‘วิกฤติซึมลึก’หนักกว่าโควิดและต้มยำกุ้ง | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
.
เศรษฐกิจไทยเวลานี้ว่า “หนักแล้ว” มองไปข้างหน้า “หนักยิ่งกว่า” แม้ว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเปิดเผยตัวเลข “จีดีพี” ไตรมาส 2 ปี 2548 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเติบโตได้ถึง 2.8%
.
แต่ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในภูมิภาค แถมมองไปช่วงครึ่งหลังของปีต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า สศช.ฟันธงว่าเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวลงชัดเจนด้วย ...ถ้าย้อนกลับไปดูเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่หลุดพ้นวิกฤติโควิด เรายังไม่เคยสัมผัสคำว่า “เศรษฐกิจดี” เลย โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังเพียงราว 2% ต่อปี ขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียนโต 4-6% เราจึงรั้งท้ายกลุ่มมาตลอด ภาพนี้คือ วิกฤติโตต่ำ ซึมลึก หนักกว่าช่วงโควิด หรือแม้แต่วิกฤติต้มยำกุ้ง
.
เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย? เราตั้งคำถามนี้มานานมาก ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ นั่นเป็นเพราะเศรษฐกิจไทยเจอ “กับดัก” นานัปการ เราอยู่ในโลกอุตสาหกรรมเก่ามานาน ผลิตสินค้าที่คนใช้น้อยลงเรื่อยๆ แถมยังเผชิญกับเงินเฟ้อต่ำใกล้ระดับติดลบ ปี 2567 เงินเฟ้อขยายตัว 0.4% ขณะที่ปี 2568 คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่า 1% ภาคธุรกิจชะลอลงทุนเพราะกำลังซื้อผู้คนหดหาย ที่สำคัญผลิตสินค้ามาก็ขยับราคายาก ยังไม่นับสินค้าจีนที่ต้นทุนต่ำราคาถูกแถมคุณภาพไม่เป็นรองเข้ามาถล่มตลาดไทยยับเยิน จึงไม่แปลกที่จะเห็นธุรกิจไทยทยอยปิดตัวลง เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ก่อน และกำลังจะลามไปสู่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพิ่งออกบทวิเคราะห์ที่สะท้อนถึงความน่าเป็นห่วงอย่างมากของ “ธุรกิจขนาดเล็ก” ซึ่งมีสัญญาณว่า “หนี้เสีย” กำลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจาก NCB หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ระบุชัดว่า กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ Super Micro และ Micro กำลังเจอกับวิกฤติหนี้เสีย โดยกลุ่ม Super Micro มีหนี้เสียสูงถึง 14.8% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ Micro มีหนี้เสียราว 12.1%
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพเหล่านี้เป็นผลสะท้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่เราเผชิญมาในหลายระลอก กระทบต่อความสามารถการทำกำไรของภาคธุรกิจ โดยธุรกิจยิ่งเล็กยิ่งมีสัญญาณการเปราะบางของคุณภาพสินเชื่อที่มากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกร ระบุด้วยว่า การปรับโครงสร้างหนี้แม้จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจได้ แต่จะได้ผลก็ต่อเมื่อเข้าไปดูแลตั้งแต่ช่วงเริ่มมีสัญญาณค้างชำระ เพราะถ้าปล่อยให้กลายเป็นหนี้เสียแล้ว โอกาสรอดมีไม่ถึง 10%
.
อย่างไรก็ตามการแก้วังวนของปัญหาหนี้ ศูนย์วิจัยกสิกร มองว่า ต้องอาศัยเงื่อนไขเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ มีความสามารถทำกำไรระยะยาว ...ฟังดูเหมือนเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่ก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาทางออก และนี่เองที่ กรุงเทพธุรกิจ จะนำไปสู่เวทีสัมมนาใหญ่ Out of The Trap วันที่ 9 ต.ค. 2568 เพื่อร่วมกันหาคำตอบว่า ประเทศไทยจะหลุดพ้นกับดักเศรษฐกิจได้อย่างไร
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic
วิกิตชึมลึกหนักว่าโควิดและต้มยำกุ้ง
‘วิกฤติซึมลึก’หนักกว่าโควิดและต้มยำกุ้ง | #บทบรรณาธิการกรุงเทพธุรกิจ
.
เศรษฐกิจไทยเวลานี้ว่า “หนักแล้ว” มองไปข้างหน้า “หนักยิ่งกว่า” แม้ว่าสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะเปิดเผยตัวเลข “จีดีพี” ไตรมาส 2 ปี 2548 ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยเติบโตได้ถึง 2.8%
.
แต่ก็เป็นตัวเลขที่ต่ำสุดในภูมิภาค แถมมองไปช่วงครึ่งหลังของปีต่อเนื่องถึงต้นปีหน้า สศช.ฟันธงว่าเศรษฐกิจมีทิศทางชะลอตัวลงชัดเจนด้วย ...ถ้าย้อนกลับไปดูเศรษฐกิจไทยนับตั้งแต่หลุดพ้นวิกฤติโควิด เรายังไม่เคยสัมผัสคำว่า “เศรษฐกิจดี” เลย โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4 ปีย้อนหลังเพียงราว 2% ต่อปี ขณะที่เพื่อนบ้านอาเซียนโต 4-6% เราจึงรั้งท้ายกลุ่มมาตลอด ภาพนี้คือ วิกฤติโตต่ำ ซึมลึก หนักกว่าช่วงโควิด หรือแม้แต่วิกฤติต้มยำกุ้ง
.
เกิดอะไรขึ้นกับเศรษฐกิจไทย? เราตั้งคำถามนี้มานานมาก ยังไม่มีใครให้คำตอบที่ชัดเจนได้ นั่นเป็นเพราะเศรษฐกิจไทยเจอ “กับดัก” นานัปการ เราอยู่ในโลกอุตสาหกรรมเก่ามานาน ผลิตสินค้าที่คนใช้น้อยลงเรื่อยๆ แถมยังเผชิญกับเงินเฟ้อต่ำใกล้ระดับติดลบ ปี 2567 เงินเฟ้อขยายตัว 0.4% ขณะที่ปี 2568 คาดการณ์ว่าจะต่ำกว่า 1% ภาคธุรกิจชะลอลงทุนเพราะกำลังซื้อผู้คนหดหาย ที่สำคัญผลิตสินค้ามาก็ขยับราคายาก ยังไม่นับสินค้าจีนที่ต้นทุนต่ำราคาถูกแถมคุณภาพไม่เป็นรองเข้ามาถล่มตลาดไทยยับเยิน จึงไม่แปลกที่จะเห็นธุรกิจไทยทยอยปิดตัวลง เริ่มจากธุรกิจเล็กๆ ก่อน และกำลังจะลามไปสู่ธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ขึ้น
.
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เพิ่งออกบทวิเคราะห์ที่สะท้อนถึงความน่าเป็นห่วงอย่างมากของ “ธุรกิจขนาดเล็ก” ซึ่งมีสัญญาณว่า “หนี้เสีย” กำลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลเหล่านี้ได้มาจาก NCB หรือ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ระบุชัดว่า กลุ่มธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ Super Micro และ Micro กำลังเจอกับวิกฤติหนี้เสีย โดยกลุ่ม Super Micro มีหนี้เสียสูงถึง 14.8% ของสินเชื่อรวม ขณะที่ Micro มีหนี้เสียราว 12.1%
.
ปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพเหล่านี้เป็นผลสะท้อนจากปัญหาเศรษฐกิจที่เราเผชิญมาในหลายระลอก กระทบต่อความสามารถการทำกำไรของภาคธุรกิจ โดยธุรกิจยิ่งเล็กยิ่งมีสัญญาณการเปราะบางของคุณภาพสินเชื่อที่มากขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกร ระบุด้วยว่า การปรับโครงสร้างหนี้แม้จะช่วยฟื้นฟูธุรกิจได้ แต่จะได้ผลก็ต่อเมื่อเข้าไปดูแลตั้งแต่ช่วงเริ่มมีสัญญาณค้างชำระ เพราะถ้าปล่อยให้กลายเป็นหนี้เสียแล้ว โอกาสรอดมีไม่ถึง 10%
.
อย่างไรก็ตามการแก้วังวนของปัญหาหนี้ ศูนย์วิจัยกสิกร มองว่า ต้องอาศัยเงื่อนไขเศรษฐกิจมหภาคที่เอื้ออำนวย เพื่อช่วยให้ธุรกิจไทยแข่งขันได้ มีความสามารถทำกำไรระยะยาว ...ฟังดูเหมือนเป็นคำตอบแบบกำปั้นทุบดิน แต่ก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่สุด นี่คือโจทย์ใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันหาทางออก และนี่เองที่ กรุงเทพธุรกิจ จะนำไปสู่เวทีสัมมนาใหญ่ Out of The Trap วันที่ 9 ต.ค. 2568 เพื่อร่วมกันหาคำตอบว่า ประเทศไทยจะหลุดพ้นกับดักเศรษฐกิจได้อย่างไร
.
#กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจEconomic