รู้สึกหมดแพชชั่นในชีวิต กับ ปัญหาครอบครัว

เรื่องที่ผมจะเล่าเป็นเรื่องที่อาจจะเชื่อยาก และ มีความละเอียดอ่อนสูงครับ
อยากให้คุณผู้อ่านเปิดใจรับฟังเรื่องราวของผมหน่อยนะครับ

ปัจจุบันนี้ผม อายุ 26 ชีวิตการเป็นอยู่ของผมคือ ผมว่างงานและเรียนไม่จบครับ
และชีวิตผมค่อนข้างว่างเปล่า และ ไร้แพชชั่นมากในตอนนี้

ผมจะขอย้อนเรื่องราวกลับไป ตอนผมยังเด็กนะครับ
สมัยผมเรียน มต้น มปลาย ผมเป็นคนมองโลกในแง่ดีและร่าเริง
เพื่อนๆรัก เพื่อนๆหลง หน้าตาผมจัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากๆครับ
แต่ว่าจะติดปัญหาอยู่อย่าง คือ ช่วงนั้นผมจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง

พูดติดอ่างด้วย แล้วก็จะโดนเพื่อนล้อ บูลี่ บ่อยๆ ซึ่งเป็นปมในวัยเด็กผม
สมัยเด็กผมติดแม่ ติดย่ามาก นิสัยค่อนข้างไปทางผู้หญิงเลยหละ
เป็นคนอารมณ์สุนทรีย์ ชอบฟังเพลงมากๆ ตั้งแต่เด็ก

ที่บ้านผม จะมีกันหลายคน พ่อ แม่ พี่สาว ย่า ป้าอีก2คน (ย่าผมมีลูก7คน)
ชีวิตผม พอไปเรียนเสร็จกลับมาที่บ้าน ก็จะไปนั่งเล่นดูทีวี
ถึงเวลานอน ก็จะโดนบังคับให้นอนก่อนเที่ยงคืนเสมอ
และ ผมไม่มีห้องส่วนตัว พ่อกับแม่จะให้ผมนอนห้องพ่อแม่
ผมนอนกลาง แม่นอนซ้าย พ่อนอนขวา นอนประกบผม

และที่มันแย่สำหรับผมมากคือ ผมนอนกับพ่อแม่ ใช้ชีวิตอยู่แต่กับที่บ้าน
จนจบม.6.... ผลที่ได้คือ มันทำให้ผมเก็บกดมาก ผมเป็นคนรักสงบ รักส่วนตัว
แต่ผมไม่เคยได้อยู่คนเดียวเลย มีอะไรก็คุยกับพ่อกับแม่ตลอดแทบทุกเรื่อง

เวลาผมมีอารมณ์ (18+) ช่วยตัวเอง ผมก็ต้องไปช่วยในห้องน้ำ
(ในขณะที่คนในบ้านก็นั่งกินข้าวกันอยู่ หน้าห้องน้ำ ห้องน้ำจะตั้งไว้ตรงโซนโต๊ะกินข้าวเลย)
นั่นละครับ เพื่อนๆลองคิดสภาพผม ดูว่า ผมอึดอัดแค่ไหน

เรื่องนี้ทำให้ผมเป็นเด็กเก็บกดมาก ช่วง ม.1-6 ผมใช้ชีวิตอยู่แต่กับที่บ้าน
พอเลิกเรียน ผมไม่มีเวลาได้เล่นกับเพื่อนๆเลย พ่อจะมารับตอนเลิกเรียนทันที
กลายเป็นว่า มีเรื่องอะไรสนุกๆก็เอาไปเล่ากับพ่อแทนที่จะได้เล่นกับเพื่อน
แม้แต่ไปนอนค้างบ้านเพื่อนก็ไม่เคย แฟนนี่ไม่ต้องพูดถึงเลยครับ

มันเป็นปมในใจผมมาตลอด ผมเสียดายชีวิตช่วงนั้นมาก มีผญเข้าหาผมเยอะมากๆ
ผมได้แต่แอบชอบเขา แล้วก็ไม่เคยสารภาพรักกับใคร เพื่อนๆพอจะนึกออกมั้ยครับ

พ่อผมเป็นคนอีโก้สูงมาก มีความคิดที่แบบเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ผมเสนอความคิด
ไหนไป เขาจะตอบปัดตลอดถ้าเขาไม่เห็นด้วย อะไรที่ตัวเองเห็นชอบด้วยเท่านั้นก็จะบอกว่าดี

อีกเรื่อง คือ พ่อผมจะใข้สรรพนามเรียกผมตั้งแต่เด็กๆว่า “เธอ” ตลอด ผมมองว่ามันไม่แปลก
เพราะผมชินกับการใช้คำนี่เรียกของพ่อมาแต่เด็ก แต่เวลาผมคุยกับพ่อทางมือถือ
หรือไปเล่าให้เพื่อนให้สาวฟัง เพื่อนหรือสาวหลายคนจะพูดกับผมว่า ทำไมพ่อเรียกเธอว่าเธออะ
เค้าไว้ใช้เรียกผญ ไม่ใช่หรอ

ผมก็มานั่งคิด (ผมเพิ่งมารู้ตัวตอน หลังๆนี้เอง) เออ ทำไมพ่อชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก
แถมเรื่องอะไรที่มันแมนๆ ผู้ชายๆ ก็จะไม่ค่อยพูด จะชอบพูดสอนอะไรให้เป็นคนหยุมหยิม
เวลาผมพูดเรื่องสาวกับพ่อ พ่อก็จะบอกว่า โอ้ย สมัยเด็ก สาวๆติดป๊าเยอะแยะจะตาย มีแต่คนเข้าหา
เธอนี่เด็กๆไปเลย ไม่ก็แบบ ถ้าเธอไปอยู่ในคุกนะ เธอโดนแน่ๆ แบบเธอเค้าเรียกหน้าอ่อน
บอกผมว่า คนกร้านโลกเขาผ่านอะไรมาเยอะ อย่างเธอไม่ใช่คนกร้านโลกหรอก
ยังเด็กๆ อะไรประมาณนี้ ตอนผมเด็กๆก็พูดกับผมว่า ถ้าเลือกได้ป๊าจะไม่มีลูกเด็ดขาด ถ้าย้อนเวลาไปได้
ซึ่งมันทำให้ผมเสียความรู้สึกมากๆ หลายๆคำพูดของคนเป็นพ่อ แต่ผมก็เลือกจะทำเป็นตลกไป
ฝืนยิ้มตลอด

ชอบพูดกับผมยังงี้เป็นประจำ ซึ่งมันทำให้ผมมานั่งคิดเสมอ ว่า แบบนี่เขาเรียกสอนหรอ หรือว่า
ต้องการพูดให้ตัวผมไม่มีความมั่นใจ ซึ่งมันก็หลีกหนีความจริงไม่ได้ แต่ผมก็พยายามมองโลกในแง่ดีเสมอ

ผมเหนื่อยมากๆกับเรื่องของพ่อแม่ มันวนมาในหัวผมตลอด แม้แต่กับข้าว สั่งมากิน พ่อก็จะบังคับให้ผมกิน
ให้หมดเสมอ น้ำหวานเวลาผมกินก็จะส่ายหัว ทำเสียงจึ ทำหน้าผิดหวัง บอกว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ
(ทุกวันนี้ก็เป็นอยู่)

จนมาถึงช่วงผมเข้ามหาลัย ผมก็ได้ไปอยู่หอ ตอนปี1 (แต่แม่ก็มาอยู่กับผมด้วย บอกเหตุผลที่ว่า โรงบาลมันอยู่ใกล้
เวลาไปทำงานจะได้ไม่ไปสาย) ซึ่งลองคิดดู ผมอยู่มหาลัยแล้วแท้ๆ แต่ก็ยังจะมาอยู่กับผมด้วย
มันทำผมเก็บกดมากขึ้นไปอีก ไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เลิกเรียนมาก็มาเจอแม่

จนช่วงนั้นผมได้ไปวนเวียนกับสิ่งที่เรียกว่าพนัน (ผมอยากจะหาตังค์ได้ด้วยตัวเอง และ อึดอัดมากๆที่ต้องใช้ตังค์พ่อแม่ตลอด)
จนผมได้มาช่วงแรก สุดท้ายเสียหมด ทำให้ผมเครียด ทิ้งเรียน บอกพ่อกับแม่ว่าเป็นซึมเศร้า
อยากออกจากมหาลัย เรียนไม่ไหว

จนสุดท้ายผมก็ได้กลับมาอยู่ที่บ้าน แม่พาไปหาหมอ (ขนาดไปหาหมอผมยังไม่ได้ไปคุยกับหมอคนเดียว พ่อกับแม่ก็นั่งประกบ
ผมก็เล่าๆไป พ่อกับแม่ก็นั่งฟังหมอก็นั่งฟัง เล่าเรื่องส่วนตัวทั้งหมด )

ผมก็กลับมาอยู่บ้าน ช่วงนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ ที่ผมได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่ในห้องคนเดียว
(ห้องของป้า ซึ่งตอนนั้นป้าผมไม่อยู่บ้าน)

ผมได้กลับมาย้อนคิดถึงอดีต ช่วงที่เรียนอยู่โรงเรียน แล้วผมก็ได้ค้นพบว่า
ตอนนั้นผมเก็บกดมาก และ ไม่มีความมั่นใจ ด้วยสาเหตุที่ว่า โดนที่บ้าน manage มากเกินไป
แล้วผมก็เริ่มเครียด หมกตัว เล่นพนันในห้อง ไม่ออกไปไหน
(ตอนแรกผมไม่ได้เป็นอะไรมาก) แต่พอนานๆเข้า ในที่สุดผมก็ระบายความเก็บกดที่ผมมีทั้งหมด

ด้วยการปาข้าวของในห้อง ทีละชิ้นๆ ปาใส่กำแพง จนเละไปทั่วห้อง เสียงดังมากตอนนั้น
ที่บ้านผมก็ตกใจ เรียกรถโรงพยาบาลมา พอมาถึงก็จับผมล็อค ส่งตัวผมเข้าโรงพยาบาล

ตอนนั้น ผมจำได้ว่า ผมนอนอยู่ละโดนหมอฉีดยาใส่ที่ขา ก่อนจะสลบ หมอถามว่าผมเป็นอะไร
ผมบอกว่า ”ผมรู้สึกว่าที่บ้านทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเอง“ แล้วผมก็หลับไป

จนผมตื่นขึ้นมา อยู่ฝนโรงพยาบาลจิตเวช ที่มีแต่คนบ้า (ศรีธัญญา)
พ่อกับแม่ให้เหตุผลว่า โรงพยาบาล ศรีนครินมันเต็ม
จริงๆผมจะได้นอนโรงพยาบาลปกติ แต่ถูกแอดมิดมาที่นี่

ผมทรมานมากๆตอนนั้น มีแต่คนเพี้ยนรอบตัว ต้องกินยาก่อนเข้านอนทุกวัน
พอเดินไปเดินมาก็โดนจับฉีดยา ให้ตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ได้
เฝ้ารอแต่วันที่จะได้ออกไป หมอประจำตัวผม ก็ทรงดุๆหน่อย
เรียกผมไปคุย พอผมคุยไม่ถูกใจก็ให้ผมอยู่ต่อ ไม่ปล่อยตัวกลับบ้าน

พ่อกับแม่มาเยี่ยมอาทิตย์ละครั้ง บอกผมว่า หมอไม่ให้นำตัวออกจากโรงบาล
มันเป็นกฏของทางโรงบาล (ซึ่งตอนนั้นถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจริงๆต้องให้ทางโรงบาล
อนุมัติ หรือว่า ผู้ปกครองก็มีสิทเอาลูกออกไปได้)
พอพ่อกับแม่มาเยี่ยม ผมก็จะดีใจ ขอโทษขอโพยพ่อกับแม่
บอกออกไปจะตั้งใจอ่านนสสอบ เข้ามหาลัย เอาผมออกไปทีเถอะ ทรมานไม่ไหวแล้ว

คนในโรงบาล ทั้งคนที่ ปกติ - ไม่ค่อยปกติ - เพี้ยน มีหลากหลายผสมปนเปไป
ตอนนั้นแทบทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ทำไมผมถึงถูกเอาเข้ามาที่นี่
ผมดูไม่ได้เป็นอะไรซักอย่างเลย แปลกมาก”

ตอนที่ผมถูกขังในโรงบาล ผมมีความรู้สึกแปลกประหลาดในใจมาก
“ผมรู้สึกว่าผมแอบมีความสุขเล็กๆบางอย่าง“ มันรู้สึกเหมือนผมไม่ได้อยู่ในสายตาพ่อกับแม่
ได้พูดคุยกับคนหลายๆคนแบบจริงใจ จริงจัง แต่นั่นละคับ มันก็ทรมานอยู่ดี

ผมติดอยู่ในโรงบาลเป็นเวลา 1เดือนเต็มๆ พอถูกปล่อยออกมา
ผมก็ต้องกินยาจิตเวชประจำ แต่สิ่งที่น่าภูมิใจคือ ผมสอบติดมหาลัยดังทางภาคเหนือได้

หลังจากที่ผมได้เข้ามหาลัยอีกครั้ง ครั้งนี้ผมรู้สึกเป็นอิสระ ได้อยู่หอตัวเอง
(แต่ก็ยังอยู่กับเพื่อนนะ แต่ก็ยังดีกว่าอยู่กับที่บ้าน)
พ่อผมแยกกับแม่ แม่อยู่กทม ส่วนผมย้ายมาอยู่ภาคเหนือกับพ่อ

คือ ช่วงปี1-4ของมหาลัย ผมก็ ยังกินยาจิตเวชเป็นประจำอยู่
ในขณะที่สุขภาพจิตผมตอนนั้นก็อยู่ในช่วงที่ดีมากๆ มีเพื่อนฝูงมากมาย
มีแฟน แต่อดีตที่โหดร้ายของผมมันก็นำพาให้ผมได้พบเจอแต่ความวุ่นวายเหมือนกัน

ผมรู้สึกว่าตัวเองแทบไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย ซึ่งผมหาสาเหตุอะไรไม่ได้เลยตอนนั้น
ว่าทำไมผมถึงเหมือน sex ตายด้าน ทั้งที่จริงๆแล้วเป็นคน sex จัดมากๆ
ตอนแรก ผมคิดว่าเป็นเอฟเฟคของยาที่กิน แต่มันแปลกตรงที่มันมากเกินไป
จนเมื่อไม่กี่วันมานี้ ผมก็ไปอ่านเจอว่า คนปกติกินยาจิตเวช แล้วจะหมดอารมณ์ทางเพศ!?

พอผมมองย้อนพฤติกรรมของพ่อกับแม่ผมกลับไป แล้วมันแปลกมาก แปลกสุดๆ
หลายๆเรื่อง เช่น พ่อซื้อสายชาร์จมาให้ผม ผมก็เห็นว่าตรงรูหัวชาร์จมันเป็น type c
ผมเลยบอกว่าผมไม่มีสาย type c แล้วก็เถียงกัน ผมก็มานึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีสาย type c
พ่อก็ถลึงตาใส่ผมละบอกว่า เธอบ้าหรอ ยังงี้มันไม่ปกติละนะ ขึ้นเสียงกับผม

เงินค่าขนมที่ได้จากพ่อแม่ ผมก็ได้เป็นรายอาทิตย์ ไม่เคยได้รายเดือน
พ่อจะแบ่งให้ผม 1500 ส่วนแม่จะให้ 1000 ซึ่งทุกวันจันทร์ผมก็จะต้องโทรไป
ขอพ่อกับแม่ (โทรแยกคน) จะไม่โอนตังค์มาก่อนจะรอให้ผมโทรไปถึงโอน
ซึ่งบอกว่าลืมๆตลอด (มันแปลกมั้ย ผมว่ามันแปลกจริงๆ)

เวลาซื้อของอะไรให้ ก็จะต้องรอแม่บินมาหา ถึงจะพาไปกินอะไรอร่อยๆ
หมอจิตเวช เวลาผมไปหา ก็จะมีพ่อไปด้วยตลอด พอหมอคุยกับผมเสร็จก็จะขอคุยกับพ่อ

แต่ตั้งแต่ที่ผมไปหาหมอมา เชื่อมั้ยว่าผมไม่เคยเล่าเรื่องพ่อกับแม่ให้หมอฟังเลย
เพราะผมกลัว เขาจะหาว่าผมระแวงพ่อกับแม่

ซึ่งจะมีใครเชื่อผมมั้ยในกระทู้นี้ไม่รู้ สิ่งที่ผมเล่าไปเป็นความจริงทั้งหมด
และผมอยู่กับความสับสนกับตัวเองมาตลอด ว่าผมป่วยจริงๆหรือว่าที่ผ่านมาผม
มีปัญหาเพราะผมกินยาจิตเวช และที่ผมกินยาจิตเวชก็เพราะพ่อกับแม่
ที่คอยพูดจาแย่ๆกับผม จนผมแทบเป็นซึมเศร้า เวลาโทรไปขอตังค์
ก็จะมีข้ออ้างกับผมตลอด กว่าผมจะได้ตังค์ที พ่อกับแม่จะแสดงท่าทีผิดหวังในตัวผมอยู่เรื่อย

จนทุกวันนี้เวลาคิดถึงเรื่องพ่อกับแม่ ผมไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ แค่คิดผมก็ไม่อยากคิดถึงแล้ว
มันเจ็บในใจผม ทั้งชีวิต มต้น มปลาย มหาลัย ที่ผ่านมามันคืออะไร
ถ้าที่ผมกินยาจิตเวชไปทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร แล้วกินมา4-5ปีเพื่ออะไร
มีปัญหาอารมณ์ทางเพศ ต้องคอยเปลี่ยนหมอตลอด

ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันตอนนี้ คือ ผมหยุดกินยาจิตเวชมาได้ประมาณเดือนนึงแล้ว
ผมมีอาการถอนยาพอสมควร แล้วก็มีอาการซึมเศร้า แต่ผมกำลังพัฒนาตัวเอง
ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ จนความจำหลายๆอย่างผมเริ่มกลับมา

มองย้อนกลับไปถึงอดีตแล้วผมรู้สึกแย่อยู่ตลอด ตอนนี้พ่อกับแม่รู้ว่าผมไม่ได้กินยาแล้ว
พอผมไปบอกเขาว่า ผมหันมาออกกำลังกาย หยุดกินยา
เขาก็บอกว่า เพิ่งพาแม่ไปพบหมอจิตเวชมา คุยเรื่องผม เพราะเครียด
อยากให้ผมไปหาหมออีกแล้ว

พ่อกับแม่พอผมกินยา ก็จะดีกับผม พูดดีด้วยนู่นนี่ พอผมไม่กินเมื่อไหร่ก็จะเริ่ม
แสดงอาการไม่พอใจ ตัดพ้อในตัวผมอยู่ตลอด

ความรู้สึกผมตอนนี้ รู้สึกผิดหวังในตัวเอง เหมือนตัวเองเป็นเด็ก
รู้สึกว่า อายุ26 แต่แย่จัง ที่ไม่มีงานเรียนก็ไม่จบ พอผมไปคุยกับเพื่อน
หรือคนในโซเชียล เขาก็จะบอกว่า จะคิดมากทำไม คนอายุมากกว่าผม
ไม่มีไรทำมีตั้งเยอะ ทำให้ผมมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า ความรู้สึกไม่มั่นใจ
ในตัวเองนี้ เราคิดมากไปเองหรอ แล้วเพราะอะไร เพราะโดนที่บ้านกดดันรึเปล่า
ต้องคอยโทรไปขอเงินแล้วก้โดนหยามใส่ตลอด มันเลยทำให้ผมรู้สึกแย่ในตัวเอง
หรือเปล่า

ผมรู้สึก เจ็บใจ รู้สึกเกลียดพ่อกับแม่ เกลียดตัวเอง แต่ก็พยายามจะไม่คิดอะไรมาก
คอยท่องไว้เสมอว่า ให้อภัยตัวเอง ให้อภัยพ่อกับแม่ เถอะ นู่นนี่ แต่ก็มานั่งเถียงกับตัวเองตลอด
ว่า ผมเป็นบ้ารึเปล่า ทำไมพ่อถึงต้องเอา ความปกติ ไม่ปกติมาพูดกับผมตลอด
(พ่อผมชอบตัดผม และไปตัดผมให้โรงบาลจิตเวช และก็ชอบเอาเรื่องคนในโรงบาล
มาเล่าให้ฟังตลอดว่า เจอยังงี้ๆมานะ เธอระวังนะจะเป็นแบบนี้ คอยกรอกหูผมตลอด)

ผมบอกให้พูดไปในแง่ดีบ้างก็ไม่ฟัง เอาแต่พูดจาลบๆใส่ จะให้ไปหาหมอ ท่าเดียว

ทั้งที่เพื่อน คนรอบตัวผม ไม่มีใครเคยบอกผมซักคนว่า ผมเป็นบ้า ไปหาหมอเถอะ

ตอนนี้ผมมีแพลนอยากย้ายไปอยู่กทม ไปทำงานหาตังค์เอง แต่ ผมก็ยังหาเงิน ตั้งต้นไปอยู่ไม่ได้
เวลาขอแม่ไปกทม แม่ก็จะค้านทุกที ซัพพอร์ทผมหมดนะ ถ้าผมอยู่ภาคเหนือนี้
แต่พอจะไปกทม ไม่ช่วยเรื่องเงิน ไม่คิดจะช่วยอะไรเลย

ผมอยากหาตังค์ด้วยตัวเองได้ กลับไปทำงาน และมีชีวิตของตัวเองซักทีผมควรเริ่มยังไงดีครับ

ผมได้ระบายความรู้สึกในใจหลายๆอย่างออกมา ทั้งที่ผมไม่เคยไปเล่าละเอียดขนาดนี้ให้ใครฟัง
ขอบคุณที่อ่านกระทู้ผมมาจนจบนะครับ หากมีคำแนะนำใดๆผมน้อมรับด้วยความเต็มใจครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่