วันนี้จะมาเล่าประสบการณ์แพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัดให้อ่านเล่นๆ ค่ะ
อาการเริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ช่วงนั้นเข้าป่าบ่อย และโดนเห็บกัดไปทั้งหมดสามตัว ต่างเวลา ต่างบริเวณบนร่างกาย
ปกติก็โดนเห็บกัดทุกปีแหละ ปีละตัวสองตัว แต่ไม่เคยมีปัญหา
ปีนั้นพิเศษหน่อยตรงที่ เห็บตัวสุดท้ายที่กัดส่งผลทำให้เกิดอาการคันยาวนานมากกกกก คันและแดง หายไปสักพักก็กลับมาคันอีก คันเป็นเดือนๆ จนแม่สามีเริ่มกังวลว่าจะติดเชื้อ Borrelia หรือเปล่า เราก็ใจเย็นบอกว่า ฉันสังเกตุการณ์อยู่ ผื่นมันไม่นูน ไม่ใหญ่เท่าเหรียญห้าโครน ไม่ต้องไปหาหมอหรอก จากนั้นก็ลืมๆ ไป
จำไม่ได้แน่ชัดว่าอาการเริ่มออกครั้งแรกเมื่อไหร่ น่าจะราวๆ สิงหา กันยา
อาการคือมีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งมักจะเป็นตอนกลางคืน ผื่นที่ขึ้นจะเปลี่ยนที่ไปเรื่อย ที่แขน ขา ท้อง ไรผมตรงต้นคอ หนังศีรษะ แม้แต่กีกี้ก็ไม่เว้น 😆
ผื่นที่ขึ้นจะคัน แดง ยิ่งเกายิ่งลามเป็นปื้น มักเป็นตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาก็หายไป ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ดูต่างหน้าเลย
รูปที่ถ่ายไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ผื่นจะขึ้นหลังจากกินเนื้อราวๆ 2-6 ชม. บางครั้งเลยทำให้เป็นการยากที่จะรู้ว่าผื่นที่ขึ้นเกิดจากอะไร
ตอนแรกพวกเราก็คาดเดาว่าอาจจะเป็นแมลงหวี่กัด หรืออาจแพ้ผงซักฟอก แชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ เพราะบางวันตื่นนอนมานี่ปากเจ่อมาก เราก็เปลี่ยนของใช้ในบ้านเป็นออกร์แกนิคเท่าที่ในตลาดมีขาย แต่ผื่นก็ยังไม่หาย
นอกจากผื่นแล้ว บางวันมีอาการปวดท้องด้วย ปวดแบบบิดๆ ก็คิดว่าท้องผูกเพราะปวดแล้วเข้าห้องน้ำแต่ปลดทุกข์ไม่ออก ก็ซื้อยาเหน็บมาช่วย อาการก็ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ วันดีคืนดีท้องเสียอีก
ช่วงนั้นกินเห็ดบ่อยด้วย บางทีก็แอบสยองตัวเองว่าเก็บเห็ดพิษปนมาบ้างหรือป่าวว๊า หรืออาจจะท้องเสาะเพราะกินหน่อไม้ คิดไปสารพัด
มีอยู่คืนนึงปวดท้องมากจนคิดว่าจะขาดใจตาย เป็น คืนวันอาทิตย์ ตีสองตีสามได้ ปวดจนคิดว่าจะขับรถไปฉุกเฉินเอง เพราะไม่อยากปลุกสามี วันจันทร์เขาต้องไปทำงาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป กลัวอาการกำเริบระหว่างทาง กลัวเป็นลมในรถ
ก็นอนทำสมาธิหายใจเข้าออกลึกๆ จนหลับไป ตื่นเช้ามาก็หาย นึกว่าเป็นกระเพาะอักเสบ ยังคุยกับพี่สาวว่าจะหาซื้อแอนตาซินมาติดบ้านไว้บ้างแล้ว
จากนั้นเหมือนอาการจะแย่ลง ผื่นขึ้นมากกว่าปกติ กลางคืนไม่ได้หลับได้นอน เลยชักเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะเป็นลมพิษ เลยค้นข้อมูลโดยสามีช่วยดูด้วย
เมื่อประมวลอาการทั้งหมดแล้ว สามีสรุปว่าเป็นลมพิษแน่ๆ และอาจแพ้เนื้อสัตว์จากการโดนเห็บกัดด้วย จากการหาข้อมูลของเขา
เมื่อนึกย้อนไปก็มีความเป็นไปได้ วันที่ปวดท้องนั่นเรากินอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไส้อั่วบ้าง ไส้กรอกบ้าง บางทีก็หมูกรอบ ซาลามี่ ยังนึกอยู่ว่าท้องสำออย กินเผ็ดนิดหน่อยก็ปวดก็แสบ
เมื่อได้ข้อสงสัย วันรุ่งขึ้นก็โทรไปศูนย์อนามัยจองเวลาเพื่อพบหมอ เล่าอาการให้พยาบาลฟังและพยาบาลนัดเวลาให้เข้าไปในวันนั้นเลย เล่าให้หมอฟังว่าสงสัยจะเป็นอาการแพ้เนื้อ (Köttallergi) จากการโดนเห็บกัด หมอไม่เชื่อ แต่ก็สั่งให้เจาะเลือดตรวจเพื่อดูว่าติดเชื้อ Borrelia ไหม แพ้กลูเต็น ถั่ว ปลา และอาหารอื่นๆ หรือเปล่า
แล้วหมอก็เขียนใบสั่งยาแก้แพ้ให้สองตัว ให้กินเมื่อมีอาการ
ผ่านไปสามวันผลตรวจเลือดออก ทุกอย่างปกติ หมอบอกว่าเดี๋ยวจะเขียนใบส่งตัวให้ไปตรวจเพิ่มที่โรงพยาบาลประจำเขต
หนึ่งวันหลังจากนั้นพยาบาลโทรมาบอกว่าให้ไปเจาะเลือดตรวจอีกครั้งพรุ่งนี้เลย คราวนี้หมอสั่งให้ตรวจว่าแพ้ Alpha-gal ไหม
รอผลอยู่หนึ่งสัปดาห์ เจอแจกพ็อตค่ะ สรุปแพ้เนื้อจริง โดยแพ้สาร Alpha-gal
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
S-gal-1-3 Galactose หรือ Alpha-gal คืออะไร?
Alpha-gal คือคาร์โบไฮเดรตที่มีในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังทุกชนิด ยกเว้นในมนุษย์และลิง และเจ้าตัวนี้มีอยู่ในท้องและลำไส้ของเห็บด้วย เมื่อเห็บกัดสัตว์ป่ามันจะได้รับเชื้อมา และเมื่อมันกัดเรามันจะปล่อยสารตัวนี้เข้าร่างกายเรา ซึ่งสารตัวนี้ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกายมนุษย์ ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอาการแพ้ (Immunoglobulin E (IgE) ขึ้นมาเพื่อต้าน Alpha-gal
Alpha-gal มีอยู่ในสัตว์ประเภทเนื้อวัว เนื้อควาย สัตว์ป่า หมู แกะ รวมทั้งพวกเครื่องในของสัตว์เหล่านี้ด้วย
คนที่แพ้เนื้อ แพ้แล้วแพ้เลย ไม่มียารักษา ที่ทำได้คือหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่มีสาร Alpha-gal ดังที่กล่าวไปข้างต้น
คนแพ้เนื้อควรหลีกเลี่ยง หรือลดปริมาณการกินผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมด้วย รวมทั้งอาหารหรือขนมที่มีส่วนผสมของเจลาติน (เจลาตินผลิตจากกระดูกและหนังสัตว์ เช่น วัว ควาย หมู)
อาการต่างๆ ที่เป็นนั้น ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่กินเนื้อ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ว่าแพ้ในระยะแรกๆ
ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการคือ แอลกอฮอล์และการออกแรงทำสิ่งๆ ต่าง เช่น ออกกำลังกาย
ระดับการแพ้นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนตัวคิดว่าตัวเองแพ้ไม่มาก เพราะไม่มีอาการอะไรที่มีนัยยะสำคัญเมื่อได้กลิ่นเนื้อ
บางคนแพ้มากขนาดที่ว่าได้กลิ่นเนื้อแล้วปวดหัว ตัวชา และหมดสติ
ที่แย่ที่สุดคือหากเกิดอาการแพ้แบบรุนแรง (Anafylaxi/anaphylaxis) ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
อาหารที่กินได้คือ สัตว์ปีก ปลา และอาหารทะเล
ใครที่โดนเห็บกัดและมีอาการตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และหาสาเหตุยังไม่เจอ รักษาไม่ได้ ควรติดต่อแพทย์เพื่อวินิจฉัย
ถึงแม้เห็บจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรค แต่ไม่ใช่เห็บทุกตัวจะมีเชื้อ ไม่ใช่ทุกคนที่โดนกัดจะแพ้
คนที่กรุ๊ปเลือด เอ และโอ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อได้
ส่วนกรุ๊ป บี โครงสร้างของเลือดจะมี Alpha-gal อยู่เพราะฉะนั้นความเสี่ยงนั้นน้อยมาก
:::::::::::::::::::::::::::::
ที่เขียนเรื่องนี้หลังจากได้รับการวินิจฉัยตั้ง 4 ปีแล้วก็เพราะว่า อาการมันกลับมากำเริบอีกหลังจากที่สงบมานานนนน
ถ่ายเมื่อสี่ห้าวันที่แล้ว
รอบนี้รู้ตัวไวเพราะมีประสบการณ์ ผื่นขึ้นสามคืนติดกันช่วงตีหนึ่งตีสอง คันคะเยอมาก
คิดว่าเป็นเพราะกินเนื้อหนักหน่วงมากช่วงหน้าร้อน ไปงานไทย ไปบ้านเพื่อน ไส้อั่ว ไส้กรอกอิสาน ลูกชิ้นปิ้ง เนื้อย่าง ฯลฯ อร่อยจริงๆ 😅
ชะล่าใจไปหน่อยค่ะ เพราะไม่มีผื่นขึ้นเลยเวลากินเนื้อมาสองปีแล้ว
แต่ตอนนั้นกินแบบ นานๆ กินที ไม่ได้กินเกือบทุกวันเหมือนช่วงเดือนที่แล้ว
ตอนนี้หยุดกินเนื้อจากสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังโดยสิ้นเชิง อาการปวดตามข้อก็หายไปด้วย
ช่วงสองปีหลัง หลังอายุเข้าเลข 5 รู้สึกว่าปวดตามข้อมากกว่าปกติ ทั้งๆ ที่เคลื่อนไหวร่างกายและทำสวนตลอด ออกกำลังแบบจ๊อกกิ้งไม่ได้เลย
ตอนแรกก็นึกว่าปวดตามวัย ที่จริงคือ ร่างกายมันส่งสัญญาณมานานแล้ว แต่เรามัวแต่โทษอายุที่มากขึ้น
อาการปวดท้องบิดก็มีเป็นระยะ แต่เราก็โทษเห็ดไปอีก แหะๆ
ตอนนี้เข้าใจลึกซึ้งแล้วว่า แพ้แล้วแพ้เลยจริงๆ การ์ดตกเมื่อไหร่มันก็กลับมา
ต่อไปคงงดเนื้อสัตว์เต็มร้อยแล้ว
โชคดีที่แพ้ไม่มาก ยังกินผลิตภัณฑ์จากนมได้บ้าง แต่ก็ต้องกินแบบมีลิมิตด้วย
เข้าป่าระวังเห็บกันนะคะ กลับบ้านมาอาบน้ำ สระผม สำรวจตามตัวทุกครั้งค่ะ
อาการแพ้เนื้อจากการโดนเห็บกัด Alpha-gal syndrome
อาการเริ่มต้นเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ช่วงนั้นเข้าป่าบ่อย และโดนเห็บกัดไปทั้งหมดสามตัว ต่างเวลา ต่างบริเวณบนร่างกาย
ปกติก็โดนเห็บกัดทุกปีแหละ ปีละตัวสองตัว แต่ไม่เคยมีปัญหา
ปีนั้นพิเศษหน่อยตรงที่ เห็บตัวสุดท้ายที่กัดส่งผลทำให้เกิดอาการคันยาวนานมากกกกก คันและแดง หายไปสักพักก็กลับมาคันอีก คันเป็นเดือนๆ จนแม่สามีเริ่มกังวลว่าจะติดเชื้อ Borrelia หรือเปล่า เราก็ใจเย็นบอกว่า ฉันสังเกตุการณ์อยู่ ผื่นมันไม่นูน ไม่ใหญ่เท่าเหรียญห้าโครน ไม่ต้องไปหาหมอหรอก จากนั้นก็ลืมๆ ไป
จำไม่ได้แน่ชัดว่าอาการเริ่มออกครั้งแรกเมื่อไหร่ น่าจะราวๆ สิงหา กันยา
อาการคือมีผื่นขึ้นตามตัว ซึ่งมักจะเป็นตอนกลางคืน ผื่นที่ขึ้นจะเปลี่ยนที่ไปเรื่อย ที่แขน ขา ท้อง ไรผมตรงต้นคอ หนังศีรษะ แม้แต่กีกี้ก็ไม่เว้น 😆
ผื่นที่ขึ้นจะคัน แดง ยิ่งเกายิ่งลามเป็นปื้น มักเป็นตอนกลางคืน ตื่นเช้ามาก็หายไป ไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้ให้ดูต่างหน้าเลย
รูปที่ถ่ายไว้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ผื่นจะขึ้นหลังจากกินเนื้อราวๆ 2-6 ชม. บางครั้งเลยทำให้เป็นการยากที่จะรู้ว่าผื่นที่ขึ้นเกิดจากอะไร
ตอนแรกพวกเราก็คาดเดาว่าอาจจะเป็นแมลงหวี่กัด หรืออาจแพ้ผงซักฟอก แชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ เพราะบางวันตื่นนอนมานี่ปากเจ่อมาก เราก็เปลี่ยนของใช้ในบ้านเป็นออกร์แกนิคเท่าที่ในตลาดมีขาย แต่ผื่นก็ยังไม่หาย
นอกจากผื่นแล้ว บางวันมีอาการปวดท้องด้วย ปวดแบบบิดๆ ก็คิดว่าท้องผูกเพราะปวดแล้วเข้าห้องน้ำแต่ปลดทุกข์ไม่ออก ก็ซื้อยาเหน็บมาช่วย อาการก็ไม่ดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ วันดีคืนดีท้องเสียอีก
ช่วงนั้นกินเห็ดบ่อยด้วย บางทีก็แอบสยองตัวเองว่าเก็บเห็ดพิษปนมาบ้างหรือป่าวว๊า หรืออาจจะท้องเสาะเพราะกินหน่อไม้ คิดไปสารพัด
มีอยู่คืนนึงปวดท้องมากจนคิดว่าจะขาดใจตาย เป็น คืนวันอาทิตย์ ตีสองตีสามได้ ปวดจนคิดว่าจะขับรถไปฉุกเฉินเอง เพราะไม่อยากปลุกสามี วันจันทร์เขาต้องไปทำงาน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป กลัวอาการกำเริบระหว่างทาง กลัวเป็นลมในรถ
ก็นอนทำสมาธิหายใจเข้าออกลึกๆ จนหลับไป ตื่นเช้ามาก็หาย นึกว่าเป็นกระเพาะอักเสบ ยังคุยกับพี่สาวว่าจะหาซื้อแอนตาซินมาติดบ้านไว้บ้างแล้ว
จากนั้นเหมือนอาการจะแย่ลง ผื่นขึ้นมากกว่าปกติ กลางคืนไม่ได้หลับได้นอน เลยชักเริ่มสงสัยว่าตัวเองจะเป็นลมพิษ เลยค้นข้อมูลโดยสามีช่วยดูด้วย
เมื่อประมวลอาการทั้งหมดแล้ว สามีสรุปว่าเป็นลมพิษแน่ๆ และอาจแพ้เนื้อสัตว์จากการโดนเห็บกัดด้วย จากการหาข้อมูลของเขา
เมื่อนึกย้อนไปก็มีความเป็นไปได้ วันที่ปวดท้องนั่นเรากินอาหารที่มีเนื้อสัตว์ ไส้อั่วบ้าง ไส้กรอกบ้าง บางทีก็หมูกรอบ ซาลามี่ ยังนึกอยู่ว่าท้องสำออย กินเผ็ดนิดหน่อยก็ปวดก็แสบ
เมื่อได้ข้อสงสัย วันรุ่งขึ้นก็โทรไปศูนย์อนามัยจองเวลาเพื่อพบหมอ เล่าอาการให้พยาบาลฟังและพยาบาลนัดเวลาให้เข้าไปในวันนั้นเลย เล่าให้หมอฟังว่าสงสัยจะเป็นอาการแพ้เนื้อ (Köttallergi) จากการโดนเห็บกัด หมอไม่เชื่อ แต่ก็สั่งให้เจาะเลือดตรวจเพื่อดูว่าติดเชื้อ Borrelia ไหม แพ้กลูเต็น ถั่ว ปลา และอาหารอื่นๆ หรือเปล่า
แล้วหมอก็เขียนใบสั่งยาแก้แพ้ให้สองตัว ให้กินเมื่อมีอาการ
ผ่านไปสามวันผลตรวจเลือดออก ทุกอย่างปกติ หมอบอกว่าเดี๋ยวจะเขียนใบส่งตัวให้ไปตรวจเพิ่มที่โรงพยาบาลประจำเขต
หนึ่งวันหลังจากนั้นพยาบาลโทรมาบอกว่าให้ไปเจาะเลือดตรวจอีกครั้งพรุ่งนี้เลย คราวนี้หมอสั่งให้ตรวจว่าแพ้ Alpha-gal ไหม
รอผลอยู่หนึ่งสัปดาห์ เจอแจกพ็อตค่ะ สรุปแพ้เนื้อจริง โดยแพ้สาร Alpha-gal
:::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
S-gal-1-3 Galactose หรือ Alpha-gal คืออะไร?
Alpha-gal คือคาร์โบไฮเดรตที่มีในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังทุกชนิด ยกเว้นในมนุษย์และลิง และเจ้าตัวนี้มีอยู่ในท้องและลำไส้ของเห็บด้วย เมื่อเห็บกัดสัตว์ป่ามันจะได้รับเชื้อมา และเมื่อมันกัดเรามันจะปล่อยสารตัวนี้เข้าร่างกายเรา ซึ่งสารตัวนี้ถือเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับร่างกายมนุษย์ ร่างกายก็จะสร้างภูมิคุ้มกันที่เกี่ยวข้องกับการเกิดอาการแพ้ (Immunoglobulin E (IgE) ขึ้นมาเพื่อต้าน Alpha-gal
Alpha-gal มีอยู่ในสัตว์ประเภทเนื้อวัว เนื้อควาย สัตว์ป่า หมู แกะ รวมทั้งพวกเครื่องในของสัตว์เหล่านี้ด้วย
คนที่แพ้เนื้อ แพ้แล้วแพ้เลย ไม่มียารักษา ที่ทำได้คือหลีกเลี่ยงการกินเนื้อสัตว์ที่มีสาร Alpha-gal ดังที่กล่าวไปข้างต้น
คนแพ้เนื้อควรหลีกเลี่ยง หรือลดปริมาณการกินผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมด้วย รวมทั้งอาหารหรือขนมที่มีส่วนผสมของเจลาติน (เจลาตินผลิตจากกระดูกและหนังสัตว์ เช่น วัว ควาย หมู)
อาการต่างๆ ที่เป็นนั้น ไม่ได้เป็นทุกครั้งที่กินเนื้อ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ว่าแพ้ในระยะแรกๆ
ปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการคือ แอลกอฮอล์และการออกแรงทำสิ่งๆ ต่าง เช่น ออกกำลังกาย
ระดับการแพ้นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนตัวคิดว่าตัวเองแพ้ไม่มาก เพราะไม่มีอาการอะไรที่มีนัยยะสำคัญเมื่อได้กลิ่นเนื้อ
บางคนแพ้มากขนาดที่ว่าได้กลิ่นเนื้อแล้วปวดหัว ตัวชา และหมดสติ
ที่แย่ที่สุดคือหากเกิดอาการแพ้แบบรุนแรง (Anafylaxi/anaphylaxis) ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตได้
อาหารที่กินได้คือ สัตว์ปีก ปลา และอาหารทะเล
ใครที่โดนเห็บกัดและมีอาการตามที่กล่าวไว้ข้างต้น และหาสาเหตุยังไม่เจอ รักษาไม่ได้ ควรติดต่อแพทย์เพื่อวินิจฉัย
ถึงแม้เห็บจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรค แต่ไม่ใช่เห็บทุกตัวจะมีเชื้อ ไม่ใช่ทุกคนที่โดนกัดจะแพ้
คนที่กรุ๊ปเลือด เอ และโอ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจจะติดเชื้อได้
ส่วนกรุ๊ป บี โครงสร้างของเลือดจะมี Alpha-gal อยู่เพราะฉะนั้นความเสี่ยงนั้นน้อยมาก
:::::::::::::::::::::::::::::
ที่เขียนเรื่องนี้หลังจากได้รับการวินิจฉัยตั้ง 4 ปีแล้วก็เพราะว่า อาการมันกลับมากำเริบอีกหลังจากที่สงบมานานนนน
ถ่ายเมื่อสี่ห้าวันที่แล้ว
รอบนี้รู้ตัวไวเพราะมีประสบการณ์ ผื่นขึ้นสามคืนติดกันช่วงตีหนึ่งตีสอง คันคะเยอมาก
คิดว่าเป็นเพราะกินเนื้อหนักหน่วงมากช่วงหน้าร้อน ไปงานไทย ไปบ้านเพื่อน ไส้อั่ว ไส้กรอกอิสาน ลูกชิ้นปิ้ง เนื้อย่าง ฯลฯ อร่อยจริงๆ 😅
ชะล่าใจไปหน่อยค่ะ เพราะไม่มีผื่นขึ้นเลยเวลากินเนื้อมาสองปีแล้ว
แต่ตอนนั้นกินแบบ นานๆ กินที ไม่ได้กินเกือบทุกวันเหมือนช่วงเดือนที่แล้ว
ตอนนี้หยุดกินเนื้อจากสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังโดยสิ้นเชิง อาการปวดตามข้อก็หายไปด้วย
ช่วงสองปีหลัง หลังอายุเข้าเลข 5 รู้สึกว่าปวดตามข้อมากกว่าปกติ ทั้งๆ ที่เคลื่อนไหวร่างกายและทำสวนตลอด ออกกำลังแบบจ๊อกกิ้งไม่ได้เลย
ตอนแรกก็นึกว่าปวดตามวัย ที่จริงคือ ร่างกายมันส่งสัญญาณมานานแล้ว แต่เรามัวแต่โทษอายุที่มากขึ้น
อาการปวดท้องบิดก็มีเป็นระยะ แต่เราก็โทษเห็ดไปอีก แหะๆ
ตอนนี้เข้าใจลึกซึ้งแล้วว่า แพ้แล้วแพ้เลยจริงๆ การ์ดตกเมื่อไหร่มันก็กลับมา
ต่อไปคงงดเนื้อสัตว์เต็มร้อยแล้ว
โชคดีที่แพ้ไม่มาก ยังกินผลิตภัณฑ์จากนมได้บ้าง แต่ก็ต้องกินแบบมีลิมิตด้วย
เข้าป่าระวังเห็บกันนะคะ กลับบ้านมาอาบน้ำ สระผม สำรวจตามตัวทุกครั้งค่ะ