สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วคราวนี้ผมเกษียณแล้ว มีเวลาหาเที่ยวหาเรื่องใส่ตัวได้เต็มที่แล้ว จากที่วันๆก็ทำงานบ้าน กิน นอน วิ่ง ตีกอล์ฟ เที่ยวใกล้ๆกับเพื่อนที่เกษียณแล้วเหมือนกัน มีอยู่วันนั่งไถ TikTok อยู่ ก็มีคลิปเดินป่าโบลาเวนหลุดเข้ามา ดูครั้งแรกก็ชอบเลย สวยมากๆ ทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน ก็เลยไปหาข้อมูลมาเพิ่มจนคิดว่า อย่างนี้ต้องไปโดนแล้ว กำลังหน้าฝนเลยน้ำตกคงสวยมากๆแน่ เลยเสนอเพื่อนไปว่า ไปกันไหม แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายปลายทางเลยสักนิด เออ ไปคนเดียวก็ได้วะ ก็เริ่มกระบวนการหาบริษัททัวร์จากเดิมอยากไปกลางอาทิตย์คนจะได้น้อยๆไม่ต้องไปแย่งกัน แต่เขาไปวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทั้งนั้น เอ้า วันหยุดก็ได้ ก็เลือกว่าจะไปเองดีกว่าเพราะเขานั่งรถตู้ไปกันคืนวันพฤหัส ถึงช่องเม็กเช้าวันศุกร์แล้วก็เริ่มเดินกันเลย แต่ผมรู้ตัวว่านอนบนรถตู้ไม่หลับแน่นอน เช้ามาจะพานเป็นลมทำชาวบ้านเขาลำบากอีก เลยเลือกนั่งรถไฟ sprinter ตอนกลางวันวันพฤหัสไปลงอุบล ต่อรถไปช่องเม็ก นอนพักคืนหนึ่ง เช้าค่อยไปเจอกัน อุปกรณ์เดินป่าก็เอาที่มีอยู่แล้ว ซื้อเพิ่มบางอย่าง ยังไม่ได้ซื้อของแพง เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปทีเดียวเข็ดหรือเปล่า ถ้าติดใจค่อยมาหาซื้อของดีทีหลังก็ได้ ก็จัดของจองรถ จองโรงแรม ไปมันคนเดียวนี่แหละ ของหนักก็มีเตนท์เล็ก เป้ใหญ่ 60 ลิตร ซื้อonline ถุงนอนเก่า ฟูกรองนอนเป่าลมของลูก รองเท้าเดินป่าเบาๆอีกคู่ แต่คู่หลักคือ adda หน้าตาเหมือน crocs ไม่ต้องใส่ถุงเท้าคู่นี้ผ่านโกรกอีดกมาแล้ว เดินสบายชอบมาก เสื้อผ้าเอาไปนิดเดียว ใส่ซ้ำได้ จัดของเต็มเป้พอดี หนัก 9 กิโล
วันเดินทางแฟนขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟรังสิตตอน 06:30 นั่งยาวไปยันบ่าย ๒ ลงรถไฟต่อ taxi ไป บขส อุบล ต่อรถตู้ไปช่องเม็ก ต่อวินไปที่พัก กว่าจะถึงก็เหนื่อยเอาเรื่อง ฝนก็มาต้อนรับพอดี ก็ถามคนขี่วินว่าจะไปวัดเรืองแสงได้ยังไง เขาก็บอกว่าเขาไปส่ง รอรับกลับได้ ก็เลยเหมาไป ออกไปตอน ๖ โมงเย็นฝนหยุดตกแล้ว ซ้อนมอไซไปไม่ไกลอากาศดีมาก ไปถึงวัดพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี พอได้เห็นวิวอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร สวย โรแมนติกมาก เสียดายมาคนเดียว พอฟ้าเริ่มมืด ตัววัดก็เริ่มเรืองแสง สวย แปลกตามาก คนขับวินบอกถ้าวันไหนแดดแรงการเรืองแสงจะยิ่งสว่าง แต่ช่วงนี้ฝนตกทั้งวันเลยได้แค่นี้ คนคิดนี่เก่งจริงๆก็อยู่จนทุ่มก็กลับ คนก็ทยอยมากันเรื่อยๆคึกคักดีเลย
วัดเรืองแสง ( วัดสิรินธรวราราม ภูพร้าว)
เช้าวันศุกร์แพคของออกไปรอกรุ๊ปทัวร์ที่หน้าด่าน ดูๆไปผมนี่อาวุโสอันดับ ๒ ที่เหลือก็ประมาณ 20 ปลายๆ 30 ต้นๆกันทั้งนั้น ไปกัน 20 กว่าคน ก็ยังไม่ได้พูดกับใคร เขามากันเป็นกลุ่มเขาก็คุยกันเองสนุกสนาน เราแก่แล้วมาคนเดียวก็สงบปากไปก่อน พอไกด์อธิบายอะไรๆเสร็จก็เริ่มเดินทาง ออกจากไทยไปเข้าลาว นั่งรถตู้ไป ๒ ชั่วโมงไปบ้านหนองหลวงที่จะเป็นที่พักคืนที่ ๒ เอาของที่ไม่ได้ใช้ในป่าฝากไว้ที่บ้านพักก่อน กินข้าวเที่ยงแล้วก็เริ่มเดินประมาณบ่ายโมง ฝนมันก็ตกตลอดตกๆหยุดๆ ก็ไปมันอย่างนั้นเลย มัวรอก็คงเย็นพอดี เสื้อกันฝนก็มีก็เอามาใช้เสีย ของที่จัดใหม่รวมน้ำกิน ๒ ขวดก็หนัก ๗ กิโล ตอนแรกก็นั่งรถไปส่งที่ปากทางเดินก่อน แล้วก็เดินตามๆกันไป แค่เริ่มเดินเท่านั้น ทุกคนบ่นกันอู้เลยเพราะเขากำลังก่อสร้างอะไรสักอย่างถนนตรงนั้นเลยเละเป็นโคลนยาวเลย น้องๆบอก เหมือนเปรโต๊ะลอซูเลย ก็จริง เละพอกัน แต่ก็แค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงลำห้วยเล็กๆ มีสะพานข้าม แต่ผมไม่ข้ามละ ลุยน้ำมันไปเลยจะได้ล้างโคลนด้วย น้องๆก็เดินตามมากันหลายคน น้ำเย็นเจี๊ยบ สดชื่นมาก แล้วก็เดินกันไปเรื่อยๆ ทางเดินไม่ยาก เหมือนเดินในสวน เป็นไร่กาแฟ ขึ้น ลงเนินเตี้ยๆ ไม่ชันไม่มีภูเขา แค่เละไปหน่อย เดินสักชั่วโมงกว่าๆก็ถึงลานกางเตนท์บน โบลาเวน ก็งง อ้าวถึงแล้วเหรอยังไม่เหนื่อยเลย พอมาถึงก็เจอเซเว่น มารอรับเลย มีให้เลือกทุกอย่างน้ำ โค้ก เกลือแร่ เบียร์ ขนม จ่ายได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท พอมาถึงก็รีบไปกางเตนท์ก่อน ก่อนฝนตก พอกางเสร็จฝนก็ตกพอดี เลยมีที่หลบฝน น้องๆเขาเดินตามมาทีหลัง ก็รอลูกหาบกางเตนท์ให้ ส่วนใหญ่จะเช่าเตนท์ของบริษัทและมีลูกหาบหาบมาให้ ที่แบกมาเองมีไม่กี่คน ระหว่างหลบฝนก็มีคนมาเรียกขายน้ำขายขนมตลอด บริการดีจริงๆ จนบ่าย ๓ กว่าฝนซาหมอกจาง ก็พากันไปเดินถ่ายรูปรอบๆ มีทั้งต้นไม้หน้าผี หน้าผาที่มองเห็นน้ำตกตาดฟานไกลๆ บรรยากาศดีมากๆ เริ่มคุยกับน้องๆแล้ว น้องมันก็ว่าไม่น่าเชื่อว่าพี่เกษียนแล้ว ยังดูหนุ่มอยู่เลย เดินก็นำลิ่วๆไม่รอเด็กเลย คนแก่ได้ยินอย่างนี้มันก็ปลื้มยิ้มหน้าบาน จากที่เดินๆดูรอบๆ มีมากันหลายกลุ่ม รวมๆกันก็หลักร้อย มีแต่คนไทยล้วนๆ ก็กางเตนท์กันเป็นกลุ่ม กระจายกันไป ห่างกันพอควรครึกครื้นดี ฝน หมอก ก็สลับกันมา ไม่สนใจแล้วก็ไปมันทั้งเปียกๆนี่แหละผมพกร่มลูกสาวมา ไม่ต้องใส่เสื้อกันฝน เดินคล่องตัวดี น้องมันก็แซวร่มพี่ลายแตงโมสีชมพูน่ารักจริงๆ มองเห็นแต่ไกล เพราะมีคนถือร่มอยู่คนเดียว ระหว่างนี้ไกด์ ลูกหาบก็ทำกับข้าวเย็น พวกลูกทัวร์ก็เปลี่ยนชุดบ้างซักแห้งบ้าง(ส่วนใหญ่) เพราะที่นี่ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีลำธาร ปวดท้องก็เข้าป่าไป ผู้ชายก็สบายหน่อย ผู้หญิงก็รอมืดนิดนึงก็ชวนเพื่อนไปดูต้นทางด้วย ไกด์ก็แค่เตือนกันว่ากลางคืนอย่าไปฉี่รดเตนท์ข้างๆล่ะ ได้บรรยากาศป่าดีมาก ผมก็ชุดเดิม ใส่นอนด้วย ไม่กลัวเหม็นเพราะเหม็นทุกคนพอๆกัน ๖โมงกินข้าวเย็น แต่มันมืดมากยังกะ ๒ ทุ่ม นั่งล้อมวงกินข้าว ไกด์ทำกับข้าวหลายอย่าง อร่อยมาก เยอะกินกันไม่หมด กินข้าวไปกินเบียร์ กินเหล้าไป เริ่มแนะนำตัวเอง ชวนพูดชวนคุยกันไป แต่ละกลุ่มก็เริ่มมาจอยข้ามกลุ่ม มีเบียร์เป็นกาวใจอย่างดี ที่นี่กินเบียร์กันสนุกเพราะอากาศเย็น มีเบียร์มาขายถึงที่ ตอนเช้าถามน้อง มันบอกนับไม่ถ้วน น่าจะเกิน 30 กระป๋องเพราะท้ายๆเมาจนไม่ได้นับกันแล้ว ที่มาส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นวิศวกร กับทำธุรกิจส่วนตัว สาวๆเป็นพยาบาลก๊วนใหญ่ มีหมอมาคนนึงแต่คนละกลุ่ม กินเบียร์กันเมาแอ๋ คุยกันเสียงดังลั่น ผมสัก ๒ ทุ่มกว่าก็ออกไปนอนฟังเด็กเขาคุยกัน น้องผู้หญิงคนนึงเมาหนักเพื่อนลากไปเข้าเตนท์ แล้วเพื่อนออกมากินต่อ กลายเป็นเธอลุกมาอ้วกใส่กระเป๋าเพื่อนในเตนท์ เพื่อนกลับมาด่าฉ่ำ แต่เธอหลับไม่รู้เรื่อง เพื่อนเลยต้องย้ายไปนอนเตนท์กินข้าว เป็นปลาทูไป กว่าจะสงบก็เที่ยงคืน อ้าวน้องอีกคนทำโทรศัพท์หายก็ช่วยกันหา กว่าจะเจอว่าไปซุกอยู่ในเก้าอี้หน้าเตนท์ ก็เกือบตี๑ พอเขาเงียบกันผมถึงได้หลับ
เริ่มเดินกันแล้ว เดินไปฝนก็ตกไป

ที่นอนคืนนี้ แบกเอง กางเอง เก็บเอง นักเลงพอ

โรงอาหาร common room และห้องนอนของเหล่าปลาทู
ต้นไม้หน้าผี น้องน่ารักมาก

ไม่น่าเชื่ออยู่กันกลางป่าไม่มีไฟฟ้าไม่มีประปา แต่สัญญาณเนทเข้าถึง ถึงจะมาบ้างหลุดบ้างมาก็ช้า แต่ก็พอมีให้ใช้ส่งไลน์กลับบ้านได้ โหลดเพลง YT มาร้องกันได้ สนุกกันสุดๆกลางป่านี่แหละ หาบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
จบภาคแรก มีต่อภาคต่อไปครับ
เดินป่าโบลาเวน zip line ตาดฟาน 5-7 กย 68 กับหนุ่มน้อยวัยเกษียณ
สวัสดีครับ เจอกันอีกแล้วคราวนี้ผมเกษียณแล้ว มีเวลาหาเที่ยวหาเรื่องใส่ตัวได้เต็มที่แล้ว จากที่วันๆก็ทำงานบ้าน กิน นอน วิ่ง ตีกอล์ฟ เที่ยวใกล้ๆกับเพื่อนที่เกษียณแล้วเหมือนกัน มีอยู่วันนั่งไถ TikTok อยู่ ก็มีคลิปเดินป่าโบลาเวนหลุดเข้ามา ดูครั้งแรกก็ชอบเลย สวยมากๆ ทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน ก็เลยไปหาข้อมูลมาเพิ่มจนคิดว่า อย่างนี้ต้องไปโดนแล้ว กำลังหน้าฝนเลยน้ำตกคงสวยมากๆแน่ เลยเสนอเพื่อนไปว่า ไปกันไหม แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายปลายทางเลยสักนิด เออ ไปคนเดียวก็ได้วะ ก็เริ่มกระบวนการหาบริษัททัวร์จากเดิมอยากไปกลางอาทิตย์คนจะได้น้อยๆไม่ต้องไปแย่งกัน แต่เขาไปวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ทั้งนั้น เอ้า วันหยุดก็ได้ ก็เลือกว่าจะไปเองดีกว่าเพราะเขานั่งรถตู้ไปกันคืนวันพฤหัส ถึงช่องเม็กเช้าวันศุกร์แล้วก็เริ่มเดินกันเลย แต่ผมรู้ตัวว่านอนบนรถตู้ไม่หลับแน่นอน เช้ามาจะพานเป็นลมทำชาวบ้านเขาลำบากอีก เลยเลือกนั่งรถไฟ sprinter ตอนกลางวันวันพฤหัสไปลงอุบล ต่อรถไปช่องเม็ก นอนพักคืนหนึ่ง เช้าค่อยไปเจอกัน อุปกรณ์เดินป่าก็เอาที่มีอยู่แล้ว ซื้อเพิ่มบางอย่าง ยังไม่ได้ซื้อของแพง เพราะยังไม่รู้ว่าจะไปทีเดียวเข็ดหรือเปล่า ถ้าติดใจค่อยมาหาซื้อของดีทีหลังก็ได้ ก็จัดของจองรถ จองโรงแรม ไปมันคนเดียวนี่แหละ ของหนักก็มีเตนท์เล็ก เป้ใหญ่ 60 ลิตร ซื้อonline ถุงนอนเก่า ฟูกรองนอนเป่าลมของลูก รองเท้าเดินป่าเบาๆอีกคู่ แต่คู่หลักคือ adda หน้าตาเหมือน crocs ไม่ต้องใส่ถุงเท้าคู่นี้ผ่านโกรกอีดกมาแล้ว เดินสบายชอบมาก เสื้อผ้าเอาไปนิดเดียว ใส่ซ้ำได้ จัดของเต็มเป้พอดี หนัก 9 กิโล
วันเดินทางแฟนขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟรังสิตตอน 06:30 นั่งยาวไปยันบ่าย ๒ ลงรถไฟต่อ taxi ไป บขส อุบล ต่อรถตู้ไปช่องเม็ก ต่อวินไปที่พัก กว่าจะถึงก็เหนื่อยเอาเรื่อง ฝนก็มาต้อนรับพอดี ก็ถามคนขี่วินว่าจะไปวัดเรืองแสงได้ยังไง เขาก็บอกว่าเขาไปส่ง รอรับกลับได้ ก็เลยเหมาไป ออกไปตอน ๖ โมงเย็นฝนหยุดตกแล้ว ซ้อนมอไซไปไม่ไกลอากาศดีมาก ไปถึงวัดพระอาทิตย์กำลังจะตกพอดี พอได้เห็นวิวอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร สวย โรแมนติกมาก เสียดายมาคนเดียว พอฟ้าเริ่มมืด ตัววัดก็เริ่มเรืองแสง สวย แปลกตามาก คนขับวินบอกถ้าวันไหนแดดแรงการเรืองแสงจะยิ่งสว่าง แต่ช่วงนี้ฝนตกทั้งวันเลยได้แค่นี้ คนคิดนี่เก่งจริงๆก็อยู่จนทุ่มก็กลับ คนก็ทยอยมากันเรื่อยๆคึกคักดีเลย
เช้าวันศุกร์แพคของออกไปรอกรุ๊ปทัวร์ที่หน้าด่าน ดูๆไปผมนี่อาวุโสอันดับ ๒ ที่เหลือก็ประมาณ 20 ปลายๆ 30 ต้นๆกันทั้งนั้น ไปกัน 20 กว่าคน ก็ยังไม่ได้พูดกับใคร เขามากันเป็นกลุ่มเขาก็คุยกันเองสนุกสนาน เราแก่แล้วมาคนเดียวก็สงบปากไปก่อน พอไกด์อธิบายอะไรๆเสร็จก็เริ่มเดินทาง ออกจากไทยไปเข้าลาว นั่งรถตู้ไป ๒ ชั่วโมงไปบ้านหนองหลวงที่จะเป็นที่พักคืนที่ ๒ เอาของที่ไม่ได้ใช้ในป่าฝากไว้ที่บ้านพักก่อน กินข้าวเที่ยงแล้วก็เริ่มเดินประมาณบ่ายโมง ฝนมันก็ตกตลอดตกๆหยุดๆ ก็ไปมันอย่างนั้นเลย มัวรอก็คงเย็นพอดี เสื้อกันฝนก็มีก็เอามาใช้เสีย ของที่จัดใหม่รวมน้ำกิน ๒ ขวดก็หนัก ๗ กิโล ตอนแรกก็นั่งรถไปส่งที่ปากทางเดินก่อน แล้วก็เดินตามๆกันไป แค่เริ่มเดินเท่านั้น ทุกคนบ่นกันอู้เลยเพราะเขากำลังก่อสร้างอะไรสักอย่างถนนตรงนั้นเลยเละเป็นโคลนยาวเลย น้องๆบอก เหมือนเปรโต๊ะลอซูเลย ก็จริง เละพอกัน แต่ก็แค่ไม่กี่ร้อยเมตรก็ถึงลำห้วยเล็กๆ มีสะพานข้าม แต่ผมไม่ข้ามละ ลุยน้ำมันไปเลยจะได้ล้างโคลนด้วย น้องๆก็เดินตามมากันหลายคน น้ำเย็นเจี๊ยบ สดชื่นมาก แล้วก็เดินกันไปเรื่อยๆ ทางเดินไม่ยาก เหมือนเดินในสวน เป็นไร่กาแฟ ขึ้น ลงเนินเตี้ยๆ ไม่ชันไม่มีภูเขา แค่เละไปหน่อย เดินสักชั่วโมงกว่าๆก็ถึงลานกางเตนท์บน โบลาเวน ก็งง อ้าวถึงแล้วเหรอยังไม่เหนื่อยเลย พอมาถึงก็เจอเซเว่น มารอรับเลย มีให้เลือกทุกอย่างน้ำ โค้ก เกลือแร่ เบียร์ ขนม จ่ายได้ทั้งเงินกีบและเงินบาท พอมาถึงก็รีบไปกางเตนท์ก่อน ก่อนฝนตก พอกางเสร็จฝนก็ตกพอดี เลยมีที่หลบฝน น้องๆเขาเดินตามมาทีหลัง ก็รอลูกหาบกางเตนท์ให้ ส่วนใหญ่จะเช่าเตนท์ของบริษัทและมีลูกหาบหาบมาให้ ที่แบกมาเองมีไม่กี่คน ระหว่างหลบฝนก็มีคนมาเรียกขายน้ำขายขนมตลอด บริการดีจริงๆ จนบ่าย ๓ กว่าฝนซาหมอกจาง ก็พากันไปเดินถ่ายรูปรอบๆ มีทั้งต้นไม้หน้าผี หน้าผาที่มองเห็นน้ำตกตาดฟานไกลๆ บรรยากาศดีมากๆ เริ่มคุยกับน้องๆแล้ว น้องมันก็ว่าไม่น่าเชื่อว่าพี่เกษียนแล้ว ยังดูหนุ่มอยู่เลย เดินก็นำลิ่วๆไม่รอเด็กเลย คนแก่ได้ยินอย่างนี้มันก็ปลื้มยิ้มหน้าบาน จากที่เดินๆดูรอบๆ มีมากันหลายกลุ่ม รวมๆกันก็หลักร้อย มีแต่คนไทยล้วนๆ ก็กางเตนท์กันเป็นกลุ่ม กระจายกันไป ห่างกันพอควรครึกครื้นดี ฝน หมอก ก็สลับกันมา ไม่สนใจแล้วก็ไปมันทั้งเปียกๆนี่แหละผมพกร่มลูกสาวมา ไม่ต้องใส่เสื้อกันฝน เดินคล่องตัวดี น้องมันก็แซวร่มพี่ลายแตงโมสีชมพูน่ารักจริงๆ มองเห็นแต่ไกล เพราะมีคนถือร่มอยู่คนเดียว ระหว่างนี้ไกด์ ลูกหาบก็ทำกับข้าวเย็น พวกลูกทัวร์ก็เปลี่ยนชุดบ้างซักแห้งบ้าง(ส่วนใหญ่) เพราะที่นี่ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีลำธาร ปวดท้องก็เข้าป่าไป ผู้ชายก็สบายหน่อย ผู้หญิงก็รอมืดนิดนึงก็ชวนเพื่อนไปดูต้นทางด้วย ไกด์ก็แค่เตือนกันว่ากลางคืนอย่าไปฉี่รดเตนท์ข้างๆล่ะ ได้บรรยากาศป่าดีมาก ผมก็ชุดเดิม ใส่นอนด้วย ไม่กลัวเหม็นเพราะเหม็นทุกคนพอๆกัน ๖โมงกินข้าวเย็น แต่มันมืดมากยังกะ ๒ ทุ่ม นั่งล้อมวงกินข้าว ไกด์ทำกับข้าวหลายอย่าง อร่อยมาก เยอะกินกันไม่หมด กินข้าวไปกินเบียร์ กินเหล้าไป เริ่มแนะนำตัวเอง ชวนพูดชวนคุยกันไป แต่ละกลุ่มก็เริ่มมาจอยข้ามกลุ่ม มีเบียร์เป็นกาวใจอย่างดี ที่นี่กินเบียร์กันสนุกเพราะอากาศเย็น มีเบียร์มาขายถึงที่ ตอนเช้าถามน้อง มันบอกนับไม่ถ้วน น่าจะเกิน 30 กระป๋องเพราะท้ายๆเมาจนไม่ได้นับกันแล้ว ที่มาส่วนใหญ่ผู้ชายจะเป็นวิศวกร กับทำธุรกิจส่วนตัว สาวๆเป็นพยาบาลก๊วนใหญ่ มีหมอมาคนนึงแต่คนละกลุ่ม กินเบียร์กันเมาแอ๋ คุยกันเสียงดังลั่น ผมสัก ๒ ทุ่มกว่าก็ออกไปนอนฟังเด็กเขาคุยกัน น้องผู้หญิงคนนึงเมาหนักเพื่อนลากไปเข้าเตนท์ แล้วเพื่อนออกมากินต่อ กลายเป็นเธอลุกมาอ้วกใส่กระเป๋าเพื่อนในเตนท์ เพื่อนกลับมาด่าฉ่ำ แต่เธอหลับไม่รู้เรื่อง เพื่อนเลยต้องย้ายไปนอนเตนท์กินข้าว เป็นปลาทูไป กว่าจะสงบก็เที่ยงคืน อ้าวน้องอีกคนทำโทรศัพท์หายก็ช่วยกันหา กว่าจะเจอว่าไปซุกอยู่ในเก้าอี้หน้าเตนท์ ก็เกือบตี๑ พอเขาเงียบกันผมถึงได้หลับ
ไม่น่าเชื่ออยู่กันกลางป่าไม่มีไฟฟ้าไม่มีประปา แต่สัญญาณเนทเข้าถึง ถึงจะมาบ้างหลุดบ้างมาก็ช้า แต่ก็พอมีให้ใช้ส่งไลน์กลับบ้านได้ โหลดเพลง YT มาร้องกันได้ สนุกกันสุดๆกลางป่านี่แหละ หาบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
จบภาคแรก มีต่อภาคต่อไปครับ