เตือน 5 ผลไม้ "ยิ่งกินยิ่งร้อน" เสี่ยงนอนไม่หลับ แถมปวดข้อ ชื่อแรกน่าแปลกใจสุด!



แดดแรงอย่าชะล่าใจ! ห้ามกินผลไม้ 5 ชนิดนี้ช่วงอากาศร้อนจัด ยิ่งกิน ยิ่งร้อน เสี่ยงนอนไม่หลับ–ปวดข้อ
ในช่วงหน้าร้อน โดยเฉพาะวันที่อากาศร้อนจัด ร่างกายของเรามักเรียกร้องความเย็นสดชื่น หลายคนเลือกใช้ผลไม้ฉ่ำน้ำเป็นตัวช่วยคลายร้อน แต่รู้หรือไม่ว่า ไม่ใช่ผลไม้ทุกชนิดที่เหมาะกับอากาศร้อน? บางชนิดแม้จะอร่อย แต่ถ้ากินผิดเวลา หรือกินมากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการร้อนใน เกิดความชื้นสะสม เกิดผื่น อ่อนเพลีย ท้องเสีย หรือแม้แต่นอนไม่หลับ
ต่อไปนี้คือ 5 ผลไม้ ที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงอากาศร้อนจัด ตามหลักโภชนาการและแพทย์แผนจีน
 แตงโม
แตงโมขึ้นชื่อว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้คลายร้อน” แต่ตามตำรายาจีน (本草纲目 ) ระบุว่าแตงโมมีฤทธิ์เย็นจัด หากกินมากเกินไปจะทำให้ม้ามและกระเพาะอาหารอ่อนแอ โดยในวันที่ร้อนจัด พลังหยางในร่างกายจะอ่อนแอลง การดื่มน้ำเย็นจัดจากแตงโมก็เหมือนสาดน้ำดับไฟ ทำให้เกิดอาการท้องเสีย เบื่ออาหาร แน่นท้อง เหนื่อยล้า และอาจทำให้ข้อปวดหรือลิ้นเป็นฝ้า โดยเฉพาะหากกินแตงโมแช่เย็นหรือใส่น้ำแข็ง
คำแนะนำ : กินแตงโมในอุณหภูมิห้อง ไม่ควรเกิน 2 ชิ้นต่อครั้ง ห้ามกินตอนท้องว่างหรือหลังเหงื่อออกมากๆ
ลิ้นจี่
แม้ลิ้นจี่จะหวานหอม แต่จัดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อนสูง กินมากจะทำให้ร้อนใน เช่น เป็นแผลในปาก เจ็บคอ มีไข้ เป็นสิว หรือท้องเสีย ที่แย่กว่านั้นคือ หากกินตอนท้องว่าง บางคนอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำอย่างเฉียบพลัน ทำให้หน้ามืด อ่อนแรง เหงื่อออกมาก
คำแนะนำ : คนที่มีอาการร้อนในหรือร่างกายอ่อนเพลีย ควรหลีกเลี่ยงลิ้นจี่ หรือกินไม่เกิน 10 ลูกต่อวัน และอย่ากินตอนท้องว่าง
มะม่วง
มะม่วงมีรสหวานอมเปรี้ยว เป็นที่ชื่นชอบในฤดูร้อน แต่สำหรับคนบางกลุ่ม มะม่วงอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ เช่น ผื่นแพ้ ผิวหนังอักเสบ โดยเฉพาะจากสาร urushiol ที่พบในน้ำมะม่วง นอกจากนี้ มะม่วงยังย่อยยาก ทำให้ท้องอืด ขับเสมหะ และหนักระบบย่อยอาหาร โดยเฉพาะคนที่ลิ้นเป็นฝ้า อุจจาระมัน
คำแนะนำ : ผู้ที่มีประวัติแพ้ หรือระบบย่อยไม่ดี ควรจำกัดการกินมะม่วง และควรกินหลังมื้ออาหารพร้อมกับของเบาๆ เช่น น้ำชา หรือซุปผัก
ลำไย 
ในแพทย์แผนจีน ลำไยถือเป็นยาบำรุงเลือด บำรุงประสาท ช่วยให้หลับง่าย แต่ในวันที่อากาศร้อนจัด การกินลำไยจะยิ่งทำให้ร้อนใน นอนไม่หลับ ใจสั่น อึดอัด โดยเฉพาะหากกินตอนกลางคืน ยิ่งไปกว่านั้น ลำไยมีปริมาณน้ำตาลสูง (เกิน 20%) ผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยเบาหวานยิ่งควรหลีกเลี่ยง
คำแนะนำ : หากจะกินลำไย ควรกินตอนเช้าและกินพร้อมของเย็น เช่น น้ำถั่วเขียว หรือข้าวต้มธัญพืช โดยจำกัดที่ 5–6 ลูกต่อวัน
ทุเรียน
แม้จะอร่อย หอม มัน และมีสารอาหารสูง ทุเรียนก็มีฤทธิ์ร้อนสูงมาก การกินทุเรียนในช่วงอากาศร้อนแรง เหมือนเติมน้ำมันในกองไฟ โดยเฉพาะผู้ที่มี “ธาตุร้อน” อยู่แล้ว เช่น ผิวมัน เป็นสิว ปากเหม็น หรือท้องผูก ยิ่งมีความเสี่ยงเกิดผื่น ร้อนใน หรือปวดท้อง อีกทั้งบางคนเชื่อว่าการกินทุเรียนคู่กับมังคุดจะช่วย “สมดุลร้อนเย็น” แต่ในความเป็นจริง ทั้งสองชนิดมีน้ำตาลสูง อาจเพิ่มภาระต่อระบบย่อย
คำแนะนำ : ถ้าอยากกินทุเรียน ควรกินในตอนเช้าและกินในปริมาณน้อย หลีกเลี่ยงการกินคู่กับของทอดหรือเครื่องดื่มหวาน

อากาศร้อนจัดทำให้ระบบย่อยอาหารไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น การเลือกผลไม้จึงต้องระมัดระวัง ไม่ควรเลือกเพียงเพราะ “รสอร่อย” หรือ “เย็นชื่นใจ” เพราะอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ในระยะยาว แต่ควรเลือกผลไม้เย็น (ฤทธิ์เย็น), มีน้ำเยอะ, น้ำตาลต่ำ เช่น แตงกวา, แก้วมังกร, ส้ม, ส้มโอ, ฝรั่ง, และดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อช่วยร่างกายรับมือกับอากาศร้อนอย่างปลอดภัย
ดังนั้น หากรู้สึกว่าตัวเองมีอาการ “ร้อนใน” ผื่นขึ้น หรือเหนื่อยล้าโดยไม่มีสาเหตุ ลองสำรวจว่า “คุณกินผลไม้อะไรมากไปหรือเปล่า?” เพราะของอร่อยหรือของดีๆ บางอย่าง ก็อาจกลายเป็นภัยเงียบได้เช่นกัน

https://www.sanook.com/news/9825846/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่