Bombardier บริษัทเครื่องบินเจ็ต 350,000 ล้าน ที่ราคาหุ้นขึ้น 60% จากต้นปี /โดย ลงทุนแมน
Bombardier กลายเป็นชื่อเครื่องบินที่คนไทยรู้จักกันอย่างดีแล้วในตอนนี้
แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า ก่อนที่จะขายเครื่องบินเจ็ต บริษัทนี้เริ่มต้นด้วยการขายรถเลื่อนหิมะมาก่อน
จากรถเลื่อนหิมะ กลายเป็นเครื่องบินได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Bombardier ก่อตั้งขึ้นในปี 1907 หรือราว ๆ สมัยรัชกาลที่ 5 ของไทย โดยคุณ Joseph-Armand Bombardier
ดังนั้นถ้าถามว่า ชื่อบริษัทมาจากไหน ก็มาจากผู้ก่อตั้งบริษัทนั่นเอง
แต่จุดเริ่มต้นของบริษัท กลับไม่ใช่การทำเครื่องบินเจ็ตเลยทันที แต่เป็นการขายสิ่งห่างไกลจากเครื่องบินมาก นั่นคือ รถเลื่อนหิมะ
เขาเริ่มผลิตรถนี้ขึ้นมาตอนอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น เพื่ออยากให้ชาวเมืองแถบชนบทควิเบกของแคนาดา เดินทางไปมาในช่วงฤดูหนาวสะดวกขึ้น
ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็พัฒนารถเลื่อนหิมะนี้เรื่อยมา จนธุรกิจต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่การส่งไปรษณีย์ โรงพยาบาล และการขนส่งสินค้า กลายมาเป็นลูกค้าของเขา
แล้ว Bombardier ไปเกี่ยวกับเครื่องบินตอนไหน ?
จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท ไม่ได้เกิดจากเขา แต่เกิดจากลูกเขยเขาที่ชื่อว่า Laurent Beaudoin
ในปี 1966 เมื่อลูกเขยเขาขึ้นมานั่งตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของบริษัท เขาเริ่มสร้างอาณาจักร Bombardier ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
เขาเริ่มต้นด้วยการไปไล่ซื้อกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแคนาดา หลังจากเขาขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ได้แค่ 3 ปีเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้หยุดคิดใหญ่แค่นี้ เพราะยังไปรุกธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างธุรกิจรถไฟอีกด้วย
เขาเข้าซื้อธุรกิจผลิตรถไฟในยุโรป แล้วค่อย ๆ ปั้นธุรกิจใหม่นี้ จนสามารถได้สัญญาฉบับแรกในการสร้างขบวนรถไฟใต้ดินแรกของรัฐมอนทริออลในปี 1974
ต่อจากนั้น ก็ได้สัญญานอกแคนาดา ด้วยการขายขบวนรถไฟใต้ดินให้กับรัฐนิวยอร์กในปี 1982 ตามมา
ถึงตอนนี้ เรียกได้ว่า Bombardier เป็นธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว เพราะมีทั้งธุรกิจขายรถเลื่อนหิมะและขายรถไฟฟ้า
แต่เขายังทะเยอทะยานไปกว่านั้นอีก ด้วยการซื้อกิจการ Canadair ธุรกิจผลิตเครื่องบินเจ็ตและเครื่องบินดับไฟไหม้ ในปี 1986
การซื้อกิจการเครื่องบินแบบนี้ ทำให้ Bombardier กลายเป็นธุรกิจขนส่งทั้ง 3 ทาง ไล่ตั้งแต่การเดินทางบนหิมะ เดินทางรถไฟ และเครื่องบิน ภายใต้บริษัทเดียวกัน
ซึ่งทำให้บริษัท กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อบริษัทเปลี่ยนจากการรุกตลาดแค่เครื่องบินส่วนตัว มาเป็นเครื่องบินพาณิชย์มากขึ้น
เครื่องบินพาณิชย์ ไม่เหมือนตลาดเครื่องบินส่วนตัว เพราะด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ต่างออกไป ทำให้บริษัทต้องลงทุนพัฒนาเครื่องบินตระกูล C Series ขึ้นมา
แต่การรุกเข้าตลาดใหม่ กลับกลายเป็นหายนะของบริษัทแทน เพราะบริษัทต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จนสุดท้ายเริ่มขาดทุนตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
แทนที่จะถอนตัวออกจากตลาดนี้ Bombardier ยังคงรุกตลาดนี้ จนตามมาด้วยหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประกาศล้มละลายในปี 2015 แทน
ซึ่งทำให้ Bombardier ตัดสินใจหาพาร์ตเนอร์มาทำเครื่องบินรุ่น C Series ด้วยกัน นั่นคือ Airbus เพื่อเป็นช่องทางในการขายเครื่องบินรุ่นนี้ไปด้วย
แต่ด้วยปัญหาหนี้สินที่สะสมมานาน ทำให้ Bombardier ตัดสินใจขายหุ้นส่วนในเครื่องบินรุ่นนี้ทิ้งให้กับ Airbus แลกกับเงินก้อนโตมาใช้หนี้ในปี 2019
เพราะปีนั้น บริษัทมีรายได้อยู่ราว 484,000 ล้านบาท แต่ขาดทุนมากถึง 51,000 ล้านบาท และมีหนี้สิน 290,000 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2020 บริษัทก็ตัดสินใจขายธุรกิจที่เกี่ยวกับรถไฟออกไปให้กับ Alstom
กลายเป็นว่าตอนนี้ Bombardier เหลือแค่ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตอย่างเดียวแทน เพราะในปี 2003 ก็ได้ขายธุรกิจรถเลื่อนหิมะให้นักลงทุนรายอื่นไปแล้ว
ปิดตำนานบริษัทที่เคยทำธุรกิจหลายอย่าง ตั้งแต่รถเลื่อนหิมะ รถไฟ ไปจนถึงเครื่องบิน
โดยในปี 2024 บริษัทมีรายได้ราว 280,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 11,000 ล้านบาท
และตอนนี้มีมูลค่าบริษัทใหญ่ถึง 350,000 ล้านบาท
ซึ่งราคาหุ้นของ Bombardier ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 60% แล้วนับจากตอนต้นปี
ซึ่งเรียกได้ว่า การมาโฟกัสแค่ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวอย่างเดียว ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นชัดขึ้น และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า
ปัจจุบัน bombardier มีทั้งการสร้างเครื่องบินลำใหม่ แล้วขายพ่วงกับบริการ รวมไปถึงการขายเครื่องบินมือสอง ที่ได้รับการซ่อมบำรุงแล้วในราคาที่ถูกลง
และไม่ใช่แค่เครื่องบินเจ็ตเท่านั้น แต่ปัจจุบันบริษัทยังพัฒนาเครื่องบินสอดแนม เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของ Bombardier บริษัทจากแคนาดา ที่ครั้งหนึ่งเริ่มต้นด้วยการขายรถเลื่อนหิมะ
แต่มาวันนี้ กลายเป็นผู้นำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแบบสุดหรู ที่ตอนนี้คนไทยหลายคน คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีไปแล้ว..
Credit : ลงทุนแมน
https://www.facebook.com/share/p/1Aft7TkKqN/
Bombardier บริษัทเครื่องบินเจ็ต 350,000 ล้าน ที่ราคาหุ้นขึ้น 60% จากต้นปี
Bombardier บริษัทเครื่องบินเจ็ต 350,000 ล้าน ที่ราคาหุ้นขึ้น 60% จากต้นปี /โดย ลงทุนแมน
Bombardier กลายเป็นชื่อเครื่องบินที่คนไทยรู้จักกันอย่างดีแล้วในตอนนี้
แต่หลายคนคงไม่รู้ว่า ก่อนที่จะขายเครื่องบินเจ็ต บริษัทนี้เริ่มต้นด้วยการขายรถเลื่อนหิมะมาก่อน
จากรถเลื่อนหิมะ กลายเป็นเครื่องบินได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
Bombardier ก่อตั้งขึ้นในปี 1907 หรือราว ๆ สมัยรัชกาลที่ 5 ของไทย โดยคุณ Joseph-Armand Bombardier
ดังนั้นถ้าถามว่า ชื่อบริษัทมาจากไหน ก็มาจากผู้ก่อตั้งบริษัทนั่นเอง
แต่จุดเริ่มต้นของบริษัท กลับไม่ใช่การทำเครื่องบินเจ็ตเลยทันที แต่เป็นการขายสิ่งห่างไกลจากเครื่องบินมาก นั่นคือ รถเลื่อนหิมะ
เขาเริ่มผลิตรถนี้ขึ้นมาตอนอายุแค่ 15 ปีเท่านั้น เพื่ออยากให้ชาวเมืองแถบชนบทควิเบกของแคนาดา เดินทางไปมาในช่วงฤดูหนาวสะดวกขึ้น
ซึ่งหลังจากนั้น เขาก็พัฒนารถเลื่อนหิมะนี้เรื่อยมา จนธุรกิจต่าง ๆ ไล่ตั้งแต่การส่งไปรษณีย์ โรงพยาบาล และการขนส่งสินค้า กลายมาเป็นลูกค้าของเขา
แล้ว Bombardier ไปเกี่ยวกับเครื่องบินตอนไหน ?
จุดเปลี่ยนสำคัญของบริษัท ไม่ได้เกิดจากเขา แต่เกิดจากลูกเขยเขาที่ชื่อว่า Laurent Beaudoin
ในปี 1966 เมื่อลูกเขยเขาขึ้นมานั่งตำแหน่งหัวเรือใหญ่ของบริษัท เขาเริ่มสร้างอาณาจักร Bombardier ให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น
เขาเริ่มต้นด้วยการไปไล่ซื้อกิจการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง แล้วเอาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นแคนาดา หลังจากเขาขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ได้แค่ 3 ปีเท่านั้น
แต่เขาก็ไม่ได้หยุดคิดใหญ่แค่นี้ เพราะยังไปรุกธุรกิจที่ไม่เคยทำมาก่อน อย่างธุรกิจรถไฟอีกด้วย
เขาเข้าซื้อธุรกิจผลิตรถไฟในยุโรป แล้วค่อย ๆ ปั้นธุรกิจใหม่นี้ จนสามารถได้สัญญาฉบับแรกในการสร้างขบวนรถไฟใต้ดินแรกของรัฐมอนทริออลในปี 1974
ต่อจากนั้น ก็ได้สัญญานอกแคนาดา ด้วยการขายขบวนรถไฟใต้ดินให้กับรัฐนิวยอร์กในปี 1982 ตามมา
ถึงตอนนี้ เรียกได้ว่า Bombardier เป็นธุรกิจที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเยอะแล้ว เพราะมีทั้งธุรกิจขายรถเลื่อนหิมะและขายรถไฟฟ้า
แต่เขายังทะเยอทะยานไปกว่านั้นอีก ด้วยการซื้อกิจการ Canadair ธุรกิจผลิตเครื่องบินเจ็ตและเครื่องบินดับไฟไหม้ ในปี 1986
การซื้อกิจการเครื่องบินแบบนี้ ทำให้ Bombardier กลายเป็นธุรกิจขนส่งทั้ง 3 ทาง ไล่ตั้งแต่การเดินทางบนหิมะ เดินทางรถไฟ และเครื่องบิน ภายใต้บริษัทเดียวกัน
ซึ่งทำให้บริษัท กลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเหล่านี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
แต่ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เมื่อบริษัทเปลี่ยนจากการรุกตลาดแค่เครื่องบินส่วนตัว มาเป็นเครื่องบินพาณิชย์มากขึ้น
เครื่องบินพาณิชย์ ไม่เหมือนตลาดเครื่องบินส่วนตัว เพราะด้วยฟังก์ชันการทำงานที่ต่างออกไป ทำให้บริษัทต้องลงทุนพัฒนาเครื่องบินตระกูล C Series ขึ้นมา
แต่การรุกเข้าตลาดใหม่ กลับกลายเป็นหายนะของบริษัทแทน เพราะบริษัทต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จนสุดท้ายเริ่มขาดทุนตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา
แทนที่จะถอนตัวออกจากตลาดนี้ Bombardier ยังคงรุกตลาดนี้ จนตามมาด้วยหนี้สินที่เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องประกาศล้มละลายในปี 2015 แทน
ซึ่งทำให้ Bombardier ตัดสินใจหาพาร์ตเนอร์มาทำเครื่องบินรุ่น C Series ด้วยกัน นั่นคือ Airbus เพื่อเป็นช่องทางในการขายเครื่องบินรุ่นนี้ไปด้วย
แต่ด้วยปัญหาหนี้สินที่สะสมมานาน ทำให้ Bombardier ตัดสินใจขายหุ้นส่วนในเครื่องบินรุ่นนี้ทิ้งให้กับ Airbus แลกกับเงินก้อนโตมาใช้หนี้ในปี 2019
เพราะปีนั้น บริษัทมีรายได้อยู่ราว 484,000 ล้านบาท แต่ขาดทุนมากถึง 51,000 ล้านบาท และมีหนี้สิน 290,000 ล้านบาท
ต่อมาในปี 2020 บริษัทก็ตัดสินใจขายธุรกิจที่เกี่ยวกับรถไฟออกไปให้กับ Alstom
กลายเป็นว่าตอนนี้ Bombardier เหลือแค่ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตอย่างเดียวแทน เพราะในปี 2003 ก็ได้ขายธุรกิจรถเลื่อนหิมะให้นักลงทุนรายอื่นไปแล้ว
ปิดตำนานบริษัทที่เคยทำธุรกิจหลายอย่าง ตั้งแต่รถเลื่อนหิมะ รถไฟ ไปจนถึงเครื่องบิน
โดยในปี 2024 บริษัทมีรายได้ราว 280,000 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 11,000 ล้านบาท
และตอนนี้มีมูลค่าบริษัทใหญ่ถึง 350,000 ล้านบาท
ซึ่งราคาหุ้นของ Bombardier ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 60% แล้วนับจากตอนต้นปี
ซึ่งเรียกได้ว่า การมาโฟกัสแค่ธุรกิจเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวอย่างเดียว ทำให้บริษัทมีความโดดเด่นชัดขึ้น และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า
ปัจจุบัน bombardier มีทั้งการสร้างเครื่องบินลำใหม่ แล้วขายพ่วงกับบริการ รวมไปถึงการขายเครื่องบินมือสอง ที่ได้รับการซ่อมบำรุงแล้วในราคาที่ถูกลง
และไม่ใช่แค่เครื่องบินเจ็ตเท่านั้น แต่ปัจจุบันบริษัทยังพัฒนาเครื่องบินสอดแนม เพื่อรุกเข้าสู่ตลาดใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
ทั้งหมดนี้ ก็เป็นเรื่องราวของ Bombardier บริษัทจากแคนาดา ที่ครั้งหนึ่งเริ่มต้นด้วยการขายรถเลื่อนหิมะ
แต่มาวันนี้ กลายเป็นผู้นำเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวแบบสุดหรู ที่ตอนนี้คนไทยหลายคน คุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีไปแล้ว..
Credit : ลงทุนแมน
https://www.facebook.com/share/p/1Aft7TkKqN/