JJNY : หมดศรัทธาทั้งการเมือง-ศาสนา│วุฒิสภาชี้ทำเสียเปรียบกัมพูชา│ผู้เลี้ยงโคอ่วม อ.ส.ค.ติดหนี้พันล.│เขมรปัดไทยกล่าวหา

สวนดุสิตโพลชี้คนไทย 93% มอง “โกง” รุนแรง! หมดศรัทธาทั้งการเมือง-ศาสนา
https://www.dailynews.co.th/news/5046432/
.
.
สวนดุสิตโพลเผยผลสำรวจล่าสุด ชี้ประชาชนส่วนใหญ่มองว่าปัญหาการทุจริตในสังคมไทยรุนแรงถึงขีดสุด ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้กระทำผิด กังวลที่สุดเรื่องงบประมาณภาครัฐ และชี้การทุจริตได้ลามไปถึงวงการศาสนา สะท้อนถึงความสิ้นหวังของประชาชนต่อทุกสถาบันในสังคม
.
เมื่อวันที่ 24  ส.ค.“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,163 คน ระหว่างวันที่ 19-22 สิงหาคม 2568 ในประเด็น “การทุจริตในสังคมไทย ณ วันนี้” เพื่อสะท้อนมุมมองและความรู้สึกของประชาชนต่อปัญหานี้
.
จากการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ถึง ร้อยละ 93.47 มองว่าปัญหาการทุจริตในปัจจุบันมีความรุนแรงมาก และ ร้อยละ 78.50 ไม่เชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบและลงโทษผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีความกังวลเกี่ยวกับการทุจริตด้านงบประมาณภาครัฐมากที่สุด (ร้อยละ 86.93) และมองว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ (ร้อยละ 68.96)
.
นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล กล่าวว่า ผลสำรวจนี้สะท้อนว่าปัญหาการทุจริตยังคงเป็น “เงามืด” ที่ปกคลุมสังคมไทย แม้แต่ศาสนาซึ่งเคยเป็นที่พึ่งทางใจก็ยังไม่พ้นข้อครหาเรื่องการทุจริต หากปล่อยให้ปัญหายืดเยื้ออาจกลายเป็นแรงกดดันที่สั่นคลอนรัฐบาลได้
.
ด้านอาจารย์ ดร.งามประวัณ เอ้สมนึก อาจารย์ประจำหลักสูตรนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวเสริมว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุดจากผลสำรวจคือ ร้อยละ 69.48 ของประชาชนแสดงความกังวลต่อ “การทุจริตในแวดวงศาสนาและมูลนิธิ” ซึ่งเป็นสถาบันที่ควรเป็นศูนย์รวมทางศีลธรรม การที่สถาบันเหล่านี้ยังไม่อาจรอดพ้นจากข้อครหาการทุจริต ย่อมสะท้อนว่า “การทุจริตได้หยั่งรากลึกในทุกหย่อมหญ้า” และนำมาซึ่งความสิ้นหวังที่ประชาชนเริ่มมีต่อทุกสถาบันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นรัฐ, การเมือง หรือแม้แต่ศาสนา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอนาคตของประเทศอย่างรุนแรง
.

.
วุฒิสภา ชงญัตติ ตั้งกมธ.ศึกษา ยกเลิกMOU43 และ 44 ชี้ ทำไทยเสียเปรียบกัมพูชาทั้งบนบก-ทะเล\
https://www.matichon.co.th/politics/news_5337105
.
’วุฒิสภา‘ ชงญัตติตั้งกมธ.ศึกษาการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 ชี้ ทำไทยเสียเปรียบกัมพูชาทั้งบนบก-ทะเล
.
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้ออกหนังสือนัดประชุมวุฒิสภา ในวันที่ 25-26 สิงหาคม ทั้งนี้ มีวาระพิจารณาที่น่าสนใจ ในวันที่ 26 สิงหาคม คือญัตติให้วุฒิสภาพิจารณาตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544 เพื่อแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เสนอโดย พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา สว. และคณะ
.
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับสาระสำคัญที่ พล.อ.สวัสดิ์ เสนอญัตติดังกล่าวนั้น เพือเป็นการแก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมมพูชา และสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนไทยอย่างยั่งยืน พร้อมระบุในสาระสำคัญตอนหนึ่งว่า การปะทะระหว่างกองทัพไทยและกองทัพกัมพูชาตามแนวชายแดนหลายพื้นที่ เพราะยึดถือแผนที่ที่มีมาตราส่วนต่างกัน ทั้งนี้ รัฐบาลไทยปัจจุบันควรยืนยันกับกัมพูชาให้เข้าใจว่าไทยไม่ยอมรับแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน แต่เมื่อปี 2543 รัฐบาลยุคนั้นได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชาว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก หรือเอ็มโอยู 2543 ซึ่งมีสาระสำคัญในข้อ 1 ว่า ไทยกับกัมพูชาจะร่วมกันสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกให้เป็นไปตามเอกสาร 3 ราการ โดยรายการที่ 3 คือ แผนที่ที่จัดทำขึ้นตามข้อตกลงของคณะกรรมการปักปันเขตแดนสยามกับอินโอจีนของฝรั่งเศสปี 2447 และ 2450 คือแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน และผู้นำกัมพูชายืนยันยึดแผนที่ดังกล่าวตลอด
.
หากรัฐบาลมีความจริงใจไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน จริง และเพื่อให้การสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตของทหารของไทยในการยืนหยัดพิทักษ์อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนตามแนวปฏิบัติการ 1 ต่อ 5 หมื่น เป็นไปอย่างมีคุณค่าสูงสุดรัฐบาลต้องพิจารณายกเลิกเอ็มโอยู 2543 ที่กัมพูชาเคารพเอ็มโอยู 2543 เพียงข้อ 1 ที่ให้สำรจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกเป็นไปตามแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเท่านั้น ส่วนข้ออื่นที่สำคัญ คือข้อ 5 และข้อ 8 กัมพูชาละเมิดแล้ว การคงข้อตกลงที่ฝ่ายหนึ่งจงใจไม่ปฏิบัติตามอย่างชัดแจ้งหามีประโยชน์ไม่
.
นอกจากนี้ ไทยกับกัมพูชามีข้อพิพาทพื้นที่ทับซ้อนทางทเะล จึงได้ทำเอ็มโอยู 2544 เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปักปันเขตแดนว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเลไทย-กัมพูชา โดยเส้นเขตไหล่ทวีของไทยมีเส้นนเดียวคือ เส้นตามประกาศพระบรมราชโองการในวันที่ 29 พฤษภาคม 2516 แลละยืนหยัดพิทักษ์ปกป้องโดยทุกวิถีทางมา 29 ปี แต่นับจากที่ได้ลงนามเอ็มโอยู 2544 คือวันที่ 18 มิถุนายน 2544 เท่ากับไทยยอมรรับการคงอยู่ของเส้นไหล่ทวี ค.ศ.1972 ทำให้เส้นเขตไหล่ทวีปถูกแปรเป็นนสอง และเกิดพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน 2.6 หมื่น ตร.กม.
.
ไม่ว่าผลการแบ่งเขตแดนเป็นอย่างไร ไทยต้องเสียงทั้งเขตแดนและผลประโยชน์ ซึ่งสารัตถุในเอ็มโอยู 2544 เป็นคุณต่อกัมพูชามากกว่าไทยในพื้นที่ทั้ง 2 ส่วนของข้อตกลง คือส่วนบนละติจูด 11 องศาเหนือ และส่วนล่างเส้นละติจูด 11 องศาเหนือ เท่ากับกัมพูชาได้รับผลกระโยชน์ในส่วนที่ไม่ควรได้รับหรือทำให้ไทยไม่ได้รับประโยชน์ในส่วนที่ควรได้รับ ดังนั้น รัฐบาลควรยกเลิกเอ็มโอยู 2544 เช่นเดียวกัน แต่การยกเลิกนั้นเป็นความซับซ้อนและละเอียดอ่อน จึงสมควรที่วุฒิสภาจะตั้งกมธ.ศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิกเอ็มโอยูทั้งสองฉบับ
.

.
ผู้เลี้ยงโคอ่วม อ.ส.ค.ติดหนี้พันล้าน ต้องขายวัวพยุงฟาร์ม
.
อ.ส.ค. ติดหนี้พันล้าน เกษตรกรโคนมโคราชระทม ต้องขายวัวพยุงฟาร์ม วิกฤตนมครั้งใหญ่ ส่วนหนึ่งมาจาก FTA นำเข้านมผงภาษี 0% ตั้งแต่ต้นปี ก.เกษตรฯ รับปากเร่งเยียวยา เสนอขยายนมโรงเรียนถึงชั้น ม.ต้น
.
วันนี้ (24 ส.ค.68) ที่ห้องประชุมสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา สมาชิกสหกรณ์โคนมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ.สูงเนิน อ.สีคิ้ว และ อ.ปากช่อง กว่า 200 คน เดินทางมาประชุมร่วมกับตัวแทนภาครัฐ และคณะทำงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหารือแนวทางในการแก้ไขปัญหาเงินค้างจ่ายจากองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย หรือ อ.ส.ค. ที่ยืดเยื้อมานานกว่า 5 เดือน มูลค่าเงินค้างจ่ายมากกว่า 1,000 ล้านบาท
.
นางสมคิด เจือจันทึก สมาชิกสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค สูงเนิน กล่าวว่า ขณะนี้ตนและเพื่อนเกษตรกรลำบากมาก อ.ส.ค. ติดหนี้มานาน 5-6 เดือน บางฟาร์มต้องขายวัวนมเพื่อพยุงฟาร์ม ฟาร์มของตนเองก็ต้องขายวัวเพื่อนำเงินมาใช้จ่าย บางฟาร์มก็ต้องไปกู้หนี้นอกระบบ ตนมองว่าสถานการณ์นี้เป็นเรื่องผิดปกติ เพราะไม่เคยมีรัฐวิสาหกิจไหนที่เป็นหนี้เกษตรกร มีแต่เกษตรกรที่เป็นหนี้สถาบันการเงิน หนี้สินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเมื่อเดือนมีนาคมเพียง 200 กว่าล้านบาท มาเป็นพันล้านบาทในเวลา 4-5 เดือน
.
ที่ผ่านมา ไม่เคยเห็น อ.ส.ค. ออกมาชี้แจงให้เกษตรกรทราบเลยว่าดำเนินการอะไรไปถึงไหนแล้ว จะเปลี่ยนนมเป็นเงินให้ได้เมื่อไหร่ อีกทั้งฝ่ายการตลาดก็ไม่มีประสิทธิภาพ ไปดูตามชั้นวางสินค้า จะเห็นนมยี่ห้ออื่นวางอยู่จำนวนมาก แต่ของ อ.ส.ค. มีเพียง 2 กล่อง และยังนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาจัดโปรโมชัน 1 แถม 1 ซึ่งไม่ใช่วิธีการขายที่ถูกต้อง ทั้งที่จริงแล้วนมของ อ.ส.ค. เป็นนมที่มีคุณภาพและอร่อยมากทุกรสชาติ จึงอยากวิงวอนให้คนไทยช่วยกันดื่มนม อ.ส.ค. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
.
นายสมาน เหล็งหวาน ประธานสหกรณ์โคนมไทย-เดนมาร์ค ปากช่อง กล่าวว่า ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี ที่ก่อตั้งองค์กรตั้งแต่ปี 2505 ตนไม่เคยเจอวิกฤตแบบนี้มาก่อน เฉพาะยอดค้างจ่ายจาก อ.ส.ค. ที่ตอนนี้แตะระดับพันล้านบาท พวกตนในฐานะผู้บริหารสหกรณ์ได้กู้เงินจากทุกแหล่งจนหมดแล้ว คาดว่าในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ สหกรณ์จะไม่มีเงินจ่ายให้กับสมาชิกเกษตรกร
.
แม้รัฐบาลจะออกมาตรการเงินกู้ 200 ล้านบาทมาช่วย แต่ก็ไม่เพียงพอต่อการเยียวยา เพราะต้องกระจายไปทั้ง 4 ภาคทั่วประเทศ พวกตนพยายามร้องเรียนไปยังทุกหน่วยงานตั้งแต่ระดับจังหวัดจนถึงทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภา แต่ก็ได้รับเพียงคำตอบว่าจะดูแลให้ และกลับมามือเปล่าทุกครั้ง
.
นายอาทร ชัยยันต์ สหกรณ์จังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเดินทางมาเพื่อให้กำลังใจพี่น้องเกษตรกร และยืนยันว่าภาคราชการไม่ได้ทอดทิ้ง สำหรับจังหวัดนครราชสีมา มีสหกรณ์ 7 แห่งที่ประสบปัญหาเงินค้างจ่ายรวมเกือบ 300 ล้านบาท และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะ อ.ส.ค. จ่ายเงินน้อยมาก ในการแก้ปัญหาระยะสั้น ได้มีการอนุมัติเงินจากกองทุนพัฒนาสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ จำนวน 26 ล้านบาท เพื่อเยียวยาสหกรณ์ทั้ง 7 แห่ง ซึ่งแม้จะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็ช่วยเพิ่มสภาพคล่องได้ระดับหนึ่ง
.
ยอมรับว่านี่เป็นการแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น เพราะ อ.ส.ค. ถือเป็นปัจจัยภายนอกที่ทางจังหวัดไม่สามารถเข้าไปดูแลได้โดยตรง ส่วนการแก้ปัญหาระยะยาวนั้น คงต้องให้ อ.ส.ค. เข้าสู่กระบวนการแผนกิจการและปรับปรุงกระบวนการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหกรณ์ต้นทางไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก ในขณะเดียวกัน สหกรณ์เองก็พยายามหาแหล่งจำหน่ายเพิ่มเติมเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
.
นายมารุต ชุ่มขุนทด คณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า วิกฤตินมครั้งใหญ่นี้เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยภายนอกเรื่องข้อตกลง FTA ที่ทำให้มีการนำเข้านมผงราคาถูกเข้ามาตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันไปใช้นมผงแทนน้ำนมดิบในประเทศ และปัจจัยภายในประเทศที่จำนวนประชากรเด็กลดลงและสังคมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้การบริโภคนมลดลง ขณะที่ อ.ส.ค. ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายให้รับซื้อน้ำนมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร กลับมีความไม่คล่องตัวสูงและมีความสามารถในการระบายสต็อกนมอย่างจำกัด
.
นอกจากนี้ ยังมีความเข้าใจผิดว่านมโรงเรียนมีคุณภาพต่ำ ทั้งที่ความจริงแล้วนมโรงเรียนมีคุณภาพสูงมาก หรือที่เรียกว่า "สเปคเทพ" ซึ่งสูงกว่านมเชิงพาณิชย์ด้วยซ้ำ สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาระยะยาวนั้น คือการสร้างอุปสงค์ใหม่ขึ้นมาเพื่อสร้างสมดุล โดยมีข้อเสนอให้ขยายโครงการนมโรงเรียนให้เด็กอนุบาลและประถมได้ดื่มนม 365 วันต่อปี และขยายไปยังกลุ่มนักเรียนมัธยมต้นซึ่งเป็นวัยเจริญเติบโต พร้อมกันนี้ต้องสร้างความภาคภูมิใจและรณรงค์ให้คนไทยหันมาบริโภคนมไทย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่