ภาพประกอบนี้ใช้การเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายเพื่ออธิบายความแตกต่างของความเร็วอินเทอร์เน็ตในแต่ละยุค ตั้งแต่ 0G ไปจนถึง 5G โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ดังนี้:
0G: แสดงด้วย
หอยทากที่กำลังลากกล่องข้อมูล เปรียบได้กับยุคแรกเริ่มที่ความเร็วช้ามาก
1G: แสดงด้วย
จักรยานที่บรรทุกกล่องข้อมูล เปรียบเหมือนการเดินทางที่เริ่มเร็วขึ้น แต่ยังต้องใช้แรงและจำกัด
2G: แสดงด้วย
รถยนต์คันเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนที่ เปรียบได้กับความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สามารถรับส่งข้อความและข้อมูลขนาดเล็กได้
3G: แสดงด้วย
รถเก๋งที่วิ่งบนถนน เปรียบได้กับยุคที่เริ่มมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การเปิดเว็บไซต์
4G: แสดงด้วย
รถสปอร์ตที่กำลังพุ่งทะยาน เปรียบได้กับความเร็วที่สูงมาก ทำให้การสตรีมวิดีโอหรือการใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นไปอย่างราบรื่น
5G: แสดงด้วย
จรวดที่พุ่งออกจากปล่องข้อมูล เปรียบได้กับความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่าทุกยุคที่ผ่านมา ทำให้สามารถส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต
ความแตกต่างของเครือข่ายอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ 0G ถึง 5G คือ ความเร็วที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ความหน่วงที่ลดลงอย่างมาก และความสามารถในการรองรับอุปกรณ์ได้มากขึ้น โดย 5G ให้ความเร็วในการดาวน์โหลดที่สูงสุดถึง 10 Gbps (เร็วกว่า 4G ถึง 10 เท่า) และมีความหน่วง (Latency) ที่ต่ำมาก ทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างราบรื่นและรองรับเทคโนโลยีอย่าง Internet of Things (IoT) ได้อย่างเต็มรูปแบบ
ภาพรวมการพัฒนาเครือข่าย (0G ถึง 5G)
0G:
เครือข่ายยุคแรกเริ่ม ยังไม่มีการสื่อสารที่แท้จริง ไม่มีความเร็ว
1G:
การสื่อสารไร้สายยุคแรก เน้นการโทรด้วยเสียง
2G:
เพิ่มความสามารถในการส่งข้อความ SMS และการสื่อสารข้อมูลพื้นฐาน
3G:
เริ่มมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือ ความเร็วอยู่ที่ประมาณ 200 Kbps ถึง 2 Mbps
4G LTE:
เน้นการสตรีมวิดีโอและการใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น ความเร็วทั่วไปประมาณ 100 Mbps
5G:
เป็นเทคโนโลยีรุ่นล่าสุดที่ให้ความเร็วสูงมาก (สูงสุด 10 Gbps) และความหน่วงต่ำมาก เหมาะสำหรับการสตรีม 4K/8K, การเล่นเกม, และแอปพลิเคชัน IoT
ความแตกต่างหลักระหว่าง 4G และ 5G
ความเร็ว:
5G เร็วกว่า 4G อย่างเห็นได้ชัด สามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้ในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และดูวิดีโอความละเอียดสูงได้โดยไม่กระตุก
ความหน่วง (Latency):
5G มีความหน่วงต่ำมาก (อาจต่ำถึง 1 ms) ทำให้การตอบสนองของแอปพลิเคชันต่างๆ เช่น เกมออนไลน์ หรือการควบคุมอุปกรณ์ IoT เป็นไปอย่างทันท่วงที
การรองรับอุปกรณ์:
5G ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับอุปกรณ์จำนวนมหาศาลในเวลาเดียวกัน ทำให้เหมาะสำหรับยุคของ Internet of Things (IoT) ที่ทุกสิ่งเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้
แบนด์วิดท์ (Bandwidth):
5G ใช้คลื่นความถี่ที่สูงกว่า และมีความกว้างของคลื่น (แบนด์วิดท์) ที่มากกว่า ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้ในปริมาณที่สูงกว่า
เปรียบเทียบ ความเร็วเน็ต 0G ถึง 5G ต่างกันยังไง
ภาพประกอบนี้ใช้การเปรียบเทียบที่เข้าใจง่ายเพื่ออธิบายความแตกต่างของความเร็วอินเทอร์เน็ตในแต่ละยุค ตั้งแต่ 0G ไปจนถึง 5G โดยเรียงลำดับจากซ้ายไปขวา ดังนี้:
0G: แสดงด้วยหอยทากที่กำลังลากกล่องข้อมูล เปรียบได้กับยุคแรกเริ่มที่ความเร็วช้ามาก
1G: แสดงด้วยจักรยานที่บรรทุกกล่องข้อมูล เปรียบเหมือนการเดินทางที่เริ่มเร็วขึ้น แต่ยังต้องใช้แรงและจำกัด
2G: แสดงด้วยรถยนต์คันเล็กๆ ที่กำลังเคลื่อนที่ เปรียบได้กับความเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ทำให้สามารถรับส่งข้อความและข้อมูลขนาดเล็กได้
3G: แสดงด้วยรถเก๋งที่วิ่งบนถนน เปรียบได้กับยุคที่เริ่มมีการใช้งานอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การเปิดเว็บไซต์
4G: แสดงด้วยรถสปอร์ตที่กำลังพุ่งทะยาน เปรียบได้กับความเร็วที่สูงมาก ทำให้การสตรีมวิดีโอหรือการใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นไปอย่างราบรื่น
5G: แสดงด้วยจรวดที่พุ่งออกจากปล่องข้อมูล เปรียบได้กับความเร็วสูงสุดที่เหนือกว่าทุกยุคที่ผ่านมา ทำให้สามารถส่งข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต