อาจจะยาวนิดนึงนะครับ แต่ผมจะเรียบเรียงเรื่องให้กระชับพอที่คนอ่านจะเข้าใจได้ทั้งหมดครับ
ปัจจุบันผมอายุ 26 ปี นะครับ
ขอย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่สมัยผมยังเด็กนะครับ
อนุบาล - ม.3 ผมเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขสำหรับผมมาตลอดครับ
จนเกิดเหตุการณ์ที่เพื่อนสนิทมากๆคนนึง ย้ายไป ผมก็เป็นโรคซึมเศร้า
ชีวิตตั้งแต่ม.4-ม.6 ตลอดเวลา คือ ผมจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนบูลี่ แกล้งล้อ ว่าเอ๋อตลอด
ตัวผมเป็นคนหน้าตาดี (มาก) ผมขอเล่าแบบตรงไปตรงมาไม่อวดนะครับ
ถ้าให้เทียบเพื่อนในรุ่นเดียวกันทั้งหมด หรือทั้งชั้นเรียน ม.4-6 เลยก็ได้
ผมแน่ใจว่าผมหน้าตาดีอันดับ1หรือต้นๆเลยครับ
เพื่อนผู้หญิงในห้อง ชอบผมมาก และ หลายๆคนก็ชอบมาวนเวียน นัวเนียกับผม
เหมือนผมเป็นเด็กใสๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร (เพราะผมจะแกล้งทำเป็นผลักไสพวกเธอตลอด)
แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆผม ชอบพวกเธอมาก เรียกได้ว่าเข้าขั้นคลั่งรักเลยก็ว่าได้ครับ
ผมจะไม่พูด แต่ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว
เอาละครับ เพื่อนที่โรงเรียนชอบแกล้งผม ล้อผม อยู่เป็นประจำ
เพื่อนผู้ชาย (จะแกล้งด้วยความหมั่นไส้) ด่า ตบหัว สารพัด
แต่ผมยอมพวกเขามาตลอด ตอนอยู่โรงเรียน
เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจเลย
ถึงคราวที่ผมต้องมาเล่าถึงคนในครอบครัวผมบ้าง (เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลทำให้ผมเป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเอง)
พ่อผม จะมารับผมที่โรงเรียนทุกเย็น ตั้งแต่ ม.1-6 ครับ ผมแทบไม่มีเวลาได้เล่นกับเพื่อน ไปนอนค้างบ้านเพื่อนนี่ไม่ต้องพูดถึง
พอถึงเวลาต้องรีบไปหาพ่อลานจอดรถไม่งั้นโดนด่า
พ่อผมเป็นคนหัวร้อนง่ายมาก และ อีโก้สูง เอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ
ชอบเอาความคิดตัวเองมาฝังในหัวผม เวลาผมอธิบายอะไรจะพูดแทรกเสมอจนผมไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเท่าไหร่
สุดท้ายก็จะลงเอยด้วยการฟังพ่อแล้วก็เงียบครับ
ซึ่งเวลามีเรื่องอะไรที่โรงเรียนผมก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง ก็เล่าให้พ่อฟังหมด
พ่อก็จะคอย วิจารณ์ คอยสอน ผมอยู่เสมอ ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาไปหมด
เรื่องสาวนี่ พูดด้วยไม่ได้ พ่อจะไม่ฟังเลย
ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนทุกวัน ยันม.6
แถมนอนห้องเดียวกับพ่อแม่!? ด้วยครับ ผมนอนกลาง แม่นอนซ้าย พ่อนอนขวาประกบ!?
ตอนช่วงนั้นผมแทบไม่รู้ตัวเลยครับ จริงๆ ผมอยากมีห้องส่วนตัวของตัวเอง เพราะผมก็โตแล้วตอนนั้น
แต่พวกเขาไม่เคยทำให้เลย (ทั้งที่มีห้องว่าง ก็ปล่อยเป็นห้องเก็บของ)
ผมทั้งอึดอัด เก็บกด มีอารมทางเพศก็ไม่รู้จะระบายที่ไหน ก็ต้องห้องน้ำเท่านั้น
(ห้องน้ำก็อยู่กลางบ้าน ใกล้โต๊ะกินข้าว เวลาทำ ก็ได้ยินคนที่บ้านพูดกันอยู่ข้างหู)
ตอนนี้ท่านผู้อ่านพอจะมองภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำไมผมถึงเป็นเด็กเก็บกด และไม่มีความมั่นใจ
มันเป็นอดีตที่เจ็บปวดมากจริงๆครับ สำหรับตัวผม
คราวนี้ มาถึงตอนผมเข้ามหาลัย แม่ก็ให้ไปอยู่หอเดียวกับแม่ใกล้มหาลัย นอนกับแม่อีก
ตอนนั้นปี1 ตอนนั้นผมไม่คิดอะไร คิดในใจแค่ว่ากูอยากจะหนีพ้นที่บ้านนี่เร็วๆจัง(เริ่มรู้ตัว)
ผมจึงได้หันหน้าให้กับสื่งที่เรียกว่า “พนัน” ผมเริ่มเล่นพนัน หวังว่าพอได้ตังค์มา จะเอาไป
ทำทุนทำธุรกิจ ซักอย่าง ไปหาหออยู่เอง ยังงี้ครับ
จนผมเสียหมด ตอนนั้นได้มาหลายหมื่น (ลืมบอกไปว่าที่บ้านผมค่อนข้างมีฐานะนะครับ แต่ก็ประหยัด)
ผมบอกแม่ว่าไม่ไหว เป็นซึมเศร้า จะลาออกจากมหาลัย
ตกลงกันพักใหญ่ แม่ก็ให้ผมออกมา คราวนี้ ผมก็ได้ไปหาหมอจิตเวช ( คุยกับหมอทุกอย่าง
แต่พ่อกับแม่ก็มานั่งฟังด้วยกับหมอ.... อีกแล้ว (เหมือนพวกเขาจะไม่ยอมให้ผมได้มีชีวิตส่วนตัว
เรื่องราวทุกอย่างต้องถึงหูเขาหมดยังไงยังงั้นเลย)
ผมเหนื่อยอึดอัดมาก และผมก็ได้ไปใช้ชีวิตคนเดียวซักที ในห้องของป้า
(ในบ้านหลังเดิม แต่เป็นห้องของป้าผม ที่ย้ายออกไปแล้ว)
ผมกลับมาย้อนคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในชีวิต
พออยู่คนเดียวพักใหญ่ ผมทั้งร้องไห้ กับตัวเอง รู้สึกแย่มาก
ตัดพ้อ เสียดายชีวิตตอนมอปลายที่มีแต่เรื่องแย่ๆ
ไม่ได้มีแฟน มีเพื่อนสนิท เสียดายมาก
ผมค้นพบว่าตัวเองเป็นคน EQ สูงมาก จินตนาการได้ล้ำลึก
และคิดหลายอย่างได้ลึกซึ้ง ไม่รู้เพื่อนๆเคยอ่านกันมั้ยนะครับ
คนประเภทที่ ลืมตาขึ้นมาคนเดียว ตอนคนรอบตัว นั่งสมาธิกัน
แล้วรู้สึกว่าแปลกจัง ทำไมไม่มีคนลืมตา รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง
ตลอดเวลา รู้สึกแตกต่างจากคนอื่น แต่อยู่กับใคร ผมสามารถรับรู้อารมณ์
คนนั้นได้เลย ว่า ชอบไม่ชอบผม รู้สึกยังไง รำคาญผม อิจฉา ไม่เชื่อใจ หลงรัก
ผมรู้สึกได้หมดเลยครับ ทั้งน้ำเสียง สีหน้าใดๆ มันง่ายมากสำหรับผม
รวมถึงเรื่องอารมณ์ทางเพศ ผมก็สูงมากๆเช่นกัน เวลาอยู่ใกล้ใคร จินตนาการเตลิด
ยิ่งผญสวยๆนี่ โอ้ย อยู่ใกล้ๆแทบจะเหมือนได้มีอะไรด้วยเลย
จินตนาการผมสูงถึงขนาดนั้นล่ะครับ แต่เรื่องนี้ ผมไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่เพื่อน
แต่คิดว่าพ่อกับแม่น่าจะจับสังเกตุได้ แต่ผมก็ไม่เคยบอกนะครับ
เอาละคราวนี้ย้อนกลับมา ตอนผมอยู่ห้องคนเดียว
ตอนแรกเศร้าครับ สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นโมโหแทน
โกรธแค้น พ่อกับแม่ คนในบ้าน ที่คอย manage ชีวิตผมมาตลอด
จนถึงจุดระเบิด ผมปาของในห้องครับ ปา

หมด ทุกอย่าง
ทีวี ลำโพง พัดลม หนังสือในชั้น ปาใส่กำแพง ใส่ประตู เหมือนคนบ้า
ผมไม่ไหวจริงๆตอนนั้น จนในห้องเละไปหมด เสียงดังได้ยินทั้งซอย
ตอนนั้นผมลงไปนอนกับเตียง กางแขน มองเพดาน ในบรรยากาศ
เงียบสงัด ท่ามกลาง ข้าวของที่รายล้อมเต็มตัว
ผมรู้สึก ”โคตรมีความสุข ชีวิตเหมือนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย“
ยิ้มออกมามุมปาก แต่ก็นั่นละครับ ได้แปปเดียว
พ่อแม่ผมเรียกรถโรงพยาบาลมา จับผม ขึ้นรถตู้ โดนส่งไปโรงพยาบาล
จับมัดนอนบนเตียง หมอถามว่าเกิดไรขึ้น ผมบอกหมอสั้นๆว่า
”ผมรู้สึกว่าพ่อกับแม่ทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเอง“ บอกแค่นั้น
หมอก็เดินไปคุยกับพ่อแม่ผม แล้วผมก็โดนฉีดยา หลับไป
ตื่นขึ้นมาในโรงบาลบ้า ... มีแต่คนบ้าเต็มไปหมด
พอผมเดินไปเดินมาเฉยๆก็โดนจับฉีดยา ตัวแข็งทื่อ ทำไรไม่ได้
เพื่อนในโรงบาลถามผมว่า ”เข้ามาได้ไง เอ็งดูไม่ได้เป็นไรเลยนะ”
ผมต้องรับยาทุกคืน คอยถามพ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมอาทิตย์ละครั้ง
ว่าจะได้ออกเมื่อไหร่ พ่อแม่บอกว่า หมอไม่ให้ออก ต้องรอหมดอนุญาต
หมอจะนัดคุยกับผมทุกวันอังคาร ถามผมว่า “สรุป คิดว่าตัวเองเป็นอะไร”
ผมก็ตอบไปตามที่คิด หมอก็เดินหนีผมไปตลอด ทั้งที่ผมอธิบายแบบตรงๆหมด
เป็นแบบนี้ครบเดือน ดีนะตอนนั้นไม่บ้าไปซะก่อน เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากๆ
และทำให้ผมกลัวที่แคบไปเลย แพนิค
พอได้ออกมาผมก็ตั้งใจสอบ จนติดมอดังได้ครับ (ตั้งใจตั้งแต่อยู่ในโรงบาล)
ขอข้ามช้อตเลยนะครับ
ผมใช้ชีวิตในมหาลัย อย่างเป็นอิสระ ใช้ชีวิตกับเพื่อนที่หอเพื่อน
ชีวิตช่วงนั้นผมมีความสุขมาก เพราะเหมือนได้หลุดจากนรกที่มีชื่อว่า “พ่อแม่”
ซักที จนเลยยาวมา
ผมใช้ชีวิตสนุก เที่ยว กินเล่น หาสาว ไปวันๆ ไม่ค่อยเรียนครับ
เพราะเหมือนผมเก็บกดด้วย
แต่ว่า จุดสำคัญในเรื่องนี้คือ “ผมยังกินยาจิตเวชมาตลอด”
พ่อคอยเตือนผมให้กินตลอด แม่ด้วย
พอผมกินพวกเขาจะก็จะใจดีกับผม โอนตังให้นู่นนี่
ผมเชื่อมาตลอดว่าผมเป็นไบโพล่า และผมก็กินมาตลอด
ตั้งแต่ปี1-ปี5 มหาลัย
ผลที่ได้จากกินยาจิตเวชนี้ คือ ผมแทบไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย
ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมหาลัย ผมคิดว่ามันเป็นเอฟเฟคยามาตลอด
คอยถามหมอ แต่หมอก็จะฟังพ่อผมตลอด ผมเหมือนไม่มีสิทมีเสียง
ผมคิดว่ามันหนักเกินไปก้บเรื่อง อารมทางเพศ เหมือนตายด้าน
แต่ผมก็ทนมาตลอด ระบายกับพ่อตลอด พ่อก็หายาไวอากร้ามาให้กิน...
แต่ผมมีความสุขกับชีวิตที่ได้อยู่กับเพื่อนๆสาวๆ (คิดว่าเป็นเพราะเอฟเฟคยา)
นั่นแหละครับ ใครจะรู้ว่าเป็นฝันที่ร้ายมาตลอด
ตัดฉากมาถึงปัจจุบันนะครับ ผมหยุดยาจิตเวชเองแล้ว
ได้ 2-3เดือน ก่อนหน้าผมไปหาข้อมูลมา และก็ได้รู้
“คนปกติ กินยาจิตเวช แล้วจะหมดอารมณ์ทางเพศ”
นั่นละครับ ละผมก็มีอาการถอนยามากมาย อารมณ์แปรปรวน
หงุดหงิดง่าย จิตตก ซึมเศร้า ความจำระยะสั้นไม่ดี มาครบ
(แม้แต่ภาพในหัวผม ที่จินตนาการสูงโคตรๆก็เลือนลาง)
แต่รู้สึกได้ว่ามันค่อยๆทุเลาลง ตอนนี้ผมกำลังฟื้นฟูตัวเอง
ออกกำลังกายทุกวันๆ ให้ตัวเองดีขึ้น
ก่อนหน้าผมมีการใช้กัญชา ควบคู่กับยาจิตเวชมาตลอด
เนื่องด้วยความเครียดจากอาการไม่มีอารมณ์ทางเพศ
(กัญชากระตุ้นให้ผมมีอารมณ์ทางเพศ)
แต่ยังคิดว่าตัวเองป่วยเลยต้องกินตลอด
ตอนนี้ผมกำลังจะย้ายจังหวัด กลับไปกรุงเทพ ไปทำงาน (เรียนไม่จบนะครับ)
ซึ่งที่ผ่านมา ผมขอเงินพ่อแม่มาตลอด (มีไปทำงานโฮสด้วย แต่ไม่ไหวเพราะผลกระทบ
ทางยาจิตเวชด้วย) จึงออกงานมาอยู่กับตัวเอง
ทุกครั้งที่โทรไปขอเงินพ่อ พ่อจะด่าผมตลอด
ขึ้นเสียงใส่ผมเหมือนคนบ้า

จะใช้อะไรเยอะแยะขนาดนี้วะ
(ผมไม่ได้ขอเงินเพิ่มเลยครับ แต่พ่อให้ผมเป็นรายอาทิตย์แล้วผมไม่พอใช้
เลยปรับเป็นรายวันแทน และผมก็ขอเป็นวันๆ แต่ก็ยังโดนด่าอยู่ตลอด
แบบไม่มีเหตุผล)
คำพูดบั่นทอนจิตใจ มาตลอด ชอบตัวผมแต่ก่อนมากกว่าบ้าง
ถ้าเลือกได้คงไม่มีลูกบ้าง ย้อนเวลาไปได้ป๊าจะไม่มีลูกเลยพูดตลอด
คอยพูดเวลาผมมีกำลังใจ ให้ผมหมดกำลังใจเล่นตลอด บอกไม่มีปัญญาหาตังค์เองตลอด
ในระหว่างที่ผมถอนยา เพื่อนๆผมไม่มีใคร ว่าอะไรผมซักคำ
แต่กลับเป็นพ่อ กับ แม่ผมเอง ที่ทำร้ายจิตใจผมซ้ำๆจนอาการทรุด
ผมเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขี้นและกำลังจะย้ายไปกทมไปทำงานโฮส
ในเวอชั่นที่เป็นผมแบบจริงๆ... ซึ่งพ่อแม่ผมรับรู้ และจะช่วยซัพพอร์ทผมช่วงเดือนแรก
และ ต่อจากนั้นผมจะหาตังค์จ่ายเองทั้งหมด
นี่เป็นก้าวสำคัญสำหรับผมมากๆในชีวิต ผมอยากขอกำลังใจ
อยากได้คำแนะนำ ให้ผมเดินไปในทางที่ถูก คำสอนดีๆ
เรื่องโฮสผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำ เพราะได้เงินเยอะและไว และในช่วงอายุเท่านี้
ก็เป็นช่วงที่ควรจะฉวยโอกาสนี้ไว้ ก่อนจะแก่ตัวลงและทำยาก
ตอนนี้ผมกำลังได้รับ อารมณ์ลบจากพ่อผม และแม่ผมที่ขอให้ผมไม่ไปกทม
ผมไม่อยากจะฟังใครทั้งนั้น ไม่อยากจะเป็นเด็กคอยขอเงินพ่อแม่ต้อยๆ
โดนดูถูก โดนหลอกบ้าๆบอๆอีกแล้ว มันฝังใจผมมาก พอย้อนกลับไปคิด
เรื่องยาจิตเวช ผมเลยพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุดครับ
ขอบคุณ ใครที่อ่านมาจนจบนะครับ นี่คือชีวิตที่ผ่านมาของผมครับ
ทางเลือกของชีวิต กับ ปัญหาที่ยังคาใจ
ปัจจุบันผมอายุ 26 ปี นะครับ
ขอย้อนกลับไปเล่าตั้งแต่สมัยผมยังเด็กนะครับ
อนุบาล - ม.3 ผมเป็นช่วงชีวิตที่มีความสุขสำหรับผมมาตลอดครับ
จนเกิดเหตุการณ์ที่เพื่อนสนิทมากๆคนนึง ย้ายไป ผมก็เป็นโรคซึมเศร้า
ชีวิตตั้งแต่ม.4-ม.6 ตลอดเวลา คือ ผมจะโดนเพื่อนที่โรงเรียนบูลี่ แกล้งล้อ ว่าเอ๋อตลอด
ตัวผมเป็นคนหน้าตาดี (มาก) ผมขอเล่าแบบตรงไปตรงมาไม่อวดนะครับ
ถ้าให้เทียบเพื่อนในรุ่นเดียวกันทั้งหมด หรือทั้งชั้นเรียน ม.4-6 เลยก็ได้
ผมแน่ใจว่าผมหน้าตาดีอันดับ1หรือต้นๆเลยครับ
เพื่อนผู้หญิงในห้อง ชอบผมมาก และ หลายๆคนก็ชอบมาวนเวียน นัวเนียกับผม
เหมือนผมเป็นเด็กใสๆ ที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร (เพราะผมจะแกล้งทำเป็นผลักไสพวกเธอตลอด)
แต่ใครจะรู้ว่าจริงๆผม ชอบพวกเธอมาก เรียกได้ว่าเข้าขั้นคลั่งรักเลยก็ว่าได้ครับ
ผมจะไม่พูด แต่ทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้ว
เอาละครับ เพื่อนที่โรงเรียนชอบแกล้งผม ล้อผม อยู่เป็นประจำ
เพื่อนผู้ชาย (จะแกล้งด้วยความหมั่นไส้) ด่า ตบหัว สารพัด
แต่ผมยอมพวกเขามาตลอด ตอนอยู่โรงเรียน
เรียกได้ว่าช่วงนั้นผมเป็นเด็กที่ไม่มีความมั่นใจเลย
ถึงคราวที่ผมต้องมาเล่าถึงคนในครอบครัวผมบ้าง (เพราะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลทำให้ผมเป็นเด็กไม่มั่นใจในตัวเอง)
พ่อผม จะมารับผมที่โรงเรียนทุกเย็น ตั้งแต่ ม.1-6 ครับ ผมแทบไม่มีเวลาได้เล่นกับเพื่อน ไปนอนค้างบ้านเพื่อนนี่ไม่ต้องพูดถึง
พอถึงเวลาต้องรีบไปหาพ่อลานจอดรถไม่งั้นโดนด่า
พ่อผมเป็นคนหัวร้อนง่ายมาก และ อีโก้สูง เอาความคิดตัวเองเป็นที่ตั้งเสมอ
ชอบเอาความคิดตัวเองมาฝังในหัวผม เวลาผมอธิบายอะไรจะพูดแทรกเสมอจนผมไม่มีโอกาสได้พูดอะไรเท่าไหร่
สุดท้ายก็จะลงเอยด้วยการฟังพ่อแล้วก็เงียบครับ
ซึ่งเวลามีเรื่องอะไรที่โรงเรียนผมก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง ก็เล่าให้พ่อฟังหมด
พ่อก็จะคอย วิจารณ์ คอยสอน ผมอยู่เสมอ ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นปัญหาไปหมด
เรื่องสาวนี่ พูดด้วยไม่ได้ พ่อจะไม่ฟังเลย
ต้องนอนก่อนเที่ยงคืนทุกวัน ยันม.6
แถมนอนห้องเดียวกับพ่อแม่!? ด้วยครับ ผมนอนกลาง แม่นอนซ้าย พ่อนอนขวาประกบ!?
ตอนช่วงนั้นผมแทบไม่รู้ตัวเลยครับ จริงๆ ผมอยากมีห้องส่วนตัวของตัวเอง เพราะผมก็โตแล้วตอนนั้น
แต่พวกเขาไม่เคยทำให้เลย (ทั้งที่มีห้องว่าง ก็ปล่อยเป็นห้องเก็บของ)
ผมทั้งอึดอัด เก็บกด มีอารมทางเพศก็ไม่รู้จะระบายที่ไหน ก็ต้องห้องน้ำเท่านั้น
(ห้องน้ำก็อยู่กลางบ้าน ใกล้โต๊ะกินข้าว เวลาทำ ก็ได้ยินคนที่บ้านพูดกันอยู่ข้างหู)
ตอนนี้ท่านผู้อ่านพอจะมองภาพออกแล้วใช่มั้ยครับ ว่าทำไมผมถึงเป็นเด็กเก็บกด และไม่มีความมั่นใจ
มันเป็นอดีตที่เจ็บปวดมากจริงๆครับ สำหรับตัวผม
คราวนี้ มาถึงตอนผมเข้ามหาลัย แม่ก็ให้ไปอยู่หอเดียวกับแม่ใกล้มหาลัย นอนกับแม่อีก
ตอนนั้นปี1 ตอนนั้นผมไม่คิดอะไร คิดในใจแค่ว่ากูอยากจะหนีพ้นที่บ้านนี่เร็วๆจัง(เริ่มรู้ตัว)
ผมจึงได้หันหน้าให้กับสื่งที่เรียกว่า “พนัน” ผมเริ่มเล่นพนัน หวังว่าพอได้ตังค์มา จะเอาไป
ทำทุนทำธุรกิจ ซักอย่าง ไปหาหออยู่เอง ยังงี้ครับ
จนผมเสียหมด ตอนนั้นได้มาหลายหมื่น (ลืมบอกไปว่าที่บ้านผมค่อนข้างมีฐานะนะครับ แต่ก็ประหยัด)
ผมบอกแม่ว่าไม่ไหว เป็นซึมเศร้า จะลาออกจากมหาลัย
ตกลงกันพักใหญ่ แม่ก็ให้ผมออกมา คราวนี้ ผมก็ได้ไปหาหมอจิตเวช ( คุยกับหมอทุกอย่าง
แต่พ่อกับแม่ก็มานั่งฟังด้วยกับหมอ.... อีกแล้ว (เหมือนพวกเขาจะไม่ยอมให้ผมได้มีชีวิตส่วนตัว
เรื่องราวทุกอย่างต้องถึงหูเขาหมดยังไงยังงั้นเลย)
ผมเหนื่อยอึดอัดมาก และผมก็ได้ไปใช้ชีวิตคนเดียวซักที ในห้องของป้า
(ในบ้านหลังเดิม แต่เป็นห้องของป้าผม ที่ย้ายออกไปแล้ว)
ผมกลับมาย้อนคิดถึงเหตุการณ์ทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในชีวิต
พออยู่คนเดียวพักใหญ่ ผมทั้งร้องไห้ กับตัวเอง รู้สึกแย่มาก
ตัดพ้อ เสียดายชีวิตตอนมอปลายที่มีแต่เรื่องแย่ๆ
ไม่ได้มีแฟน มีเพื่อนสนิท เสียดายมาก
ผมค้นพบว่าตัวเองเป็นคน EQ สูงมาก จินตนาการได้ล้ำลึก
และคิดหลายอย่างได้ลึกซึ้ง ไม่รู้เพื่อนๆเคยอ่านกันมั้ยนะครับ
คนประเภทที่ ลืมตาขึ้นมาคนเดียว ตอนคนรอบตัว นั่งสมาธิกัน
แล้วรู้สึกว่าแปลกจัง ทำไมไม่มีคนลืมตา รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกของตัวเอง
ตลอดเวลา รู้สึกแตกต่างจากคนอื่น แต่อยู่กับใคร ผมสามารถรับรู้อารมณ์
คนนั้นได้เลย ว่า ชอบไม่ชอบผม รู้สึกยังไง รำคาญผม อิจฉา ไม่เชื่อใจ หลงรัก
ผมรู้สึกได้หมดเลยครับ ทั้งน้ำเสียง สีหน้าใดๆ มันง่ายมากสำหรับผม
รวมถึงเรื่องอารมณ์ทางเพศ ผมก็สูงมากๆเช่นกัน เวลาอยู่ใกล้ใคร จินตนาการเตลิด
ยิ่งผญสวยๆนี่ โอ้ย อยู่ใกล้ๆแทบจะเหมือนได้มีอะไรด้วยเลย
จินตนาการผมสูงถึงขนาดนั้นล่ะครับ แต่เรื่องนี้ ผมไม่เคยบอกใครเลยแม้แต่เพื่อน
แต่คิดว่าพ่อกับแม่น่าจะจับสังเกตุได้ แต่ผมก็ไม่เคยบอกนะครับ
เอาละคราวนี้ย้อนกลับมา ตอนผมอยู่ห้องคนเดียว
ตอนแรกเศร้าครับ สุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นโมโหแทน
โกรธแค้น พ่อกับแม่ คนในบ้าน ที่คอย manage ชีวิตผมมาตลอด
จนถึงจุดระเบิด ผมปาของในห้องครับ ปา
ทีวี ลำโพง พัดลม หนังสือในชั้น ปาใส่กำแพง ใส่ประตู เหมือนคนบ้า
ผมไม่ไหวจริงๆตอนนั้น จนในห้องเละไปหมด เสียงดังได้ยินทั้งซอย
ตอนนั้นผมลงไปนอนกับเตียง กางแขน มองเพดาน ในบรรยากาศ
เงียบสงัด ท่ามกลาง ข้าวของที่รายล้อมเต็มตัว
ผมรู้สึก ”โคตรมีความสุข ชีวิตเหมือนไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย“
ยิ้มออกมามุมปาก แต่ก็นั่นละครับ ได้แปปเดียว
พ่อแม่ผมเรียกรถโรงพยาบาลมา จับผม ขึ้นรถตู้ โดนส่งไปโรงพยาบาล
จับมัดนอนบนเตียง หมอถามว่าเกิดไรขึ้น ผมบอกหมอสั้นๆว่า
”ผมรู้สึกว่าพ่อกับแม่ทำให้ผมไม่มั่นใจในตัวเอง“ บอกแค่นั้น
หมอก็เดินไปคุยกับพ่อแม่ผม แล้วผมก็โดนฉีดยา หลับไป
ตื่นขึ้นมาในโรงบาลบ้า ... มีแต่คนบ้าเต็มไปหมด
พอผมเดินไปเดินมาเฉยๆก็โดนจับฉีดยา ตัวแข็งทื่อ ทำไรไม่ได้
เพื่อนในโรงบาลถามผมว่า ”เข้ามาได้ไง เอ็งดูไม่ได้เป็นไรเลยนะ”
ผมต้องรับยาทุกคืน คอยถามพ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมอาทิตย์ละครั้ง
ว่าจะได้ออกเมื่อไหร่ พ่อแม่บอกว่า หมอไม่ให้ออก ต้องรอหมดอนุญาต
หมอจะนัดคุยกับผมทุกวันอังคาร ถามผมว่า “สรุป คิดว่าตัวเองเป็นอะไร”
ผมก็ตอบไปตามที่คิด หมอก็เดินหนีผมไปตลอด ทั้งที่ผมอธิบายแบบตรงๆหมด
เป็นแบบนี้ครบเดือน ดีนะตอนนั้นไม่บ้าไปซะก่อน เป็นช่วงเวลาที่ทรมานมากๆ
และทำให้ผมกลัวที่แคบไปเลย แพนิค
พอได้ออกมาผมก็ตั้งใจสอบ จนติดมอดังได้ครับ (ตั้งใจตั้งแต่อยู่ในโรงบาล)
ขอข้ามช้อตเลยนะครับ
ผมใช้ชีวิตในมหาลัย อย่างเป็นอิสระ ใช้ชีวิตกับเพื่อนที่หอเพื่อน
ชีวิตช่วงนั้นผมมีความสุขมาก เพราะเหมือนได้หลุดจากนรกที่มีชื่อว่า “พ่อแม่”
ซักที จนเลยยาวมา
ผมใช้ชีวิตสนุก เที่ยว กินเล่น หาสาว ไปวันๆ ไม่ค่อยเรียนครับ
เพราะเหมือนผมเก็บกดด้วย
แต่ว่า จุดสำคัญในเรื่องนี้คือ “ผมยังกินยาจิตเวชมาตลอด”
พ่อคอยเตือนผมให้กินตลอด แม่ด้วย
พอผมกินพวกเขาจะก็จะใจดีกับผม โอนตังให้นู่นนี่
ผมเชื่อมาตลอดว่าผมเป็นไบโพล่า และผมก็กินมาตลอด
ตั้งแต่ปี1-ปี5 มหาลัย
ผลที่ได้จากกินยาจิตเวชนี้ คือ ผมแทบไม่มีอารมณ์ทางเพศเลย
ตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตมหาลัย ผมคิดว่ามันเป็นเอฟเฟคยามาตลอด
คอยถามหมอ แต่หมอก็จะฟังพ่อผมตลอด ผมเหมือนไม่มีสิทมีเสียง
ผมคิดว่ามันหนักเกินไปก้บเรื่อง อารมทางเพศ เหมือนตายด้าน
แต่ผมก็ทนมาตลอด ระบายกับพ่อตลอด พ่อก็หายาไวอากร้ามาให้กิน...
แต่ผมมีความสุขกับชีวิตที่ได้อยู่กับเพื่อนๆสาวๆ (คิดว่าเป็นเพราะเอฟเฟคยา)
นั่นแหละครับ ใครจะรู้ว่าเป็นฝันที่ร้ายมาตลอด
ตัดฉากมาถึงปัจจุบันนะครับ ผมหยุดยาจิตเวชเองแล้ว
ได้ 2-3เดือน ก่อนหน้าผมไปหาข้อมูลมา และก็ได้รู้
“คนปกติ กินยาจิตเวช แล้วจะหมดอารมณ์ทางเพศ”
นั่นละครับ ละผมก็มีอาการถอนยามากมาย อารมณ์แปรปรวน
หงุดหงิดง่าย จิตตก ซึมเศร้า ความจำระยะสั้นไม่ดี มาครบ
(แม้แต่ภาพในหัวผม ที่จินตนาการสูงโคตรๆก็เลือนลาง)
แต่รู้สึกได้ว่ามันค่อยๆทุเลาลง ตอนนี้ผมกำลังฟื้นฟูตัวเอง
ออกกำลังกายทุกวันๆ ให้ตัวเองดีขึ้น
ก่อนหน้าผมมีการใช้กัญชา ควบคู่กับยาจิตเวชมาตลอด
เนื่องด้วยความเครียดจากอาการไม่มีอารมณ์ทางเพศ
(กัญชากระตุ้นให้ผมมีอารมณ์ทางเพศ)
แต่ยังคิดว่าตัวเองป่วยเลยต้องกินตลอด
ตอนนี้ผมกำลังจะย้ายจังหวัด กลับไปกรุงเทพ ไปทำงาน (เรียนไม่จบนะครับ)
ซึ่งที่ผ่านมา ผมขอเงินพ่อแม่มาตลอด (มีไปทำงานโฮสด้วย แต่ไม่ไหวเพราะผลกระทบ
ทางยาจิตเวชด้วย) จึงออกงานมาอยู่กับตัวเอง
ทุกครั้งที่โทรไปขอเงินพ่อ พ่อจะด่าผมตลอด
ขึ้นเสียงใส่ผมเหมือนคนบ้า
(ผมไม่ได้ขอเงินเพิ่มเลยครับ แต่พ่อให้ผมเป็นรายอาทิตย์แล้วผมไม่พอใช้
เลยปรับเป็นรายวันแทน และผมก็ขอเป็นวันๆ แต่ก็ยังโดนด่าอยู่ตลอด
แบบไม่มีเหตุผล)
คำพูดบั่นทอนจิตใจ มาตลอด ชอบตัวผมแต่ก่อนมากกว่าบ้าง
ถ้าเลือกได้คงไม่มีลูกบ้าง ย้อนเวลาไปได้ป๊าจะไม่มีลูกเลยพูดตลอด
คอยพูดเวลาผมมีกำลังใจ ให้ผมหมดกำลังใจเล่นตลอด บอกไม่มีปัญญาหาตังค์เองตลอด
ในระหว่างที่ผมถอนยา เพื่อนๆผมไม่มีใคร ว่าอะไรผมซักคำ
แต่กลับเป็นพ่อ กับ แม่ผมเอง ที่ทำร้ายจิตใจผมซ้ำๆจนอาการทรุด
ผมเหนื่อยกับสิ่งที่เกิดขี้นและกำลังจะย้ายไปกทมไปทำงานโฮส
ในเวอชั่นที่เป็นผมแบบจริงๆ... ซึ่งพ่อแม่ผมรับรู้ และจะช่วยซัพพอร์ทผมช่วงเดือนแรก
และ ต่อจากนั้นผมจะหาตังค์จ่ายเองทั้งหมด
นี่เป็นก้าวสำคัญสำหรับผมมากๆในชีวิต ผมอยากขอกำลังใจ
อยากได้คำแนะนำ ให้ผมเดินไปในทางที่ถูก คำสอนดีๆ
เรื่องโฮสผมตัดสินใจแล้วว่าจะทำ เพราะได้เงินเยอะและไว และในช่วงอายุเท่านี้
ก็เป็นช่วงที่ควรจะฉวยโอกาสนี้ไว้ ก่อนจะแก่ตัวลงและทำยาก
ตอนนี้ผมกำลังได้รับ อารมณ์ลบจากพ่อผม และแม่ผมที่ขอให้ผมไม่ไปกทม
ผมไม่อยากจะฟังใครทั้งนั้น ไม่อยากจะเป็นเด็กคอยขอเงินพ่อแม่ต้อยๆ
โดนดูถูก โดนหลอกบ้าๆบอๆอีกแล้ว มันฝังใจผมมาก พอย้อนกลับไปคิด
เรื่องยาจิตเวช ผมเลยพยายามอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุดครับ
ขอบคุณ ใครที่อ่านมาจนจบนะครับ นี่คือชีวิตที่ผ่านมาของผมครับ