ระวัง ‘ต่อมน้ำลายอักเสบ’ ปวดบวมกระพุ้งแก้ม-ใต้คาง อาจมีเนื้องอก
KEY POINTS
ต่อมน้ำลายอักเสบ คือภาวะติดเชื้อที่ทำให้เกิดอาการปวด บวม แดงบริเวณกระพุ้งแก้มและใต้คาง ซึ่งเป็นตำแหน่งของต่อมน้ำลายหลัก
สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากการดื่มน้ำน้อย ปัญหาสุขภาพช่องปาก หรือผลข้างเคียงจากยาบางชนิด
หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รักษา อาจลุกลามรุนแรงจนเกิดเป็นฝีหนอง นิ่วอุดตันท่อน้ำลาย หรืออาจมีเนื้องอกซ่อนอยู่ภายใน
อาการปวดบวมซ้ำๆ หรือคลำพบก้อนที่โตขึ้นเรื่อยๆ เป็นสัญญาณเตือนสำคัญที่ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุ
พญ. วรรนธนี อภิวัฒนเสวี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา และภูมิแพ้ ด้านโพรงจมูกและไซนัสโรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า อาการปวด บวม แดง หรือบวมยุบซ้ำ ๆ ในช่องปาก อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “ต่อมน้ำลายอักเสบ” ภัยเงียบที่หลายคนมักมองข้าม และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจลุกลามจนกลายเป็นนิ่ว ฝีหนอง หรืออาจพบมีเนื้องอกซ่อนอยู่ภายในต่อมน้ำลาย
สำหรับ “ต่อมน้ำลาย” แม้จะมีขนาดเล็ก แต่มีหน้าที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกาย ผลิตน้ำลายที่ช่วยย่อยอาหาร หล่อลื่นการพูด การเคี้ยวและการกลืน เคลือบฟันป้องกันฟันผุ ฆ่าเชื้อโรค และปรับสมดุลกรด–ด่างในช่องปาก การทำงานของต่อมน้ำลายจึงเปรียบเสมือนเกราะป้องกันตามธรรมชาติ แต่เมื่อเกิดการอักเสบ อาการเล็ก ๆ ที่ดูไม่น่ากังวลอาจเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงได้
พญ. วรรนธนี กล่าวว่า ปกติร่างกายคนเรามีต่อมน้ำลาย 3 คู่หลัก ได้แก่ ต่อมพาโรติด (หน้าหู), ต่อมซับแมนดิบูลาร์ (ใต้ขากรรไกร), และต่อมซับลิงกัวล์ (ใต้ลิ้น) รวมถึงต่อมน้ำลายขนาดเล็กอีกจำนวนมาก ซึ่งจะลำเลียงน้ำลายมาตามท่อส่งและเข้ามาเปิดตามรูเปิดภายในช่องปาก ที่บริเวณกระพุ้งแก้มและใต้ลิ้นทางด้านหน้า
เมื่อเกิดภาวะที่น้ำลายน้อยลงจากสาเหตุต่างๆ เช่น การขาดน้ำ การได้รับยาบางชนิด หรือการได้รับรังสีรักษาบริเวณใบหน้าและลำคอ เชื้อแบคทีเรียในช่องปากที่ไม่สมดุล สามารถก่อให้เกิดการอักเสบติดเชื้อ ย้อนกลับเข้าไปสู่ท่อน้ำลาย ส่งผลให้ต่อมสร้างน้ำลายทำงานผิดปกติ จนอาจมีหนองสีเหลืองปนมากับน้ำลาย หรือหากติดเชื้อบ่อยๆ เป็นเวลานาน อาจเกิดการสะสมของตะกอนแคลเซียมกลายเป็นก้อนนิ่วอุดตันภายในท่อของต่อมน้ำลายได้เช่นเดียวกัน
“โรคต่อมน้ำลายอักเสบเป็นภัยเงียบ ผู้ป่วยจำนวนมากมักไม่ทันสังเกต แต่สามารถส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพช่องปาก การรับประทานอาหาร การพูดคุย รวมถึงความสวยงามของใบหน้า หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องตั้งแต่ระยะแรก”
สาเหตุหลักของโรค มักเกิดจากการติดเชื้อ โดยเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุที่พบบ่อย รองลงมาคือเชื้อไวรัส ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยเสี่ยง เช่น การดื่มน้ำน้อย สุขภาพเหงือกและฟันที่มีปัญหา ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด (เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาลดน้ำมูก ยาต้านซึมเศร้า) รวมถึงโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและไตวาย ที่ทำให้เกิดภาวะปากแห้งและเสี่ยงติดเชื้อมากยิ่งขึ้น
ระยะของโรคต่อมน้ำลายอักเสบ
ชนิดเฉียบพลัน ผู้ป่วยมักมีอาการปวด บวม แดง ร้อน โดยเฉพาะที่ต่อมหน้าหูและใต้ขากรรไกร ทำให้รับประทานอาหารลำบาก อ้าปากได้น้อยลง และบางรายมีไข้ร่วมด้วย
ชนิดเรื้อรัง เกิดจากการอักเสบติดเชื้อซ้ำ ๆ หรือมีนิ่วอุดตันในท่อน้ำลาย ส่งผลให้มีอาการปวด บวมเป็นๆหายๆ และอาการมักเป็นมากขึ้นหลังรับประทานอาหาร ซึ่งสัมพันธ์กับพฤติกรรมการดื่มน้ำน้อย ภาวะเครียดและพักผ่อนไม่เพียงพอ ในบางรายอาจพบมีเนื้องอกซ่อนอยู่ภายในต่อมน้ำลาย ที่อาจโตขึ้นเรื่อยๆ จนมีการกดเบียดส่วนของท่อน้ำลายหรือกดเบียดเส้นประสาทของใบหน้า
พญ. วรรนธนี กล่าวว่า กลุ่มเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ วัยทำงาน ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับรังสีบริเวณใบหน้า/ลำคอ และส่วนน้อยในทารกแรกเกิดที่ยังได้รับน้ำและสารอาหารไม่เพียงพอ
สัญญาณเตือนที่ควรระวังคือ อาการปวด บวม ซ้ำ ๆ หรือการมีก้อนเนื้อที่โตมากขึ้น ซึ่งควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัย อาทิเช่น การตรวจร่างกาย อัลตราซาวด์ (Ultrasound) หรือ CT Scan เพื่อค้นหาสาเหตุตำแหน่งและขนาดของก้อนนิ่วหรือฝีหนองอักเสบที่อยู่ภายใน
ทั้งนี้ หากปล่อยให้ ‘ต่อมน้ำลายอักเสบ’ ไว้โดยไม่รักษา อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อลุกลาม นิ่วอุดตันเรื้อรัง หรือเนื้องอกที่อาจกลายเป็นมะเร็งและแพร่กระจายได้ การรักษาจึงขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของโรค โดยการอักเสบติดเชื้อเบื้องต้น การให้ยาฆ่าเชื้อ การดูแลสุขภาพช่องปากทั้งเหงือกและฟัน การนอนพักผ่อนและดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นมากๆ
นอกจากนี้ ยังสามารถช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลายด้วยอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว เช่น น้ำมะนาว น้ำส้ม ลูกอมรสเปรี้ยว รวมถึงการประคบอุ่นเพื่อลดอาการปวดบวม ส่วนกรณีที่พบมีก้อนนิ่วอุดตัน การส่องกล้องเพื่อนำนิ่วออกถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการรักษานอกเหนือจากการผ่าตัด
อยู่กลางคืน ทำไมเลิกยาก? เข้าใจสาเหตุและแก้ไขได้
แสงสีฟ้า คาเฟอีน ความเครียด หรือพันธุกรรม ทำให้หลายคนติดวงจรนอนดึก มาดูวิธีปรับกิจวัตรง่าย ๆ ให้ร่างกายพร้อมพักผ่อนเต็มที่
หลายคนมักสงสัยว่าทำไมตัวเองถึงมีพฤติกรรมนอนดึก ทั้งที่รู้ดีว่าการนอนดึกส่งผลเสียต่อสุขภาพและสมรรถภาพการทำงาน การนอนดึกไม่ได้เกิดจากความขี้เกียจหรือความตั้งใจลำเอียงเสมอไป แต่มีปัจจัยหลายด้านที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งด้านชีววิทยา จิตวิทยา และพฤติกรรม
สาเหตุแรก มาจากนาฬิกาชีวภาพหรือ Circadian Rhythm ของร่างกาย ซึ่งบางคนมีลักษณะ “Night Owl” โดยธรรมชาติ ร่างกายของพวกเขาจะหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินช้า ทำให้รู้สึกง่วงช้ากว่าคนปกติ นอกจากนี้ ความแตกต่างทางพันธุกรรมยังทำให้เวลาที่ร่างกายพร้อมสำหรับการนอนและตื่นแตกต่างกันไป การทำงานกะกลางคืนหรือใช้เวลาหน้าจอมากในเวลากลางคืนยิ่งทำให้ร่างกายปรับนาฬิกาชีวภาพช้าออกไปอีก
สาเหตุที่สอง เกิดจากปัจจัยทางจิตวิทยา เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือความกังวลเรื่องงาน การนอนดึกมักถูกใช้เป็นเวลาส่วนตัวของตัวเองเพื่อลดความกดดัน ทำให้สมองหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินและโดพามีน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลิน ซึ่งกลายเป็นวงจรที่ทำให้คนชอบเลื่อนเวลานอนเรื่อย ๆ
สาเหตุที่สาม เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ก่อนนอน แสงสีฟ้าจากหน้าจอเหล่านี้ไปยับยั้งการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้สมองสับสนว่ายังเป็นเวลากลางวัน นอกจากนี้ การดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์ช่วงเย็นก็เป็นอีกหนึ่งตัวกระตุ้นที่ทำให้นอนดึกได้ง่าย
ผลเสียจากการนอนดึก มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ระยะสั้นคือ ความเหนื่อยล้า สมาธิลดลง อารมณ์แปรปรวน และระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ส่วนระยะยาวอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้าและวิตกกังวล การนอนดึกยังส่งผลต่อการเผาผลาญอาหาร ทำให้น้ำหนักขึ้นง่ายขึ้นอีกด้วย
วิธีปรับพฤติกรรมนอนดึก เริ่มจากการสร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอ พยายามเข้านอนและตื่นเวลาเดียวกันทุกวัน ลดการใช้หน้าจอก่อนนอน 1–2 ชั่วโมง ปรับแสงสว่างให้ห้องมืดและเย็นเหมาะสม หลีกเลี่ยงคาเฟอีน แอลกอฮอล์ และอาหารหนักก่อนนอน หากมีความเครียดควรหากิจกรรมผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลงสมาธิ อ่านหนังสือ หรือฝึกหายใจลึก ๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายพร้อมเข้าสู่โหมดพักผ่อน
สุดท้าย หากพฤติกรรมการนอนดึกรบกวนชีวิตประจำวันมาก เช่น รู้สึกง่วงตลอดวัน ประสิทธิภาพการทำงานลดลง หรือมีอาการซึมเศร้า ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอน เพื่อรับคำแนะนำเฉพาะบุคคลและอาจมีการบำบัดพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy for Insomnia: CBT-I) เพื่อปรับนาฬิกาชีวภาพและสร้างวงจรการนอนที่เหมาะสม
ระวัง ‘ต่อมน้ำลายอักเสบ’ และ อยู่กลางคืน ทำไมเลิกยาก? เข้าใจสาเหตุและแก้ไขได้
อยู่กลางคืน ทำไมเลิกยาก? เข้าใจสาเหตุและแก้ไขได้
แสงสีฟ้า คาเฟอีน ความเครียด หรือพันธุกรรม ทำให้หลายคนติดวงจรนอนดึก มาดูวิธีปรับกิจวัตรง่าย ๆ ให้ร่างกายพร้อมพักผ่อนเต็มที่