้ำสลัดรสเบาทำให้รู้สึกดีต่อสุขภาพจริงๆ ส่วนเนื้อปลาที่เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่าง ทำจากเนื้อปลาทูน่าและมาร์ลินรมควันจากภูเก็ต ก่อนปิดท้ายด้วยไข่ต้ม
Parisian Sandwich อาหารจานคลาสสิกของปารีสที่ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยกิน เป็นอาหารง่ายๆ ที่ประกอบด้วยขนมปังบาแก็ตต์ (Baguette) แฮม และชีส โดยที่นี่เลือกใช้ Paris Ham ที่ทำเองในกรุงเทพฯ กับชีสแข็ง Le Doi Pao
จานนี้ดูเรียบง่ายแต่ทำออกมาได้ดีมากครับ ขนมปังเนื้อนุ่มไม่เหนียว ผิวกรอบไม่แข็งเลย การปรุงรสไม่มีอะไรซับซ้อน มีรสเค็มและครีมมี่อ่อนๆ ของชีสแข็งและแฮม รสนวลๆ เบาๆ สามารถรับประทานได้เรื่อยๆ
Duck Confit เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส Jus ผสมมัลเบอร์รีรสเปรี้ยวหวาน Confit ของที่นี่ทำออกมาได้ดีครับ เนื้อเป็ดเปื่อยยุ่ยสามารถร่อนออกจากกระดูกได้ง่ายแต่ไม่แห้ง หนังกรอบ ซอสมีกลิ่นและความอร่อยของเป็ดอยู่อย่างเต็มเปี่ยม รสไม่เข้มข้นมาก แต่รับรู้ได้ถึงความตั้งใจ แฝงความเปรี้ยวหวานอ่อนๆ ของมัลเบอร์รี ผมแนะนำให้ทานสลับกับเครื่องเคียงอย่างผักย่างและมันบด เป็นจานง่ายๆ ที่ทำออกมาได้แตกต่างและอร่อยมากครับ
Onglet หรือ "Hanger Steak" ที่ภาษาไทยเรียกว่า "เนื้อขั้วตับ" อาจเป็นส่วนที่ถูกมองข้ามในอดีต แต่เนื้อส่วนนี้ได้รับความนิยมมากๆ ใน Bistro ที่ปารีสครับ เพราะเนื้อมีความเข้มข้นสูง ทำให้เข้ากับซอสสไตล์ Café de Paris ได้อย่างลงตัว
เนื้อขั้วตับในวันนี้ไม่เหนียวอย่างที่หลายคนกังวล แต่เคี้ยวกำลังสนุก พอเคี้ยวไปรสชาติความเข้มข้นของเนื้อจะค่อยๆ พรั่งพรูออกมา ซอส Café de Paris หรือซอสเนยผสมสมุนไพรของที่นี่มีรสอ่อนๆ หอมกลิ่นสมุนไพรเบาๆ ไม่กลบรสชาติของเนื้อ เป็นสเต็กที่มีอัตลักษณ์และน่าสนใจทีเดียวครับ
Fluffy Omelette อาหารจานขึ้นชื่อของที่นี่อีกจานหนึ่งคือไข่เจียวเนื้อฟู โดยวันนี้ผมเลือกเวอร์ชันใส่ไส้กรอก Chorizo และ Manteca (Lard อย่างสเปน) ออมเล็ตของที่นี่มีรสอ่อนๆ หอมกลิ่นไข่ออร์แกนิก ก่อนจะปิดท้ายด้วยความเผ็ดเบาๆ และรสเข้มข้นของไส้กรอกชอริโซครับ
🗺️
แผนที่: https://maps.app.goo.gl/r6rGq15J8v3c85x16 ⏰
เวลาเปิดปิด:
มื้อกลางวัน: 12:00–15:00 น. (ศุกร์-อังคาร)
มื้อค่ำ: 17:00–23:00 น. (ศุกร์-อังคาร)
ปิดทุกวันพุธและพฤหัสบดี 💵
ค่าเสียหาย: ~ 500 บาท/คน ⌨️
เว็บไซต์ร้าน: https://www.vivingrocerant.com/ ,
https://www.facebook.com/VIVINgrocery
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยและทั่วโลก ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss #VIVINAsok #ArtisanalBangkok #ShelfToPlate
@vivincafegrocerybistro @vivinthailand
[SR] บอสพาชิม: VIVIN Asok: Café Grocery Bistro – French Bistro ต้องมนต์วัตถุดิบไทย (Bangkok, Thailand)
VIVIN Asok: Café Grocery Bistro เป็นการผสมผสานระหว่างร้านขายของชำ (Grocery) และร้านอาหารสไตล์ French Bistro ที่หากคุณประทับใจในรสชาติของอาหารที่ได้ทานที่ร้านแล้ว ก็สามารถเลือกซื้อวัตถุดิบเหล่านั้นกลับไปปรุงเองที่บ้านได้เช่นกัน
VIVIN เร่ิม Nicolas Vivin และภรรยา คุณ Samantha Proyrungtong โดยมีจุดเริ่มต้นจากการขาย Foie Gras Terrine ซึ่งเป็นสูตรของคุณย่าของคุณ Nicolas ที่ตลาดเกษตรกร (Farmer Market) ที่ K Village ในปี 2014 โดยมีการนำวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างเหล้ารัมจากภูเก็ตและสตรอว์เบอร์รีจากเชียงใหม่มาผสมผสาน (ถ้าใครจำภาพนั้นได้ บอกเลยว่าความจำดีมากครับ!)
โดย 99% ของวัตถุดิบทั้งหมดในร้าน แม้จะดูเป็นตะวันตก แต่ทุกอย่างที่นี่ล้วนเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกหรือจากธรรมชาติ (local, organic or natural products) ที่มาจากผู้ผลิตรายย่อย (Artisan producers) ทั่วไทย หลายอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะมีผลิตในไทยได้ เช่น แฮม ไส้กรอก หรือชีสไทย ที่ผมก็สั่งมาทานเองหลายรอบแล้ว ของเรียบง่ายอย่างผงลาบ เกลือ พริกไทย ก็มีของคุณภาพดีที่ทางร้านคัดสรรมาให้ลองชิมเช่นกัน หรือหากใครอยากสั่งออนไลน์ก็สามารถสั่งได้ที่เว็บไซต์ https://vivingrocery.com/
สำหรับอาหารในวันนี้ เมนูทั้งหมดเป็นอาหารฝรั่งเศสในสไตล์ Bistro โดยเชฟจะเน้นการปรุงแต่งที่น้อย มีรสชาติเบา ดีต่อสุขภาพ และเน้นชูคุณภาพของวัตถุดิบ แน่นอนว่าเมนูที่ไม่ควรพลาดต้องเป็น Charcuterie คุณภาพสูงที่มีชีสไทยนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น Le Doi Pao ที่เป็นชีสสไตล์ Swiss Alp, ชีสสันผักหวานบุรี ที่เป็น Brie จากนมวัวของตำบลสันผักหวาน หรือ "ซ่อนกลิ่น" (Hidden Agenda) ซึ่งเป็นบลูชีสที่พิเศษมากๆ เพราะใช้เหล้าขาวในการผลิต ก็เป็นอีกตัวที่ผมอยากให้ลองครับ Terrine ตับเป็ดที่ใช้เหล้าและเห็ดไทยจากสูตรคุณยาย หรือ Duck Prosciutto ทำเองของVivin ก็น่าลองไม่แพ้กัน
เครื่องดื่มนั้น หากคุณชอบกลิ่นสมุนไพรอย่างอบเชยและโป๊ยกั๊ก โคล่าทำเองของที่นี่ก็ควรต้องลอง เพราะมันจะฉีกกฎของโค้กเดิมๆ ที่คุณเคยกินครับ น้ำเลมอนเนดออร์แกนิกทำเองก็เป็นอีกตัวที่ควรลองไม่แพ้กัน
ความตั้งใจของ VIVIN ที่มุ่งมั่นจะยกระดับและเผยแพร่ผลิตภัณฑ์Organic และผลผลิต Artisan ของไทยนั้น นอกจากจะอร่อยแล้วยังน่าชื่นชมมากครับ
วันนี้อาหารจะมีอะไรบ้าง ไปชมกันครับ
Lemonade ของทางร้านนั้นทำจากเลมอนออร์แกนิกและน้ำผึ้งป่า
.
Cola ของทางร้านเป็นโคล่าทำเองที่กลิ่นอาจจะแตกต่างจากโคล่ากระป๋องที่เราคุ้นชิน โดยจะมีกลิ่นเครื่องเทศอย่างโป๊ยกั๊ก, ชินนามอน และกานพลู (Clove) ที่ชัดเจน แต่ไม่เปรี้ยวหรือหวานมากนัก
Charcuterie Board ของที่นี่มีหลายขนาดให้เลือก โดยเราจะเลือกเฉพาะชีสหรือโคลด์คัท (Cold Cuts) ก็ได้ ซึ่งหากใครเป็นแฟนพันธุ์แท้ของแฮมและชีสแล้วนั้น Charcuterie ของที่นี่เป็นอีกอย่างหนึ่งที่คุณต้องลองอย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างในจานนี้ทำในประเทศไทย
จะน่าตื่นเต้นแค่ไหนหากคุณได้ลองชีส แฮม และไส้กรอกคุณภาพสูงหลากหลายสไตล์ที่ทำในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นบลูชีส "สยามอิสบูล" หรือชีสแข็ง Le Doi Pao ที่ทุกคนชื่นชอบ, ชีสสันผักหวาน ที่เสิร์ฟมาพร้อมผักดองทำเองและชัทนีย์ (Chutney)
ชั้นล่างนั้นนอกจาก Duck Prosciutto ของขึ้นชื่อของเชฟ ก็ยังมี เทอร์รีนตับเป็ด สูตรคุณย่า ที่มีการใช้บรั่นดีไทยผสมลงไปด้วย หรือจะเป็น Saucisson (ไส้กรอกสไตล์ฝรั่งเศส) นานาชนิด ก็เป็นอีกอย่างที่คุณควรลองไม่แพ้กันครับ
หากมากันสัก 2-3 คน จานนี้เป็นอีกจานที่ผมอยากแนะนำว่าไม่ควรพลาด
Nicoise Salad สลัดที่มีต้นกำเนิดจากเมืองนีซจานนี้ ใส่น้ำสลัดที่ทำจากน้ำมันมะกอกและแองโชวี น้ำสลัดรสเบาทำให้รู้สึกดีต่อสุขภาพจริงๆ ส่วนเนื้อปลาที่เป็นส่วนประกอบสำคัญอีกอย่าง ทำจากเนื้อปลาทูน่าและมาร์ลินรมควันจากภูเก็ต ก่อนปิดท้ายด้วยไข่ต้ม
Parisian Sandwich อาหารจานคลาสสิกของปารีสที่ผมเชื่อว่าทุกคนต้องเคยกิน เป็นอาหารง่ายๆ ที่ประกอบด้วยขนมปังบาแก็ตต์ (Baguette) แฮม และชีส โดยที่นี่เลือกใช้ Paris Ham ที่ทำเองในกรุงเทพฯ กับชีสแข็ง Le Doi Pao
จานนี้ดูเรียบง่ายแต่ทำออกมาได้ดีมากครับ ขนมปังเนื้อนุ่มไม่เหนียว ผิวกรอบไม่แข็งเลย การปรุงรสไม่มีอะไรซับซ้อน มีรสเค็มและครีมมี่อ่อนๆ ของชีสแข็งและแฮม รสนวลๆ เบาๆ สามารถรับประทานได้เรื่อยๆ
Duck Confit เสิร์ฟมาพร้อมกับซอส Jus ผสมมัลเบอร์รีรสเปรี้ยวหวาน Confit ของที่นี่ทำออกมาได้ดีครับ เนื้อเป็ดเปื่อยยุ่ยสามารถร่อนออกจากกระดูกได้ง่ายแต่ไม่แห้ง หนังกรอบ ซอสมีกลิ่นและความอร่อยของเป็ดอยู่อย่างเต็มเปี่ยม รสไม่เข้มข้นมาก แต่รับรู้ได้ถึงความตั้งใจ แฝงความเปรี้ยวหวานอ่อนๆ ของมัลเบอร์รี ผมแนะนำให้ทานสลับกับเครื่องเคียงอย่างผักย่างและมันบด เป็นจานง่ายๆ ที่ทำออกมาได้แตกต่างและอร่อยมากครับ
Onglet หรือ "Hanger Steak" ที่ภาษาไทยเรียกว่า "เนื้อขั้วตับ" อาจเป็นส่วนที่ถูกมองข้ามในอดีต แต่เนื้อส่วนนี้ได้รับความนิยมมากๆ ใน Bistro ที่ปารีสครับ เพราะเนื้อมีความเข้มข้นสูง ทำให้เข้ากับซอสสไตล์ Café de Paris ได้อย่างลงตัว
เนื้อขั้วตับในวันนี้ไม่เหนียวอย่างที่หลายคนกังวล แต่เคี้ยวกำลังสนุก พอเคี้ยวไปรสชาติความเข้มข้นของเนื้อจะค่อยๆ พรั่งพรูออกมา ซอส Café de Paris หรือซอสเนยผสมสมุนไพรของที่นี่มีรสอ่อนๆ หอมกลิ่นสมุนไพรเบาๆ ไม่กลบรสชาติของเนื้อ เป็นสเต็กที่มีอัตลักษณ์และน่าสนใจทีเดียวครับ
Fluffy Omelette อาหารจานขึ้นชื่อของที่นี่อีกจานหนึ่งคือไข่เจียวเนื้อฟู โดยวันนี้ผมเลือกเวอร์ชันใส่ไส้กรอก Chorizo และ Manteca (Lard อย่างสเปน) ออมเล็ตของที่นี่มีรสอ่อนๆ หอมกลิ่นไข่ออร์แกนิก ก่อนจะปิดท้ายด้วยความเผ็ดเบาๆ และรสเข้มข้นของไส้กรอกชอริโซครับ
🗺️ แผนที่: https://maps.app.goo.gl/r6rGq15J8v3c85x16 ⏰ เวลาเปิดปิด:
มื้อกลางวัน: 12:00–15:00 น. (ศุกร์-อังคาร)
มื้อค่ำ: 17:00–23:00 น. (ศุกร์-อังคาร)
ปิดทุกวันพุธและพฤหัสบดี 💵 ค่าเสียหาย: ~ 500 บาท/คน ⌨️ เว็บไซต์ร้าน: https://www.vivingrocerant.com/ , https://www.facebook.com/VIVINgrocery
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยและทั่วโลก ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดแชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss #VIVINAsok #ArtisanalBangkok #ShelfToPlate
@vivincafegrocerybistro @vivinthailand
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น