== Peepli Live (2010) ..ความพิกลพิการของสื่อสารมวลชน.. ==



นาธา ชาวนายากจนแห่ง Peepli หมู่บ้านเล็กๆในรัฐมุกคยาประเทศ ต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว
เงินจะกินยังแทบไม่พอ ก็ต้องมาเจอข่าวร้ายอีกเมื่อธนาคารเตรียมที่จะยึดที่นาของเขาหากไม่ชำระเงินกู้ที่ติดค้างอยู่
นาธา และพี่ชายของเขาบูเตีย ไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือแต่กลับได้แต่คำเยาะเย้ยถากถาง
มิหนำซ้ำยังไล่ให้พวกเขาไปฆ่าตัวตายซะ...



แต่การฆ่าตัวตายนี้ไม่ได้ตายเปล่า เพราะภาครัฐประกาศว่าหากครอบครัวไหนมีชาวนาที่ฆ่าตัวตาย
จะจ่ายให้ทันทีศพละ 100,000 รูปี (ราว 41,000 บาท) ซึ่งหากนาธาฆ่าตัวตาย ทางบ้านก็จะได้เอาเงินไปให้ธนาคาร
ที่นาก็จะไม่โดนยึด นี่คือทางออกเดียวที่เขามีอยู่ แต่อยู่ดีดีคนเราจะไปฆ่าตัวตายเลยนี่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่ายๆ
นาธาคิดหนักว่าจะเอายังไงดี ขณะที่กำลังปรับทุกข์อยู่ในร้านน้ำชาประจำหมู่บ้าน..
เรื่องดังกล่าวก็ไปบังเอิญเข้าหู ราเกซ นักข่าวท้องถิ่นที่เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้เพื่อทำข่าวเลือกตั้ง...



เรื่องของนาธา เป็นข่าวลงใน นสพ.ท้องถิ่น.. เท่านั้นยังไม่พอ..
ข่าวของเขายังไปถึงนักข่าวสาวไฟแรงที่ต้องการหาเรตติ้งเข้าสู่สถานีโทรทัศน์อย่างนันดิทา
ที่ต้องการทำเรื่องชีวิตของชาวนาจนๆคนนึงที่ต้องการจะฆ่าตัวตายเพื่อเอาเงินชดเชย
คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้น เมื่อสื่อช่องนึงมาทำข่าว ช่องที่เหลือมีหรือจะยอม
สื่อแทบทุกช่องทั่วอินเดียต่างแห่แหนมาที่หมู่บ้าน พิพลี  จนมืดฟ้ามัวดิน.. ทั้งประเทศใครๆก็รู้จักหมู่บ้านพิพลี...
จากคนธรรมดา นาธา กลายเป็นคนดังทั้งประเทศในชั่วข้ามคืน (โคตรจะเหมือนหมู่บ้านนึงในเมืองไทยมากกกกกก)



Peepli Live เป็นภาพยนตร์ภาษาฮินดีตลกแนวเสียดสีสังคมและสื่อมวลชน
ผลงานการกำกับและเขียนบทโดย Anusha Rizvi ซึ่งเป็นผลงานเรื่องแรกและเรื่องเดียวของเธอ
ภายใต้การอำนวยการสร้างของ Aamir Khan ที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ..
เรื่องราวของชาวนาจนยากแสนลำบาก ซึ่งกำลังจะต้องเสียที่นาหากไม่มีเงินไปใช้หนี้..
เลยคิดจะจบชีวิตเพื่อหวังเอาเงินชดเชยจากรัฐบาล จนเรื่องเข้าหูนักข่าว ทุกช่องต่างบุกมายังหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้
จนเรื่องราวบานปลายใหญ่โตเกินกว่าจะหยุดได้



จนถึงบรรทัดนี้ อ่านที่ผมรีวิวหนังเรื่องนี้แล้วคุ้นๆกับเหตุการณ์อะไรสักอย่างที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรามั้ยครับ?
ผมเชื่อว่าทุกคนรู้ว่าผมหมายถึงเหตุการณ์ไหน เพราะหนังเรื่องนี้มันใช่เลย บอกเลยว่าเหมือนกันเป๊ะๆ แทบทุกกระเบียด..
สื่อมวลชนนั้นมันมีพลังมหาศาลเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้จริงๆ
จากหมู่บ้านกันดารที่ไม่เป็นที่สนใจของใครสักคน กลับกลายเป็นสถานที่ที่ใครต่อใครก็อยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง



เราจะเห็นการทำข่าวที่มีทั้งดีและแบบไม่รับผิดชอบอะไรทั้งสิ้น ส่วนมากมักจะเห็นแบบแย่ๆมากกว่า
คือทำยังไงก็ได้ขอให้ช่องของฉัน สถานีของฉันได้เรตติ้งเยอะๆ ขอให้มีคนดูมากๆ
การสัมภาษณ์แบบเจาะลึกที่โคตรจะไร้สาระ และปัญญานิ่มอย่างมาก ถามไปเลย เพื่อนบ้านทุกคนเป็นใครถามให้หมด
ข้อเท็จจริงกลายเป็นเรื่องรอง การให้สตอรี่ใหม่ๆ กลับกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจมากกว่า



เท่านั้นยังไม่พอ ตัวของนาธาจากชาวนาก็กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ไปโดยปริยาย (เพราะสื่อสร้างเขาขึ้นมา)
ทุกย่างก้าวที่ปรากฏตัว ทุกการกระทำที่เขาทำ แน่นอนว่าก่อนหน้าจะเป็นข่าว แม้แต่สุนัขก็ไม่สนใจจะมอง
แต่นี่ กินข้าว นอน อาบน้ำ สื่อพร้อมจะนำเสนอไปทั่วประเทศ เรียกเรตติ้งกันถล่มทลาย
ผู้ชมก็คอยติดตามด้วยเห็นว่านี่คือคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายนะ เมื่อไหร่จะตายล่ะ ต้องติดตาม พลาดไม่ได้สักนาที..



นี่คือหนังที่ย้อนมาตั้งคำถามต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนได้อย่างเจ็บแสบที่สุด
สื่อคือผู้มีหน้าที่นำเสนอข่าวสารสู่สังคม นำเสนอข่าวสารโดยตั้งมั่นอยู่ในพื้นฐานของหลักจริยธรรมและความรับผิดชอบ
มีความเป็นกลาง ทำตัวเองให้เหมือนกระจกเงาสะท้อนปัญหาของสังคมในมุมมองที่เป็นธรรมสังคมปัจจุบัน



ยิ่งปัจจุบันโลกหมุนเร็วขึ้น โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นไปอย่างรวดเร็ว
สื่อมวลชนยิ่งต้องระมัดระวังอย่างมาก เพราะหากมุ่งเน้นการนำเสนออย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ผ่านการตรวจสอบที่ละเอียดถี่ถ้วน
ไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองที่ดี ข่าวดังกล่าวที่ทำให้คนเข้าใจผิด ก็จะสร้างความเสียหายต่อสังคมบ้านเมือง
ไม่ก็จะกลายเป็นเครื่องมือสำหรับใครบางคนก็เป็นได้



ส่วนเรื่องการฆ่าตัวตายของเกษตรกรในอินเดียมีสถิติตัวเลขที่น่าตกใจมากครับ
โดยระหว่างปี 1995-2014 ภายใน 20 ปีนี้ ยอดตัวเลขสูงถึง 300,000 ราย
แน่นอนว่าปัญหาหลักๆเลยก็คือ ครอบครัวไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ที่ส่วนใหญ่ได้มาจากเจ้าของที่ดินที่ตัวเองเช่าทำกิน
ไม่ก็ธนาคารเอกชน และอื่นๆอีกมากทั้ง นโยบายของรัฐบาลที่ไม่ดี
การทุจริตในเงินอุดหนุน พืชผลล้มเหลว สุขภาพจิต และปัญหาครอบครัว



เรื่องฆ่าตัวตายแล้วได้เงินชดเชยให้ครอบครัวนี่ก็เรื่องจริงครับ
เพื่อเป็นการช่วยเหลือครอบครัวของเหล่าชาวนาที่ต้องรับภาระต่างๆไว้เบื้องหลัง หากหัวหน้าครอบครัวต้องจากไป..
แต่กลับกลายเป็นว่าชาวนาอีกหลายคน ดันเลือกเส้นทางนี้เป็นทางลัดในการหาเงิน
เพียงเพื่อให้คนที่บ้านอิ่มท้อง ลูกหลานได้มีค่าเล่าเรียน ที่นาของบรรพบุรุษไม่ต้องตกไปเป็นของใครอื่น..
แค่ชีวิตของตนเอง แค่นี้.. เค้ายอมตาย...



ดูเผินๆ Peepli Live อาจจะเหมือนหนัง Black Comedy เสียดสีสังคม แต่ในอีกมุม นี่คือหนังเศร้านะครับ
อะไรที่มีค่าที่สุดสำหรับคนคนนึง มันก็คือชีวิตของตนเอง แต่นี่เค้ายอมสละสิ่งสำคัญที่สุด
เพียงแค่หวังให้คนข้างหลังได้ลืมตาอ้าปากต่อไปได้ ..มันจะมีอะไรที่น่ารันทดไปมากกว่านี้อีก..



มีประโยคนึงในหนังที่ผมชอบมาก เป็นฉากที่ผู้ใหญ่บ้านพูดกับนาธา..
ตัวผู้ใหญ่บอกว่า “วันนี้มีคนสนใจแก มีคนมากมายรายล้อมแก..
แต่สักวันอีกไม่นานเมื่อแกไม่มีประโยชน์อะไรกับพวกเขาอีกแล้ว พวกเขาก็จะไป..
เหลือแค่แกที่จะอยู่ที่นี่ แล้วทุกอย่างมันก็จะเหมือนเดิม..”  จริง..เจ็บและจบแบบสุดๆ...



ผมหวังว่าเหตุการณ์เหล่านี้คงไม่มีวันเกิดกับประเทศไทยของเรา...
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชาวนาที่ไม่มีทางเลือกให้เขาได้เดินอีก..
รวมถึงเรื่องของสื่อมวลชนที่ควรจะเป็นเสาหลักคอยช่วยค้ำยันสังคมไม่ใช่แค่นำเสนอข่าวเพียงเพื่อหวังเรตติ้ง
ไม่มีความรับผิดชอบ... ผมได้แต่หวัง....แม้จะเป็นความหวังที่ดูลมๆแล้งๆก็ตาม


เพราะหนังมันฝังใจ

=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่