“สนั่น อังอุบลกุล ประธานอาวุโส หอการค้าไทย” ชำแหละ “เวียดนาม–ไทย” คู่ค้า-คู่แข่งสำคัญบนเวทีโลก ศึกภาษีทรัมป์ไทยเสียเปรียบ

ไทย–เวียดนามสัมพันธ์แน่นแฟ้นทั้งด้านการค้าและการลงทุน ขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งกันบนเวทีโลก โดยเวียดนามมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนและข้อตกลงการค้าเสรีมากกว่าไทย ส่งผลให้ไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
เวียดนามเป็นทั้งคู่ค้าและฐานลงทุนสำคัญของไทย
ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของเวียดนามในอาเซียน โดยมีเป้าหมายการค้าร่วมกันที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 แม้จะล่าช้าจากผลกระทบโควิดและสงครามการค้า ภาคธุรกิจไทยลงทุนในเวียดนามแล้วกว่า 763 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 14,756 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด ค้าปลีก และเกษตรกรรม
จุดแข็งของเวียดนามดึงดูด FDI ได้มากกว่าไทย
เวียดนามได้เปรียบไทยในหลายด้าน เช่น ค่าแรงต่ำกว่า ประชากรวัยทำงานจำนวนมาก โครงสร้างพื้นฐานพัฒนาเร็ว และมีตลาดภายในประเทศที่เติบโตเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความคล่องตัวด้านนโยบาย และมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทยเฉลี่ย 5-10% จึงเป็นจุดหมายหลักของนักลงทุนจากทั่วโลก
ไทยต้องเร่งปรับตัวสู้เวียดนามในเวทีการค้าโลก
ไทยและเวียดนามแข่งกันในหลายสินค้า เช่น ทุเรียน เสื้อผ้า และปิโตรเคมี โดยเวียดนามได้เปรียบจากการมี FTA กับ 60 ประเทศ ขณะที่ไทยมีเพียง 23 ประเทศ ล่าสุด แม้อัตราภาษีส่งออกของไทยไปสหรัฐจะต่างจากเวียดนามเพียง 1% แต่เวียดนามยังได้เปรียบด้านต้นทุนและโลจิสติกส์ สนั่นแนะไทยเร่งทำ FTA กับอียู ป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์ และขยายตลาดส่งออกใหม่เพื่อคงความสามารถแข่งขันบนเวทีโลก
ส่วนนักลงทุนต่างชาติ 10 อันดับแรกในเวียดนาม (ข้อมูลล่าสุด ณ ปี 2567) ได้แก่
1.เกาหลีใต้ มูลค่าลงทุน 92 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
2.สิงคโปร์ 83.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
3. ญี่ปุ่น 77.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
4.จีน 30.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
5.หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน 23.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
6.เนเธอร์แลนด์ 15 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
7.ไทย 14.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
8.มาเลเซีย 13 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
9.สหรัฐอเมริกา 11.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
10.รัฐเอกราชซามัว 11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/636082?fbclid=IwY2xjawMiMkxleHRuA2FlbQIxMABicmlkETFNQzhLZjlGMjJmaGM1S1lmAR6Uqr08NFexwcHi7IJcHOTEEkhhrWd3nGa7m6qZlqStEwhWme38T3pn4qbJoA_aem_hizMmo6rKKjLnED7YJFuvA
นักลงทุนต่างชาติ ในเวียดนาม 10 อันดับแรก ปี 2567
ไทย–เวียดนามสัมพันธ์แน่นแฟ้นทั้งด้านการค้าและการลงทุน ขณะเดียวกันก็เป็นคู่แข่งกันบนเวทีโลก โดยเวียดนามมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนและข้อตกลงการค้าเสรีมากกว่าไทย ส่งผลให้ไทยต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน
เวียดนามเป็นทั้งคู่ค้าและฐานลงทุนสำคัญของไทย
ไทยเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุดของเวียดนามในอาเซียน โดยมีเป้าหมายการค้าร่วมกันที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2568 แม้จะล่าช้าจากผลกระทบโควิดและสงครามการค้า ภาคธุรกิจไทยลงทุนในเวียดนามแล้วกว่า 763 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 14,756 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น พลังงานสะอาด ค้าปลีก และเกษตรกรรม
จุดแข็งของเวียดนามดึงดูด FDI ได้มากกว่าไทย
เวียดนามได้เปรียบไทยในหลายด้าน เช่น ค่าแรงต่ำกว่า ประชากรวัยทำงานจำนวนมาก โครงสร้างพื้นฐานพัฒนาเร็ว และมีตลาดภายในประเทศที่เติบโตเร็ว นอกจากนี้ เวียดนามยังมีความคล่องตัวด้านนโยบาย และมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าไทยเฉลี่ย 5-10% จึงเป็นจุดหมายหลักของนักลงทุนจากทั่วโลก
ไทยต้องเร่งปรับตัวสู้เวียดนามในเวทีการค้าโลก
ไทยและเวียดนามแข่งกันในหลายสินค้า เช่น ทุเรียน เสื้อผ้า และปิโตรเคมี โดยเวียดนามได้เปรียบจากการมี FTA กับ 60 ประเทศ ขณะที่ไทยมีเพียง 23 ประเทศ ล่าสุด แม้อัตราภาษีส่งออกของไทยไปสหรัฐจะต่างจากเวียดนามเพียง 1% แต่เวียดนามยังได้เปรียบด้านต้นทุนและโลจิสติกส์ สนั่นแนะไทยเร่งทำ FTA กับอียู ป้องกันสินค้าสวมสิทธิ์ และขยายตลาดส่งออกใหม่เพื่อคงความสามารถแข่งขันบนเวทีโลก