ซิกข์: การสละชีพของนพองค์แห่งซิกข์ศาสดา สำหรับสิทธิเสรีในการนับถือศาสนา ของพ่อแม่พี่น้องต่างศาสนิกชน

การสละชีพของ ศรี คุรุ เตฆ บฮาเดอร์ ซาฮิบ (Sri Guru Tegh Bahadur Sahib) นพองค์แห่งสิขศาสดา เพื่อธำรงสิทธิเสรีภาพของพ่อแม่พี่น้องต่างศาสนิกชนในการนับถือศาสนาที่ตนอยากนับถือ ซึ่ง ณ ครั้งนั้น ใน ค.ศ. 1675 (พ.ศ. 2218) องค์จักรพรรดิ ออรังเซพ (Aurangzeb) แห่งโมกุล (Moghuls / Mughals) ได้ออกคำสั่งบังคับผสกนิกรต่างศาสนิกชนทั่วราชอาณาจักรให้เปลี่ยนศาสนามานับถือศาสนาประจำรัฐเท่านั้น โดยเริ่มบังคับจากแคว้นแคชเมียร์ (Kashmir) เป็นต้น แล้วหากคัดค้าน จะโดนประหารชีวิต

ต่อมา ชาวพราหมณ์จากแคชเมียร์ ได้เข้าพบขอความช่วยเหลือจาก คุรุ ซาฮิบ ที่เมือง อนันทปุระ ซาฮิบ (Anandpur Sahib) ปัญจาบ (Punjab) พระองค์ พิจารณาสถานการณ์แล้วส่งสารไปแก่องค์จักรพรรดิในทำนองว่า ‘หากสำเร็จในการบังคับให้ข้าพเจ้าเปลี่ยนศาสนา ทั่วทั้งราชอาณาจักรก็จะน้อมรับเปลี่ยนศาสนาตาม’ แล้วพระองค์ กับชาวซิกข์ 3 ท่าน ก็ออกเดินทางไปสู่กรุงเดลี (Delhi)

กลางทาง ที่โรปาร์ (Ropar) พระองค์และศิษย์ร่วมเดินทางทั้ง 3 ถูกจับกุม แล้วถูกทรมานในเรือนจำ ราว 3-4 เดือน ก่อนที่จะถูกนำไปแสดงตัวที่กรุงเดลี

มีการพยายามให้ คุรุ ซาฮิบ พิสูจน์ความศักดิ์สิทธิ์ของตนด้วยการแสดงพลังอภินิหารต่างๆ แต่พระองค์ปฏิเสธ 

หลังจากได้พยายามทุกวิถีทางที่จะชักชวน ล่อ และ ขู่ชาวซิกข์ 3 ท่าน กับ พระองค์ ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาประจำรัฐ แต่ก็ไม่สำเร็จ ไม่มีใครเขวหรือหวั่นไหวหรือแสดงความหวาดกลัวใดๆ จนในที่สุดประกาศการประหารชีวิตทั้งหมด

ชาวซิกข์คนแรก ภาอี มติทาส ญี (Bhai Mati Das Ji) ถูกเลื่อยและผ่าเป็นสองจากหัวลงมา จนสิ้นลมปราน

ชาวซิกข์คนที่สอง ภาอี สติทาส ญี (Bhai Sati Das Ji) ถูกห่มด้วยฝ้าย แล้วมัดด้วยเชือก และถูกจุดเพลิงเผาเป็นๆ จนสิ้นลมปราน

ชาวซิกข์คนที่สาม ภาอี ทยาล ทาส ญี (Bhai Dyal Das Ji) ถูกบังคับให้นั่งลงไปในหม้อยักษ์ แล้วถูกต้มเป็นๆ ในน้ำมัน จนสิ้นลมปราน 

ทั้งสามท่าน นิ่ง สวดภาวนา และไม่หวั่นไหว พระองค์เองก็มิได้หวั่นไหว เมื่อถึงตาพระองค์ ทรงได้ตรัสต่อ เพชฌฆาตของพระองค์ว่า ‘คุณคือผู้มอบความหลุดพ้นให้แก่ข้า จงอย่าเสียเวลาไปมากกว่านี้เลย’

 พระองค์ถูกตัดศีรษะท่ามกลางแยก จันทนี จ๊อก (Chandi Chowk) ในที่สาธารณะ ข้างหน้าปราสาทแดง (Red Fort)  ต่อหน้าทุกคน

ชาวซิกข์ได้สร้าง คุรุดวารา ศีษะ คันช์ ซาฮิบ (Gurdwara Sis Ganj Sahib) ณ แห่งนี้ (ผู้ใดเคยไปท่องเที่ยวอาจจะคุ้นตา)

ณ ตอนนั้นองค์จักรพรรดิเอง มิได้อยู่กรุงเดลี

และเป็นครั้งที่ 2 ซึ่ง คุรุ ซาฮิบ ถูกจับเพื่อประหารชีวิต เนื่องจากครั้งแรกเกิดขึ้นจากการฟ้องร้องโดยผู้นำต่างศาสนาบางกลุ่ม ซึ่งกังวลที่ศาสนิกของตนออกจากศาสนาแล้วไปนับถือศาสนาซิกข์มากขึ้น แต่ครั้งนั้น กษัตริย์ราชบุตรท่านหนึ่ง ราชา ราม สิงห์ (Raja Ram Singh) ผู้นับถือพระองค์ ได้แทรกแซงและรับประกันแทนพระองค์ 

หลังจากพระองค์ถูกประหารชีวิตในครั้งนี้ ประชาชนโศกเศร้ายิ่ง เจ้าหน้าที่มีการถามและท้าทายกลุ่มชน ณ ที่นั่นว่ามีใครกล้าออกยอมรับว่าเป็นซิกข์ไหม แล้วกล้ามาเคลมร่างของพระองค์ไหม ซึ่ง ณ ตอนนั้น ไม่มีใครกล้าแสดงตนเป็นชาวซิกข์ (สมัยนั้น ทั้งชาวมุสลิมและชาวฮินดูชนชั้นสูงยังโพกหัวมีเครา เช่นกัน) กองกำลังซิกข์ก็ถูกยกเลิกไปก่อนที่จะถึงสมัยของนพองค์ศาสดา เช่นกัน เนื่องจากไม่มีศึกสงครามใดมานาน 

จักรพรรดิมีคำสั่งให้สับพระศพเป็นชิ้นๆ แล้วนำชิ้นส่วนไปแขวนในทั้ง 4 มุมของกรุงเพื่อเป็นอุทาหรณ์สำหรับผู้ใดซึ่งคิดจะค้านรัฐบาล

หลังการสละชีพของพระองค์ มีพายุลมแรงเกิดขึ้นกระทันหัน ในความโกลาหล ชาวซิกข์คนหนึ่งแอบนำเศียรของพระองค์ ห่อหุ้มในผืนผ้า แล้วนำไปถวายแก่ คุรุ โควินท์ ราอี (Sri Guru Gobind Rai) ที่ ปัญจาบ (Punjab) ซึ่งเป็นพระบุตรของนพองค์ศาสดา และได้สืบทอดพระบัลลังก์แห่งศาสดาต่อจากคุรุบิดาของพระองค์ ในวัยราว 9 ชันษา 

ส่วนชาวซิกข์อีกกลุ่มได้แอบนำร่างของพระองค์ ห่อหุ้มด้วยผืนผ้า ซ่อนระหว่างสิ่งของในรถเข็นของตน แล้วนำกลับไปบ้านของตนเพื่อทำพิธีฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ แล้วเพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยใดๆ ท่านได้จุดเพลิงและเผาทั้งบ้านเรือนของตนไปพร้อมๆ กัน เสร็จแล้วทำเป็นร้องแสดงความเสียใจที่สูญเสียทรัพย์สินไป เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัยใดๆ

ณ สถานที่นี้ คุรุกวารา ระก๊อบ คั้นชฺ ซาฮิบ (Gurdwara Rakab Ganj Sahib) ถูกสร้างขึ้น ซึ่งอยู่ในกรุงเดลี เช่นกัน

หลังจากเหตุการณ์นี้ กฎเหล็กถูกยกเลิกไป

หลังจากเหตุการณ์นี้ ทศมองค์ศาสดาทรงได้เริ่มการฝึกฝนให้ชาวซิกข์เป็นนักรบอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อความพร้อมในการเผชิญกับทุกสถานการณ์ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น 

ทรงได้พระอักษรเหตุการณ์ การสละชีพของนพองค์ศาสดาไว้เช่นนี้:

“พระองค์ ทรงได้รักษาเครื่องดิหลก และ สายธุรำ (ของพราหมณ์) ไว้ ซึ่งได้กลายมาเป็นนิยายตำนานในยุคเหล็กนี้

เพื่อเหล่าสาธุชน ทรงได้ถวายศีรษะของพระองค์ โดยมิได้ออกเสียงร้องแม้แต่นิดเดียว ||13||

เพื่อพิทักษ์ธรรม ทรงได้กระทำเช่นนี้
ทรงสละศีรษะ (ชีพ) ของพระองค์
แต่มิได้จำนนศิระ (ศาสนา) ของพระองค์ 

เหล่าชนของพระองค์ ย่อมอับอายและหลีกเลี่ยง 
ละครในการประกอบพิธีกรรมหลอกลวงต่างๆ ||14||

 โทฮรา ||

ทุบเศษหม้อแตก [สรีระของตน] บนศิระของกรุงเดลี แล้วสวรรคตไป
ไม่เคยมีใครกระทำเหมือน เตฆ บฮาเดอร์ มาก่อน ||15||

ทั้งโลกโศกเศร้าด้วยการจากไปของ เตฆ บฮาเดอร์ 

ในขณะที่โลกตรมใจอยู่นั้น สุรโลกประกาศชโย ||16||”

- ศรีคุรุ โควินท์ ราอี ซาฮิบ

————————-

กวี เสนาปตี (Sainapati) ชาวซิกข์ร่วมสมัย ทศมองค์ศาสดา ศรีคุรู โควินท์ ราอี ได้ขนานพระฉายา “ผ้าห่มแห่งชัค (ผู้ปกคลุมทั้งโลก)” (Jagat di Chaddhar) แก่นพองค์ศาสดา ส่วนชาวอินเดียได้ขนานพระฉายา “ผ้าห่มแห่งฮินด์ (ผู้ปกคลุมฮินดูสถาน)” (Hind di Chaddhar) ให้แก่พระองค์ 

——————-

สิทธิเสรีในการนับถือศาสนา ในสิ่งศรัทธา ล้วนเป็นของทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่าง ความหลากหลาย ล้วนเกิดขึ้นในพระประสงค์ของเอกพระผู้เป็นเจ้า ทั้งสิ้น ผู้ทรงสวมเล่นทุกบทบาท ผู้ทรงเป็นชีวิตของทุกชีวิต ละครโลกแห่งมายาและดุนยา ล้วนเป็นของพระองค์ ผู้ทรงดำรงและบงการอย่างไร้ความกังวล ไร้ความโกรธ ไร้ความเกรงกลัว ไร้ความเกลียดชัง ไร้ความเป็นปรปักษ์  ไร้ความอิจฉาริษยา เพราะ ในที่สุด ก็มีแต่ความเป็น เอกะ ของพระองค์ เท่านั้น

กฏเหล็ก ไม่สามารถบังคับให้ใครจงรักภักดีต่อพระองค์ได้ 

หากพระองค์ประสงค์ให้เอกภักดิ์ต่อพระองค์ ก็จะเป็นเช่นนั้น แม้จะนับถือศาสนาใดหรือไหม่

หากทรงประสงค์ให้เตร็ดเตร่อยู่ในความสงสัย ในความเขลา ก็จะเป็นเช่นนั้น แม่จะนับถือในนามศาสนาใดอยู่ก็ตาม

———————————-

รูปที่ 1 จิตรภาพของนพองค์ศาสดาในสมัยของพระองค์เอง

รูปที่ 2 ชาวพราหมณ์จากแคชเมียร์ได้เข้าขอความช่วยเหลือจาก นพองค์ศาสดา 

รูปที่ 3, 4 และ 5 ชะฮีด หรือ การถูกสังหารของชาวซิกข์ทั้ง 3 ภาอี มติทาส (Bhai Mati Das Ji) ผู้ซึ่งถูกเลื่อยเป็นสอง, ภาอี สติทาส (Bhai Sati Das Ji) ผู้ซึ่งถูกห่มด้วยฝ้ายและเผาเป็นๆ และ ภาอี ทยาล ทาส (Bhai Dyal Das Ji) ผู้ซึ่งถูกต้มในหม้อน้ำมัน ล้วนจากการไม่ยอมจำนนต่อความอธรรม

รูปที่ 6 การสละชีพของ ศรีคุรุ เตฆ บฮาเดอร์ ซาฮิบ

รูปที่ 7 การนำเศียรของนพองค์ศาสดามาถวายแก่ทศมองค์ศาสดา

รูปที่ 8 การแอบนำพระศพของพระองค์ เพื่อไปประกอบงานฌาปนกิจอย่างสมเกียรติ

รูปที่ 9 คุรุดวารา ศีษะ คันช์ ซาฮิบ (Sri Gurudwara Sis Ganj Sahib) ที่แยก จันทนี จ๊อก (Chandni Chowk) ด้วยปราสาทแดง (Red Fort) ในฉากหลัง

ปักหมุด
Gurudwara Sis Ganj Sahib
+91 11 2328 5117
https://goo.gl/maps/rpmTi71KHAT1TgsE8

รูปที่ 10 คุรุดวารา ระก๊อบ คันช ซาฮิบ (Gurdwara Sri Rakab Ganj Sahib)

ปักหมุด
Gurudwara Shri Rakab Ganj Sahib
https://goo.gl/maps/7Pq9aRupYjnZfPU99

กดติดตามบนเพจ "เรื่องเล่าชาวซิกข์" บน fb ได้ครับ









แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่