แนะระวัง ทำสัญญา สินเชื่อ พบบ.สินเชื่อยักษ์ทำผิดกม. คิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน

กระทู้สนทนา
สภาผู้บริโภค แนะนำผู้บริโภคที่ ทำสัญญา สินเชื่อ ต้องตรวจสอบข้อมูลดอกเบี้ย สัญญาอย่างรอบคอบ หลัง ธปท. กล่าวโทษ 2 บริษัทสินเชื่อรายใหญ่ “เมืองไทย แคปปิตอล” และ “ออโต้ เอกซ์” คิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน เอาเปรียบลูกหนี้ แนะระวังก่อน ทำสัญญา แม้สองบริษัทได้เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบแล้ว แต่คดีอยู่ระหว่างสอบสวน
สภาผู้บริโภค ให้คำแนะนำแก่ผู้บริโภคให้เพิ่มความระมัดระวังในการทำสัญญาสินเชื่อในการกู้เงิน ภายหลังจาก ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวโทษ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ออโต้ เอกซ์ จำกัด ได้ดำเนินการคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน โดยนำดอกเบี้ยค้างชำระและค่าธรรมเนียมเดิมไปรวมเป็นเงินต้นใหม่ แล้วคิดดอกเบี้ยซ้ำอีกครั้ง จึงถือว่าเป็นการ “คิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน” หรือ “คิดดอกเบี้ยทบต้น” ซึ่งเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภคและฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับ เมืองไทย แคปปิตอล ถูกกล่าวโทษเมื่อ 5 สิงหาคม 2568 ในกรณีปรับเปลี่ยนเงื่อนไขผ่อนชำระ ทั้ง “สินเชื่อส่วนบุคคล” และ “สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพ” โดยปิดสัญญาเดิมและนำดอกเบี้ยคงค้างและค่าธรรมเนียมตามสัญญาเดิมมารวมเป็นเงินต้นตามสัญญาใหม่ พร้อมคิดดอกเบี้ยบนดอกเบี้ยคงค้างและหรือค่าธรรมเนียมในจำนวนเงินที่ทบเข้ากันนั้นอีก
ด้วยเหตุนี้จึงสรุปได้ว่า เมืองไทย แคปปิตอล ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การให้สินเชื่อทั้ง “สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ” ที่ผิดหลักเกณฑ์ของกระทรวงการคลังและประกาศ ธปท. รวมถึงเรื่องการบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม (Market Conduct) ส่วน “สินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ” ได้เข้าข่ายฝ่าฝืนประกาศของกระทรวงการคลัง และประกาศของ ธปท. ฉบับที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกันในปัจจุบัน บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล ได้ยุติการจัดทำสัญญาใหม่ ที่มีลักษณะฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แล้ว พร้อมเยียวยาลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
ด้าน บริษัท ออโต้ เอกซ์ ถูกกล่าวโทษเมื่อ 11 เมษายน 2568 รวมถึงกรรมการบริหาร 6 รายและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จาก “สินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน” โดยบริษัทได้ทำสัญญาปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระหนี้โดยนำดอกเบี้ยค้างรับเดิมมารวมกับเงินต้นคงค้างแล้วนำไปรวมเป็นเงินต้นใหม่ เพื่อคิดดอกเบี้ยจากลูกหนี้ต่อ จึงถือเป็นการคิดดอกเบี้ยซ้ำซ้อน
ทั้งหมดจึงเข้าข่ายละเมิดหลักเกณฑ์สำคัญหลายฉบับของ ธปท. และกระทรวงการคลัง อาทิ ประกาศ ธปท. เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ (สนส. 12/2563 และ สนส. 13/2566), ประกาศ สกส2. 7/2565 ว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลดอกเบี้ย ค่าบริการ, ประกาศ สกส2. 4/2563 ว่าด้วยการบริหารจัดการด้านการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม รวมถึงประกาศกระทรวงการคลังเรื่องสินเชื่อที่ต้องขออนุญาต อีกทั้งการกระทำของบริษัทเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 56 และต้องระวางโทษตามมาตรา 130 แห่ง พ.ร.บ. ธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 และข้อ 17 ของประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 พ.ศ. 2515
ทั้งนี้ในปัจจุบัน บริษัท ออโต้ เอกซ์ ได้ยุติการจัดทำสัญญาใหม่ ที่มีลักษณะฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์แล้ว พร้อมเยียวยาลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนคดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของพนักงานสอบสวน
อย่างไรก็ตาม จากผลกระทบที่เกิดขึ้น สภาผู้บริโภค จึงแนะนำผู้บริโภค ก่อนเซ็นสัญญาสินเชื่อใหม่หรือปรับโครงสร้างหนี้กับบริษัทสินเชื่อใดก็ตาม ต้องอ่านเงื่อนไขให้ละเอียด พร้อมทำความเข้าใจเงื่อนไขข้อต่าง ๆ รวมถึงวิธีการคำนวณดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม ระวังการคิดดอกเบี้ยทบต้นที่มีการนำดอกเบี้ยค้างชำระหรือค่าธรรมเนียมเดิมไปรวมเป็นเงินต้นใหม่เพื่อคิดดอกเบี้ยซ้ำอีกหรือไม่ ตลอดจนการเก็บหลักฐาน เช่น สัญญา ใบเสร็จ และการติดต่อสื่อสารต่าง ๆ หากมีปัญหาหรือข้อสงสัย ควรติดต่อที่ สายด่วน ธปท. โทร. 1213 กด 99 และ สภาผู้บริโภค โทร. 1502 หรือ ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์สภาผู้บริโภค เพื่อร่วมคุ้มครองสิทธิให้แก่ผู้บริโภคได้รับความเป็นธรรมในเรื่องสินเชื่อ



ธปท ลงมาคุ้มเองเริ่มเห็นผลละ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่