เคสที่ผู้คนไปหลงเชื่อหมอกำมะลอใน ตต. แล้วทำตามข้อมูลมั่วๆจนกระทบสุขภาพ ต้องชิดซ้ายเลยเมื่อเจอเคสนี้ ”AI ทำแสบ“

🧰 เคสนี้เป็นชายชาวต่างชาติ อายุ 60 ปี  มา ที่ห้องฉุกเฉิน ด้วยอาการหวาดระแวง กลัวว่าเพื่อนบ้านจะวางยาพิษตัวเอง ในเบื้องต้นตอนตรวจร่างกายชายคนนี้ สัญญาณชีพและผลตรวจร่างกายปรกติดี

แต่พอดูผลตรวจเลือด หมอเจอของแปลก คือเจอภาวะคลอไรด์ในเลือดสูง ฟอสเฟตต่ำ และค่าการเปลี่ยนแปลงกรดเบสในเลือดมีความผิดปรกติ หมอเลยแอดมิทเข้า รพ เพื่อตรวจหาสาเหตุเรื่องเกลือแร่ในร่างกายผิดปรกติ

ระหว่างที่แอดมิท หมอก็ซักประวัติเพิ่มเติมอย่างละเอียด คนไข้ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนอยู่บ้าน เขาคุมเรื่องอาหารการกินแบบโคตรเข้มงวด กระทั่งน้ำดื่ม ก็ไม่ซื้อกิน ต้องกลั่นเอง เพราะกลัวจะเจอพวกสารพิษโลหะหนักในน้ำ

ระหว่างที่แอดมิท คนไข้เริ่มมีอาการสับสน และมีหูแว่วประสาทหลอนเห็นภาพหลอน พยายามหลบหนีออกจาก รพ จนต้องให้แผนกจิตเวชมาพาไปรักษา แผนกจิตเวชก็ให้ยารักษาอาการจิตเวช ร่วมกับแผนกอายุรกรรมที่แก้เรื่องเกลือแร่ผิดปรกติไป

พออาการคนไข้เริ่มดีขึ้น หมอก็พยายามหาสาเหตุต่อว่าเกลือแร่ผิดปรกติแปลกๆของคนไข้มันเกิดจากอะไร พอซักประวัติเพิ่มเติม พบว่าเจ้าตัวเป็นมังสวิรัติแบบเข้มงวดมาก และขาดวิตามินหลายตัว เช่น วิตามินซี วิตามิน B12 โฟเลท  

ต่อมาเขาเริ่มมีอาการ มีสิวขึ้นตามหน้า มีไฝแดง อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ กระสับกระส่าย มีผื่นแดงขึ้นตามตัว  ตอนนี้หมอเริ่มมั่นใจละว่า คนไข้คนนี้น่าจะเป็นภาวะ โบรมมิซึม (Bromide toxicity, or bromism)

ซึ่งในปัจจุบันเป็นโรคหายากมากกกกกก เป็นโรคที่เกิดจากการกินธาตุโบรมีนเป็นระยะเวลานานๆ เช่น อาจเกิดจากการกินยาจิตเวช ที่มีโบรไมด์ ซึ่งเป็นสารประกอบที่เกิดจากโบรมีนรวมกับธาตุอื่นๆ เป็นองค์ประกอบ

อันนี้เป็นสาเหตุที่พบบ่อยสุดเมื่อร้อยปีก่อน เพราะสมัยนั้นใช้โบรไมด์เหมือนยาครอบจักรวาลเลย จนกระทั่งเจอผลข้างเคียงของมันจึงค่อยๆเลิกใช้จนปัจจุบันไม่มียาที่มีโบรไมด์เป็นองค์ประกอบเหลือแล้ว (หรือถ้ามีก็ถูกจำกัดการใช้มากๆ)

คนที่เกิดภาวะนี้จะมีอาการทางระบบประสาทด้วย ทำให้มีอาการสับสน ซึมลง และประสาทหลอนได้ ทั้งยังมีผลต่อการเคลื่อนไหว ทำให้เดินเซ ทรงตัวไม่ได้ด้วย

ปัญหาคือ แล้วคนไข้ไปเกิดภาวะนี้ได้ยังไง ในเมื่อยาที่ใช้โบรไมด์ยุคนี้มันไม่เหลือแล้ว อันนี้เป็นปริศนาที่ยังรอคำตอบ

แต่ตอนนี้หมอรู้แล้วว่าคนไข้ป่วยเป็นอะไร ก็ทำการรักษาจนคนไข้อาการดีขึ้น คนไข้เลยเฉลยให้หมอฟังว่า ที่มาที่ไป เกิดจาก เขาไปคุยกับเอไอมาเรื่องสุขภาพ แล้วก็หาข้อมูลเรื่อง อันตรายของ โซเดียมคลอไรด์ ที่อยู่ในอาหาร ว่ามันจะมีผลเสียต่อสุขภาพยังไงถ้ากินอาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์เยอะไป

เจ้าตัวเลยตัดสินใจ จะจำกัดอาหารเพื่อเอาโซเดียมคลอไรด์ออกจากอาหารที่กินทั้งหมด แต่แกแทนที่จะจำกัดด้วยการลดเกลือในอาหาร กลับไปซื้อ โซเดียมโบรไมด์ จากในเน็ท แล้วเอามาใส่อาหารแทนโซเดียมคลอไรด์
(พรี่คิดอะไรอยู๊!!!!!)

แล้วแกยังบอกอีกว่า ไอ้เรื่องนี้เนี่ย แกปรึกษา chatGPT ตลอดเลยนะ และ chatGPT ก็เห็นดีเห็นงามกับแก แกเลยลงมือทำไง๊

หลังจากรักษากันอยู่สามสัปดาห์ แกก็หายขาด ผลเลือดกลับมาปรกติ และไม่ต้องกินยารักษาอาการทางจิตเวชอีกต่อไป

ก็เป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่พี่น้อง อย่าเอาเรื่องสุขภาพไปปรึกษา chatGPT
ดูเคสนี้เป็นตัวอย่างเป็นไง ทำเอาโรคที่เคยหายไปร่วม 100 ปี กลับมาอีกครั้งได้เนี่ย โคตรไม่ธรรมดา

เรื่องนี้เป็นเคสศึกษาเผยแพร่ลงวารสารการแพทย์เลยครับ
Cr: FB Drama-addict
https://www.acpjournals.org/doi/10.7326/aimcc.2024.1260
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่