https://youtu.be/gOWODMLGk4k?si=D1NBnGcjcWey_29N
มหาราชา รณชิต สิงห์ แห่ง ปัญจาบ
โดยช่องข่าวสาร บีบีซี ปัญจาบี BBC News Punjabi ปากีสถาน
แปลไทยโดยคร่าวๆ จากคลิปวิดีโอในภาษาปัญจาบี ขอขมาหากผิดพลาดประการใด 🙏🏼
"องค์มหาราชา รณชิต (รัณชีต /รัณชิต) สิงห์ มิได้เป็นชาวอังกฤษที่มาปกครอง มิได้เป็นชาวอัฟกัน ที่มาบุกโจมตีจากภายนอก แล้วมายึดครองราชย์ แต่อัตลักษณ์ของการเป็นชาวปัญจาบในยุคใหม่ มันริเริ่มด้วยองค์มหาราชา รัณชิต สิงห์ นั่นเอง ราชอาณาจักรที่องค์มหาราชาปกครอง มิได้อยู่บนพื้นฐานของลัทธิ ศาสนา ชาติพันธุ์ หรือ สีผิวพรรณใด แต่ถูกสถาปนาอยู่บนพื้นฐานของอตลักษณ์ในความเป็นชาวปัญจาบต่างหาก
ดิฉันชื่อ ดร. โขลา จีมา (Dr. Khola Cheema) [[จาก ปากีสถาน (Pakistan)]] เป็นนักประวัติศาสตร์ ซึ่งสำหรับ Master of Philosophy (MPhil) ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับองค์มหาราชา รัณชิต สิงห์ และเพื่อจบ คุรุศาสตรดุษฎีบัณฑิต (PhD) ดิฉันได้ทำงานวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งของซิกข์ (ศาสน)อัตลักษณ์"
[บรรยายหน้าจ้อ: มหาราชา รณชิต สิงห์ ได้ปกครองแดนปัญจาบถึง 40 พรรษา
แต่ก่อนท่านจะขึ้นครองราชย์
สถานการณ์ของปัญจาบ อยู่ในสภาพเช่นใด]
ป้ายชื่อ (ตั้งแต่วินาทีที่ 0.49 ถึง 0.52) :
SHER-E-PUNJAB
MAHARAJ RANJIT SINGH
(BORN 1780 - DIED 1839)
สิงห์แห่งปัญจาบ
มหาราชารณชิต สิงห์
(ประสูติ พ.ศ. 2323 - สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2382)
"ศตวรรษก่อน (มหาราชาฯ) นั้น ปัญจาบตกอยู่ในสภาพที่โกลาหล ถือว่าเป็นศตวรรษที่โกลาหลทั้งศตวรรษเลย จากการบุกโจมตีของชาวอัฟกัน [[นับเกือบสิบระลอก]] พร้อมด้วยอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักร ที่อยู่ภายใต้พยุหเสนา (misl / มิสล) ของชาวซิกข์ นับหลายกองพัน [[หลังรอดมาได้จากการถูกเนรเทศไล่ล่าประหัตประหารล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคมืดของครึ่งศตวรรษแรก]] ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งแดนปัญจาบนั้น ถูกแบ่งแยก (เป็นนับหลาย) สัดส่วนอยู่ ไม่มีความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
วันที่มหาราชาฯ ประสูติ เป็นวันที่บิดาของท่านได้ชนะศึกมา จึงเป็นสาเหตุที่ได้ตั้งชื่อ (บุตรของตน) ว่า 'รณ'+'ชิต' ซึ่งหมายความว่า 'ผู้พิชิตในสมรภูมิ'
คุณดูสิ ในวัย 10 ชันษา ท่านร่วมรบอยู่ในสมรภูมิแล้ว และเป็นเด็กวัย 17 ชันษา ที่กล้าเผชิญกับกองทัพ อัฟกันแห่ง ชาฮ์ ซะมาน (Shah Zaman) ถึง 2 ครั้ง ซึ่งในสมัยนั้น ถือว่ามีอิทธิพลมาก ถึงขั้นแม้แต่โมกุล (Mughal / Moghul) เอง ยังไม่กล้าที่จะเผชิญเลย
ท่านเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ปัญจาบ หรือ ลาฮอร์ (เมืองหลวง Lahore) เห็นว่าจะเป็นผู้ที่ช่วยพวกเราได้ และ ณ ตอนนั้น ลาฮอร์ อยู่ภายใต้การปกครองของเสนาซิกข์ 3 พล ซึ่งพวกเขาได้แบ่งแยกเมืองลาฮอร์ เป็นสัดส่วนและได้ทำให้พลเมืองเดือดร้อนมากมายจนเบื่อหน่าย
นักประวัติศาสตร์หลายท่านเล่ากันว่า พลเมืองชาวลาฮอร์หลายฝ่ายได้มีการเขียนและส่งสารอัญเชิญมหาราชาฯ ให้มาช่วยปลดพวกเขาจากอำนาจผู้ปกครองเหล่านี้ด้วย ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก
เมื่อมหาราชาฯ มาถึง ตั้งแต่ประตูเมืองจนถึงป้อมปราการ (ในใจกลางเมือง?) แม้แต่ใบไม้ใบเดียวก็มิได้ถูกเคลื่อนที่โดยกองทัพของมหาราชาฯ เลย (หมายถึง เข้ามาแบบถูกอัญเชิญมา โดยมิได้ใช้กำลังเลย)
องค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ขึ้นครองราชย์ โดยมิได้ใช้ความรุนแรง หรือ เข่นฆ่าใคร หรือ ปล้นทรัพย์สินใด"
[คำแปลบรรยาย: มหาราชา รณชิต สิงห์ ได้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 1799 (พ.ศ. 2342) แต่พิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้น 2 ปี ต่อมา ในวันที้ 12 ของเดือนเมษายน ค.ศ. 1801 (พ.ศ. 2344)]
"ความยิ่งใหญ่ของพิธีบรมราชาภิเษกนี้ คือการที่องค์มหาราชาฯ ปฏิเสธที่จะนั่งบนพระบัลลังก์ดั้งเดิมที่ได้กดขี่ข่มเหงประชาชนมาตลอด การปฏิเสธที่จะนั่งบนพระบัลลังก์เดิมโดยองค์มหาราชาฯ นั้น เป็นการปูรากฐานของปัญจาบที่อิสระเสรี
ทั้งเมืองลาฮอร์เฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกของพระองค์ ทรงได้จัดงานเลี้ยงใหญ่สำหรับประชาชนทั่วไป ได้ขึ้นขี่ช้างเพื่อพบปะกับประชาชนและแจกดหรียญเงิน"
[นาทีที่ 3.25]
"ทั้งเมืองลาฮอร์ ทุกมนเทียร (วัดฮินดู) ทุกมัสยิด (สุเหร่า) ทุกคุรุทวารา (วัดซิกข์) มีการจุดประทีป ในการเฉลิมฉลองพิธีบรมราชาภิเษกนี้"
[คำบรรยาย: มหาราชาฯ ทรงกระชับอำนาจของพระองค์อย่างมั่นคงและรวดเร็ว และครองราชย์ (ทั่วทั้งแดน) ปัญจาบ]
"ภายใต้การปกครองขององค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ขอบเขตชายแดนของราชอาณาจักรนั้น ริเริ่มตั้งแต่สายแม่น้ำ สุตลัช (Sutlej) (ในปัญจาบฝั่งอินเดีย) ถึงเมือง คาบูล (Kabul) (ในอัฟกานิสถาน) จาก คิลคิต-พลติสถาน (Gilgit-Baltistan) ถึง ธิเบต (Tibet) ถึง แคชเมียร์ (Kashmir) และจากแคชเมียร์ (ลงใต้) ไปถึง เมือง มิฐันโกฏ (Mithankot) ในแดนมุลตาน (Multan) (ภาคกลางปากีสถาน)
หากเราพูดถึงศาลของพระองค์ ท่านไม่เคยจัดขึ้นเพียงให้ผู้มีอิทธิพล ผู้สูงศักดิ์ และ ขุนนาง เข้าเฝ้าพระองค์ (เรียกว่า ดีวาน-อิ-ขาซฺ / Deewaan-e-Khaas) แต่ท่านจะไปประทับที่ ดีวาน-อ-อาม (Deewaan-e-Aam) ซึ่งเป็นศาลที่ประชาชนทั่วเข้าเฝ้าพระองค์ได้เลย
สถานที่ ที่ดิฉันยืนอยู่ คือสถานที่ที่พระองค์จะจัด ดีวาน-อิ-อาม เป็นประจำ [นาทีที่ 4.10 ในคลิปวิดีโอ]
ท่านทำเช่นนี้ เพื่อที่จะเข้าถึงประชาชนไก้ง่ายขึ้น เพื่อที่ประชาชนทั่วไปสามารถดข้าถึงพระองค์ได้ง่าย เช่นกัน
ในพระสำนักของมหาราชา จะเห็นว่ามีทั้ง ฟะกีร์ อะซารุดีน Fakir Azarudeen ที่มาจากตระกูลเชื้อสาย ซัยยัท Syed (อิสลาม) ท่านก็จะเห็นท่าน ดีนะ นาถ (ชาวพราหมณ์-ฮินดู) แล้วก็จะเห็นแม่ทัพ หริ สิงห์ นัลวา (Hari Singh Nalwa) (ชาวซิกข์) พร้อมหน้ากัน ฉันนั้น ทุกชุมชนในปัญจาบ มีผู้แทนอยู่ในพระสำนักของพระองค์ ซึ่งจัดขึ้นได้อย่างสง่างาม"
[คำแปลคำบรรยาย นาทีที่ 4.40: ใน ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) มีการสถาปนารูปปั้นของพระองค์ทรงม้า บนสถานที่บัลลังก์ พระที่นั่งของพระองค์ ในป้อมปราการของลาฮอร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์]
"เป็นเก้าที่ดี ดิฉันขอชื่นชม ทำให้ได้มีการพูดคุย อ่านเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอยากมากโดยประชาชน ว่าใครคือองค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ทำไมถึงถูกสถาปนาในพระทำเนียบแห่งนี้ ผู้คนเริ่มรับรู้มากขึ้น นามของพระองค์กลับมาเป็นที่พูดถึงมากขึ้น บนแผ่นดินที่ท่านได้ปกครองมา"
[แปลคำบรรยาย นาทีที่ 5.22: ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ มีการทำลายรูปทรงม้าของมหาราชาฯ โดยฝ่ายคลั่ง ฝ่ายสุดโต่ง ถึง 2 ครั้ง แล้ว... โดยอ้างว่า มหาราชารณชิต สิงห์ กดขี่ประชากรชาวมุสลิม]
"แต่การที่รูปทรงม้าถูกทำร้ายนั้น มิได้เป็นเรื่องที่แปลก ใครที่พยายามให้ล้มลง เราก็จะพยายามเผยความรู้ให้มากขึ้น เพราะประชาชนยังขาดความรู้ ยังไม่ได้รับการศึกษาในเรื่องนี้ เพราะไม่คุ้นเคยกับสมัยและเหตุการณ์ในสมัยของท่าน จึงเกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก พร้อมด้วยบางมุมมองส่วนตัวที่อาจรับไม่ได้ว่าผู้ซึ่งมาจากชนส่วนน้อย (ชาวซิกข์ ซึ่งเป็นชน minority ในแผ่นดิน อขัณฑปัญจาบอันกว้างใหญ่) จะมาปกครองชนส่วนมากที่ประกอบด้วยชาวมุสลิมกับชาวฮินดูได้อย่างไร โดยมิได้เข้าใจว่า มันเป็นไปได้เมื่อชนส่วนมาก ยอมรับในการปกครองของท่าน เพราะหากทั้งคู่มิได้ยินยอมให้ท่านมาปกครอง ท่านก็คงปกครอง (อย่างเป็นธรรม) ไม่ได้ เช่นกัน
ฉะนั้น เราควรสั่งสอนเรื่องเหล่านี้ให้เด็กๆ และ เยาวชนของเรารับรู้ แล้วพวกเขาถึงจะเข้าใจว่า มหาราชารณชิต สิงห์ นั้น มิได้เป็นผู้ปกครองซิกข์ (เพื่อเผยแผ่ศาสนาซิกข์) แต่เป็นผู้ปกครองปัญจาบ (ของทุกชนกลุ่ม มากกว่า)
องค์มหาราชา รณชิต สิงห์ มิได้เป็นชาวอังกฤษที่มาปกครอง มิได้เป็นชาวอัฟกัน ที่มาบุกโจมตีจากภายนอก แล้วมายึดครองราชย์ แต่ท่านมาจากที่นี่ เป็นชนที่เติบโตขึ้นมาบนแผ่นดินนี้ เป็นคนของแผ่นดินนี้ และพัวพันกับแผ่นดินนี้ ท่านไม่เคยปล้นทรัพย์สินของที่นี่ เพื่อไปก่อตั้งราชอาณาจักรที่อื่น ท่านไม่เคยปล้นแผ่นดินนี้ เพื่อแผ่นดินอื่น หรือลักพาตัวลูกสาวหรือพี่น้องสาวใครเพื่อนำไป (เป็นทาส) ที่อื่น เช่น อัฟกานิสตาน ท่านประสูติในปัญจาบ และสิ้นพระชนม์ในปัญจาบ เราจึงมองท่านเป็นผู้บุกรุกไม่ได้เลย"
https://youtu.be/gOWODMLGk4k?si=D1NBnGcjcWey_29N
มหาราชา รณชิต สิงห์ แห่ง ปัญจาบ
มหาราชา รณชิต สิงห์ แห่ง ปัญจาบ
โดยช่องข่าวสาร บีบีซี ปัญจาบี BBC News Punjabi ปากีสถาน
แปลไทยโดยคร่าวๆ จากคลิปวิดีโอในภาษาปัญจาบี ขอขมาหากผิดพลาดประการใด 🙏🏼
"องค์มหาราชา รณชิต (รัณชีต /รัณชิต) สิงห์ มิได้เป็นชาวอังกฤษที่มาปกครอง มิได้เป็นชาวอัฟกัน ที่มาบุกโจมตีจากภายนอก แล้วมายึดครองราชย์ แต่อัตลักษณ์ของการเป็นชาวปัญจาบในยุคใหม่ มันริเริ่มด้วยองค์มหาราชา รัณชิต สิงห์ นั่นเอง ราชอาณาจักรที่องค์มหาราชาปกครอง มิได้อยู่บนพื้นฐานของลัทธิ ศาสนา ชาติพันธุ์ หรือ สีผิวพรรณใด แต่ถูกสถาปนาอยู่บนพื้นฐานของอตลักษณ์ในความเป็นชาวปัญจาบต่างหาก
ดิฉันชื่อ ดร. โขลา จีมา (Dr. Khola Cheema) [[จาก ปากีสถาน (Pakistan)]] เป็นนักประวัติศาสตร์ ซึ่งสำหรับ Master of Philosophy (MPhil) ได้ทำงานวิจัยเกี่ยวกับองค์มหาราชา รัณชิต สิงห์ และเพื่อจบ คุรุศาสตรดุษฎีบัณฑิต (PhD) ดิฉันได้ทำงานวิจัยต่อเนื่องเกี่ยวกับการก่อตั้งของซิกข์ (ศาสน)อัตลักษณ์"
[บรรยายหน้าจ้อ: มหาราชา รณชิต สิงห์ ได้ปกครองแดนปัญจาบถึง 40 พรรษา
แต่ก่อนท่านจะขึ้นครองราชย์
สถานการณ์ของปัญจาบ อยู่ในสภาพเช่นใด]
ป้ายชื่อ (ตั้งแต่วินาทีที่ 0.49 ถึง 0.52) :
SHER-E-PUNJAB
MAHARAJ RANJIT SINGH
(BORN 1780 - DIED 1839)
สิงห์แห่งปัญจาบ
มหาราชารณชิต สิงห์
(ประสูติ พ.ศ. 2323 - สิ้นพระชนม์ พ.ศ. 2382)
"ศตวรรษก่อน (มหาราชาฯ) นั้น ปัญจาบตกอยู่ในสภาพที่โกลาหล ถือว่าเป็นศตวรรษที่โกลาหลทั้งศตวรรษเลย จากการบุกโจมตีของชาวอัฟกัน [[นับเกือบสิบระลอก]] พร้อมด้วยอาณาจักรเล็กๆ หลายอาณาจักร ที่อยู่ภายใต้พยุหเสนา (misl / มิสล) ของชาวซิกข์ นับหลายกองพัน [[หลังรอดมาได้จากการถูกเนรเทศไล่ล่าประหัตประหารล้างเผ่าพันธุ์มาในยุคมืดของครึ่งศตวรรษแรก]] ซึ่งจะเห็นได้ว่าทั้งแดนปัญจาบนั้น ถูกแบ่งแยก (เป็นนับหลาย) สัดส่วนอยู่ ไม่มีความสามัคคี เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
วันที่มหาราชาฯ ประสูติ เป็นวันที่บิดาของท่านได้ชนะศึกมา จึงเป็นสาเหตุที่ได้ตั้งชื่อ (บุตรของตน) ว่า 'รณ'+'ชิต' ซึ่งหมายความว่า 'ผู้พิชิตในสมรภูมิ'
คุณดูสิ ในวัย 10 ชันษา ท่านร่วมรบอยู่ในสมรภูมิแล้ว และเป็นเด็กวัย 17 ชันษา ที่กล้าเผชิญกับกองทัพ อัฟกันแห่ง ชาฮ์ ซะมาน (Shah Zaman) ถึง 2 ครั้ง ซึ่งในสมัยนั้น ถือว่ามีอิทธิพลมาก ถึงขั้นแม้แต่โมกุล (Mughal / Moghul) เอง ยังไม่กล้าที่จะเผชิญเลย
ท่านเป็นเพียงบุคคลเดียวที่ปัญจาบ หรือ ลาฮอร์ (เมืองหลวง Lahore) เห็นว่าจะเป็นผู้ที่ช่วยพวกเราได้ และ ณ ตอนนั้น ลาฮอร์ อยู่ภายใต้การปกครองของเสนาซิกข์ 3 พล ซึ่งพวกเขาได้แบ่งแยกเมืองลาฮอร์ เป็นสัดส่วนและได้ทำให้พลเมืองเดือดร้อนมากมายจนเบื่อหน่าย
นักประวัติศาสตร์หลายท่านเล่ากันว่า พลเมืองชาวลาฮอร์หลายฝ่ายได้มีการเขียนและส่งสารอัญเชิญมหาราชาฯ ให้มาช่วยปลดพวกเขาจากอำนาจผู้ปกครองเหล่านี้ด้วย ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนมาก
เมื่อมหาราชาฯ มาถึง ตั้งแต่ประตูเมืองจนถึงป้อมปราการ (ในใจกลางเมือง?) แม้แต่ใบไม้ใบเดียวก็มิได้ถูกเคลื่อนที่โดยกองทัพของมหาราชาฯ เลย (หมายถึง เข้ามาแบบถูกอัญเชิญมา โดยมิได้ใช้กำลังเลย)
องค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ขึ้นครองราชย์ โดยมิได้ใช้ความรุนแรง หรือ เข่นฆ่าใคร หรือ ปล้นทรัพย์สินใด"
[คำแปลบรรยาย: มหาราชา รณชิต สิงห์ ได้ขึ้นครองราชย์ใน ค.ศ. 1799 (พ.ศ. 2342) แต่พิธีบรมราชาภิเษกเกิดขึ้น 2 ปี ต่อมา ในวันที้ 12 ของเดือนเมษายน ค.ศ. 1801 (พ.ศ. 2344)]
"ความยิ่งใหญ่ของพิธีบรมราชาภิเษกนี้ คือการที่องค์มหาราชาฯ ปฏิเสธที่จะนั่งบนพระบัลลังก์ดั้งเดิมที่ได้กดขี่ข่มเหงประชาชนมาตลอด การปฏิเสธที่จะนั่งบนพระบัลลังก์เดิมโดยองค์มหาราชาฯ นั้น เป็นการปูรากฐานของปัญจาบที่อิสระเสรี
ทั้งเมืองลาฮอร์เฉลิมฉลองพิธีราชาภิเษกของพระองค์ ทรงได้จัดงานเลี้ยงใหญ่สำหรับประชาชนทั่วไป ได้ขึ้นขี่ช้างเพื่อพบปะกับประชาชนและแจกดหรียญเงิน"
[นาทีที่ 3.25]
"ทั้งเมืองลาฮอร์ ทุกมนเทียร (วัดฮินดู) ทุกมัสยิด (สุเหร่า) ทุกคุรุทวารา (วัดซิกข์) มีการจุดประทีป ในการเฉลิมฉลองพิธีบรมราชาภิเษกนี้"
[คำบรรยาย: มหาราชาฯ ทรงกระชับอำนาจของพระองค์อย่างมั่นคงและรวดเร็ว และครองราชย์ (ทั่วทั้งแดน) ปัญจาบ]
"ภายใต้การปกครองขององค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ขอบเขตชายแดนของราชอาณาจักรนั้น ริเริ่มตั้งแต่สายแม่น้ำ สุตลัช (Sutlej) (ในปัญจาบฝั่งอินเดีย) ถึงเมือง คาบูล (Kabul) (ในอัฟกานิสถาน) จาก คิลคิต-พลติสถาน (Gilgit-Baltistan) ถึง ธิเบต (Tibet) ถึง แคชเมียร์ (Kashmir) และจากแคชเมียร์ (ลงใต้) ไปถึง เมือง มิฐันโกฏ (Mithankot) ในแดนมุลตาน (Multan) (ภาคกลางปากีสถาน)
หากเราพูดถึงศาลของพระองค์ ท่านไม่เคยจัดขึ้นเพียงให้ผู้มีอิทธิพล ผู้สูงศักดิ์ และ ขุนนาง เข้าเฝ้าพระองค์ (เรียกว่า ดีวาน-อิ-ขาซฺ / Deewaan-e-Khaas) แต่ท่านจะไปประทับที่ ดีวาน-อ-อาม (Deewaan-e-Aam) ซึ่งเป็นศาลที่ประชาชนทั่วเข้าเฝ้าพระองค์ได้เลย
สถานที่ ที่ดิฉันยืนอยู่ คือสถานที่ที่พระองค์จะจัด ดีวาน-อิ-อาม เป็นประจำ [นาทีที่ 4.10 ในคลิปวิดีโอ]
ท่านทำเช่นนี้ เพื่อที่จะเข้าถึงประชาชนไก้ง่ายขึ้น เพื่อที่ประชาชนทั่วไปสามารถดข้าถึงพระองค์ได้ง่าย เช่นกัน
ในพระสำนักของมหาราชา จะเห็นว่ามีทั้ง ฟะกีร์ อะซารุดีน Fakir Azarudeen ที่มาจากตระกูลเชื้อสาย ซัยยัท Syed (อิสลาม) ท่านก็จะเห็นท่าน ดีนะ นาถ (ชาวพราหมณ์-ฮินดู) แล้วก็จะเห็นแม่ทัพ หริ สิงห์ นัลวา (Hari Singh Nalwa) (ชาวซิกข์) พร้อมหน้ากัน ฉันนั้น ทุกชุมชนในปัญจาบ มีผู้แทนอยู่ในพระสำนักของพระองค์ ซึ่งจัดขึ้นได้อย่างสง่างาม"
[คำแปลคำบรรยาย นาทีที่ 4.40: ใน ค.ศ. 2019 (พ.ศ. 2562) มีการสถาปนารูปปั้นของพระองค์ทรงม้า บนสถานที่บัลลังก์ พระที่นั่งของพระองค์ ในป้อมปราการของลาฮอร์ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระองค์]
"เป็นเก้าที่ดี ดิฉันขอชื่นชม ทำให้ได้มีการพูดคุย อ่านเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอยากมากโดยประชาชน ว่าใครคือองค์มหาราชา รณชิต สิงห์ ทำไมถึงถูกสถาปนาในพระทำเนียบแห่งนี้ ผู้คนเริ่มรับรู้มากขึ้น นามของพระองค์กลับมาเป็นที่พูดถึงมากขึ้น บนแผ่นดินที่ท่านได้ปกครองมา"
[แปลคำบรรยาย นาทีที่ 5.22: ตั้งแต่ตอนนั้น จนถึงตอนนี้ มีการทำลายรูปทรงม้าของมหาราชาฯ โดยฝ่ายคลั่ง ฝ่ายสุดโต่ง ถึง 2 ครั้ง แล้ว... โดยอ้างว่า มหาราชารณชิต สิงห์ กดขี่ประชากรชาวมุสลิม]
"แต่การที่รูปทรงม้าถูกทำร้ายนั้น มิได้เป็นเรื่องที่แปลก ใครที่พยายามให้ล้มลง เราก็จะพยายามเผยความรู้ให้มากขึ้น เพราะประชาชนยังขาดความรู้ ยังไม่ได้รับการศึกษาในเรื่องนี้ เพราะไม่คุ้นเคยกับสมัยและเหตุการณ์ในสมัยของท่าน จึงเกิดความเข้าใจผิดอย่างมาก พร้อมด้วยบางมุมมองส่วนตัวที่อาจรับไม่ได้ว่าผู้ซึ่งมาจากชนส่วนน้อย (ชาวซิกข์ ซึ่งเป็นชน minority ในแผ่นดิน อขัณฑปัญจาบอันกว้างใหญ่) จะมาปกครองชนส่วนมากที่ประกอบด้วยชาวมุสลิมกับชาวฮินดูได้อย่างไร โดยมิได้เข้าใจว่า มันเป็นไปได้เมื่อชนส่วนมาก ยอมรับในการปกครองของท่าน เพราะหากทั้งคู่มิได้ยินยอมให้ท่านมาปกครอง ท่านก็คงปกครอง (อย่างเป็นธรรม) ไม่ได้ เช่นกัน
ฉะนั้น เราควรสั่งสอนเรื่องเหล่านี้ให้เด็กๆ และ เยาวชนของเรารับรู้ แล้วพวกเขาถึงจะเข้าใจว่า มหาราชารณชิต สิงห์ นั้น มิได้เป็นผู้ปกครองซิกข์ (เพื่อเผยแผ่ศาสนาซิกข์) แต่เป็นผู้ปกครองปัญจาบ (ของทุกชนกลุ่ม มากกว่า)
องค์มหาราชา รณชิต สิงห์ มิได้เป็นชาวอังกฤษที่มาปกครอง มิได้เป็นชาวอัฟกัน ที่มาบุกโจมตีจากภายนอก แล้วมายึดครองราชย์ แต่ท่านมาจากที่นี่ เป็นชนที่เติบโตขึ้นมาบนแผ่นดินนี้ เป็นคนของแผ่นดินนี้ และพัวพันกับแผ่นดินนี้ ท่านไม่เคยปล้นทรัพย์สินของที่นี่ เพื่อไปก่อตั้งราชอาณาจักรที่อื่น ท่านไม่เคยปล้นแผ่นดินนี้ เพื่อแผ่นดินอื่น หรือลักพาตัวลูกสาวหรือพี่น้องสาวใครเพื่อนำไป (เป็นทาส) ที่อื่น เช่น อัฟกานิสตาน ท่านประสูติในปัญจาบ และสิ้นพระชนม์ในปัญจาบ เราจึงมองท่านเป็นผู้บุกรุกไม่ได้เลย"
https://youtu.be/gOWODMLGk4k?si=D1NBnGcjcWey_29N