คุณมีหลักในการบริจาคอย่างไร?

ที่มาของภาพ Gemini AI

exclaim ข่าวคราวในแวดวงนักบวชและผู้ที่เกี่ยวข้องในแวดวงพุทธศาสนาตั้งแต่ต้นปี 2568 เป็นต้นมา ทำให้เราท่านได้ทราบว่าพุทธศาสนิกชนชาวไทยเอื้อเฟื้อและสนับสนุนกิจกรรมในพุทธศาสนาเป็นจำนวนมาก ผ่านการบริจาคทั้งในรูปแบบต่าง ๆ เช่น เงินทอง ทรัพย์สินอื่น แรงงาน กำลังสติปัญญา
 
idea มีหลักการในการบริจาคที่ดิฉันได้จากท่านอาจารย์ในชั้นเรียนธรรมะ คือ ให้บริจาคตามกำลัง
ถ้ากำลังศรัทธามาก กำลังทรัพย์น้อย  – บริจาคตามกำลังทรัพย์
ถ้ากำลังศรัทธาน้อย กำลังทรัพย์มาก – บริจาคตามกำลังศรัทธา
 
ดาว ดิฉันใช้หลักการนี้ ในการบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ต่างๆ (เด็ก เด็กกำพร้า การศึกษา ความรู้ โรงพยาบาล ภัยพิบัติ อนุรักษ์ธรรมชาติและศาสนา) คิดเป็นจำนวน 10% ของเงินบำนาญ เมื่อเฉลี่ยไปยังองค์กรต่างๆ ข่าวเชิงลบขององค์กรใดองค์กรหนึ่ง จึงไม่กระทบต่อกำลังศรัทธาในการบริจาค
 
question คุณมีหลักในการบริจาคอย่างไรบ้างคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ขอแบ่งปันข้อมูลนะคะ

จริงๆ แล้ว ในทางพุทธ  มีหลักในการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ร่วมแรงร่วมใจกันในสังคม  คือ สังคหวัตถุ 4
คือไม่ใช่แค่เรื่องเงินทอง ทรัพย์สิน  ยังหมายถึงเรื่องอื่นๆ ด้วย


สังคหวัตถุ 4
1. ทาน (การให้) :   เป็นการช่วยเหลือด้วยวัถตุ สิ่งของ ทรัพย์สิน เงินทอง  เป็นต้น

2. ปิยวาจา (วาจาที่เป็นที่รัก) : เป็นการช่วยเหลือด้วยคำพูด คำแนะนำ กำลังใจ ความรู้  อะไรประมาณนั้น

3. อัตถจริยา (การบำเพ็ญประโยชน์) : เป็นการช่วยเหลือด้วยการลงแรงลงมือกระทำอะไรบางอย่าง
เช่น  ถ้าไม่มีเงินไปช่วย  ก็ใช้เรี่ยวแรงไปช่วย

4. สมานัตตตา (การวางตนเสมอต้นเสมอปลาย) : การปฏิบัติตนอย่างสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลายกับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ไม่มีอคติ

-------------------------------

ถ้าพูดในกรณีกว้างๆ ในเรื่องพระหรือวัด หรือพุทธศาสนา  ที่มีข่าวและมีปัญหาหมักหมมมานานแล้ว
ทุกคนก็ใช้หลัก 4 ข้อ ด้านบนมาพิจารณาได้ค่ะ  

เช่น คุณจะสนับสนุนพุทธศาสนา  คุณทำได้หลายทาง ไม่ใช่แค่เรื่องให้เงินและสิ่งของเท่านั้น
คุณยังใช้วาจา ความรู้ คำแนะนำ  หรือ ใช้เรี่ยวแรง หรือการไม่มีอคติ  การไม่เลือกที่รักมักที่ชัง  เป็นต้น
เหล่านี้  นำมาประยุกต์ได้ค่ะ

---------------------------------

ส่วนถ้าโฟกัสแคบลงที่การบริจาคเงินและสิ่งของ   ตัวเราเองมีแค่หลักกว้างๆ ว่า  
ก็พิจารณาให้รอบคอบว่า เราจะทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร?   แล้วก็หาช่องทางที่คิดว่าเหมาะสม (ให้มันตอบโจทย์ตรงกับวัตถุประสงค์)
เช่น  ถ้าเราจะสนับสนุนพระในการฝึกฝนปฏิบัติตนตามแนวทางของพระพุทธองค์  
เราก็พิจารณาเอาอาหาร ของใช้จำเป็น  ไปถวาย    
อาหารก็พิจารณาที่มันเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด  เป็นโทษให้น้อยที่สุด
และอะไรไม่จำเป็น  เราก็ไม่เอาไปถวายวัด

ถ้าวัดมีความจำเป็นต้องระดมทุนเพื่อทำอะไรสักอย่าง  เราก็จะพิจารณาตามสมควร เช่น  ซ๋อมกุฏิ  หรือมีเรื่องเร่งด่วนจำเป็น
แต่ไม่มีเงินส่วนกลางมาช่วย  

เงินอะไรไม่จำเป็น  เราก็ไม่เอาไปให้วัด    ถ้าเราจะช่วยเหลือเด็ก หรือการศึกษา  เราก็จะส่งเงินตรงไปที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ถ้าเราจะสนับสนุนการฝึกฝนปฏิบัติธรรม  เราก็จะส่งตรงไปยังวัดที่เน้นทางสายกรรมฐาน  เป็นต้น

บางคนอาจจะมองว่า จะบริจาคเงินทั้งที อย่าคิดเยอะ!!  เดี๋ยวใจจะไม่เป็นกุศล
เราก็มองต่างไปค่ะ  ใช่ค่ะ ทำใจให้เป็นกุศล ผ่องใส
แต่ในทางพุทธ การทำอะไรทุกอย่าง ก็ต้องใช้ปัญญาร่วมด้วยเสมอ
จะบริจาคเงิน ก็ต้องพิจารณาตามสมควรว่า เงินที่เราให้ไป  มันจะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์หรือไม่?
ถ้ามันลึกลับซับซ้อนเกินกว่าจะตรวจสอบได้  อันนี้ก็เข้าใจค่ะ   ก็ต้องทำใจปล่อยวางในส่วนที่เราไม่สามารถตามไปดูได้ว่า
เค้าเอาเงินไปทำอะไรกันบ้าง?

แต่รวมๆ กว้างๆ แล้ว  ต้องใช้ปัญญาพิจารณาด้วยค่ะในการช่วยเหลือใคร  

เพราะฉะนั้น ในยุคนี้ ก็ต้องพิจารณาให้ดีว่า  เราจะบริจาคเพื่อวัตถุประสงค์ใด?
แล้วช่องทางไหนที่จะตอบโจทย์นั้นมากที่สุด?

ส่วนเรื่องการทุจริต  
แน่นอนว่า เราอาจจะตามไปเช็คทุกรายละเอียดไม่ได้ว่าองค์กรไหนโปร่งใสแค่ไหน?
มันเป็นเรื่องทางสังคม ทางกฎหมาย ที่ต้องออกกฎหมายมาเข้มงวดเรื่องพวกนี้
เพราะฉะนั้น  เราก็ได้แต่พิจารณาองค์กรที่มีการทำตามกรอบของกฎหมาย  มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้

คือ พิจารณาตามสมควรค่ะ  ไม่ใช่ถึงกับจะต้องเคร่งเครียดเกินไป  หรือ หย่อนยานเกินไป ไม่พิจารณาอะไรเลย
หลงเชื่อใครง่ายๆ  อันนี้ก็ไม่ดี   ก็ไปหาความพอดีกันเอาเองค่ะ


เรื่องพวกนี้ แต่ละท่านก็คงมีวิจารณญาณที่อาจจะไม่เหมือนกันเป๊ะๆ  

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่