JJNY : Breaking the Cycle เข้าชิง 4 สาขา│หมอเปรมศักดิ์ฉะส.ว.ขาใหญ่│สื่อนอกชี้! กัมพูชาไร้ "สื่ออิสระ"│เตือนฝนถล่ม 36 จว.

Breaking the Cycle หนังสารคดีพรรคอนาคตใหม่ เข้าชิง 4 สาขา รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 
https://www.matichon.co.th/politics/news_5313345
.
.
Breaking the Cycle หนังสารคดีพรรคอนาคตใหม่ เข้าชิง 4 สาขา รางวัลสุพรรณหงส์ ครั้งที่ 33 
.
เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ช่อ พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเพจ  “Pannika Chor Wanich” ระบุว่า
.
ได้รับแจ้งจากผู้กำกับว่า Breaking the Cycle ภาพยนตร์สารคดีที่บันทึกการเดินทางของพรรคอนาคตใหม่ ได้เข้าชิงรางวัลสุพรรณหงส์ปีนี้ถึง 4 สาขา
.
• ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม
• ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
• ผู้กำกับยอดเยี่ยม
• ลำดับภาพยอดเยี่ยม
.
ประกาศผล 14 กันยายนนี้ แต่แค่ได้เข้าชิงก็ต้องแสดงความยินดีกับเอกและสนุ้ก ว่ามาได้ไกลเกินคาดมากจริงๆ ภูมิใจในตัวทั้งสองคนมากๆ ค่ะ นึกถึงวันที่สองคนมานั่งรอ ดักรอเราที่ตึก หรือพยายามขอติดรถไปหาเสียง ขอคิวสัมภาษณ์ แต่ก็ไม่ค่อยได้ 5555
.
และเป็นเรื่องบังเอิญมากที่วันที่ได้รับทราบข่าวดีว่าหนังได้เข้าชิงรางวัลอันทรงเกียรติของวงการภาพยนตร์ไทย คือวันนี้ 7 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีที่ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล
.
ขณะที่เพจ “Breaking the Cycle” โพสต์ข้อความระบุว่า
.
ข่าวด่วน ข่าวจริงไม่ใช่ AI!!
.
Breaking the Cycle อำนาจ ศรัทธา อนาคต
.
เข้าชิง 4 รางวัลสุพรรณหงส์!!
.
ประกอบด้วย

รางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม

รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

รางวัลผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

รางวัลลำดับภาพยอดเยี่ยม

ยินดีกับทีมงาน และผู้เข้าชิงทุกๆคน

แล้วมาร่วมลุ้นไปด้วยกัน วันที่ 14 กันยายนนี้!!
.
https://www.facebook.com/chor.wanich/posts/10237241208192869
.

.
หมอเปรมศักดิ์ ฉะส.ว.ขาใหญ่ กดดันส.ว.กลุ่มอิสระ ถอนชื่อร้องศาลคดีฮั้ว ซัดใช้อำนาจในเงามืด
.
หมอเปรมศักดิ์ ฉะยับส.ว.ขาใหญ่ ใช้สารพัดวิชามารข่มขู่กดดันจนส.ว.กลุ่มอิสระต้องถอนชื่อในคำร้องส่งศาลรธน.ถอดถอน 136 ส.ว.คดีฮั้วเลือกตั้ง ซัดเป็นการใช้อำนาจในเงามืดเพื่อกดขี่คนที่ยืนอยู่กับประชาชนเพื่อความถูกต้อง ถามกลับประธานวุฒิฯทำไมสองมาตรฐานตรวจสอบช้า เหน็บที ส.ว.น้ำเงินยื่นตรวจสอบด่วนจี๋ ส่งในวันเดียว
.
เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว.ให้สัมภาษณ์ระหว่างอยู่ประเทศมาเลเซียว่า ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาเมื่อช่วงเย็นวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา ในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มรวบรวมรายชื่อส.ว. เพื่อยื่นคำร้องต่อประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพของส.ว.ทั้ง 136 คน สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 111 (7) ประกอบมาตรา 113 และขอให้ศาลมีคำสั่งให้ ส.ว.ทั้ง 136 คน หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว หรือให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะส่วน เกี่ยวกับการให้ความเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไว้ก่อนจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
.
จากกรณีที่คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลางชุดที่ 26 คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้สรุปสำนวนเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งอาจเข้าข่ายขัดต่อพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา โดยได้รับแจ้งรายว่า รายชื่อในคำร้องไม่ครบทำให้ตกไป
.
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า การยื่นคำร้องโดยนาวาตรี วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ และ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.เป็นช่วงที่ตนได้เดินทางไปดูงานที่ประเทศมาเลเซียระหว่างวันที่ 5-8 ส.ค.จึงไม่ได้ร่วมยื่นคำร้องด้วย แต่ได้ประสานเพื่อน ส.ว.ยื่นเรื่องถึงประธานวุฒิสภา รายชื่อตอนยื่นครบแล้ว 21 คน ถือว่าครบ 1 ใน 10 สามารถยื่นได้
.
แต่ได้รับแจ้งจากสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาภายหลัง ต้องระงับคำร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรายชื่อ ส.ว.ไม่ครบ 1 ใน 10 เพราะมีส.ว.ที่ลงชื่อแล้วมาถอนชื่อในภายหลัง ซึ่งการถอนชื่อครั้งนี้ มีเบื้องหลังแน่นอน แม้จะอ้างเหตุผลอะไรก็ตาม แต่อยากให้ประชาชนได้ติดตามเหตุผลลึกๆ ที่แท้จริง
.
ผมได้รับทราบจากสว.หลายคนที่ร่วมลงชื่อในกลุ่มสว.อิสระว่า มีความพยายามจากส.ว.ที่มีรายชื่อถูกร้องเรียนได้โทรศัพท์มาล็อบบี้ ให้ถอนชื่อ เพื่อให้จำนวนผู้ลงชื่อไม่ครบตามรัฐธรรมนูญ โดยอ้างเชิงข่มขู่ว่า หากไม่ยอมถอนชื่อออก จะถูกฟ้องกลับ ถูกดำเนินคดี จะทำให้เสียประวัติถูกบันทึกเป็นคดีความภายหลัง

ส.ว.บางรายที่เข้าชื่อถอดถอนถูกฝ่ายตรงข้ามร้องเรียนให้กรรมการจริยธรรมส.ว.ตรวจสอบในเรื่องที่ไม่ชอบมาพากล พอจะไปชี้แจงกลับถูกปฎิเสธไม่ให้นำพยานหลักฐานเข้าชี้แจงอย่างไม่เป็นธรรม เสมือนเป็นการสร้างประเด็นให้หวาดกลัว หวั่นเกรงต่างๆ เพียงหวังให้ต้องยอมไปถอนชื่อออกเท่านั้น” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
.
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า มีการทำทุกวิถีทางเพื่อให้ ส.ว.ถอนชื่อ ก่อนหน้านี้ก็กดดันสร้างความลังเลให้ผู้ที่ยังไม่ลงชื่อไม่กล้าร่วมลงชื่อ ใครลงชื่อแล้วก็กดดันให้ถอนชื่ออีก ตนถือว่าเป็น“วิชามารทางการเมือง” ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ เพื่อล้มคำร้องไม่ให้ครบตามจำนวน 20 รายชื่อและตกไปโดยอัตโนมัติ
.
บางคนถึงขั้นโทรมาหาตน บอกว่า เขาถูกขู่ว่า ถ้าไม่ถอนชื่อจะมีของตามมา มีทั้งเรื่องในอดีตและเรื่องส่วนตัว ถูกขุดขึ้นมาคุกคาม สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ใช่การเมืองแบบมีวุฒิภาวะ แต่คือการใช้อำนาจในเงามืด เพื่อกดขี่คนที่ยืนอยู่กับประชาชน แบบนี้ยังจะเรียกว่าการเมืองในระบบได้อีกหรือ
.
ในวุฒิสภาจะมีส.ว.ที่ทำตัวเป็นขาใหญ่ใช้วิชามาร ทั้งกดดันในทางลับและทางแจ้ง มีขาใหญ่ในกลุ่มไลน์กลางสว. ซึ่งเป็นช่องทางติดตามข่าวสารหลักของ ส.ว.ทุกคน ใช้การก่อกวนด้วยข้อความ เสียดสี เย้ยหยัน และข่มขู่ในกลุ่มไลน์  บางคนโพสต์รูป ข้อความ เสียดสี แซะไม่หยุดวันละหลายครั้ง
.
ใครไม่ถอนชื่อก็โดนกดดันอย่างหนัก ขู่ว่าจะมีคดีความตามมา คนที่ทนไม่ไหวก็ต้องถอย นี่มันคือการกดขี่เสียงข้างน้อยอย่างเลือดเย็น นี่คือเครื่องชี้วัดว่า มีแผนการล็อบบี้ไว้ล่วงหน้าอย่างเป็นระบบ เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เรื่องเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
.
นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งคำถามอย่างตรงไปตรงมาถึงสองมาตรฐานในการพิจารณาคำร้องว่า คำร้องของ สว.สีน้ำเงินที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯและรมว.วัฒนธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ถูกประธานวุฒิสภาส่งเรื่องให้ศาลในวันเดียวกันอย่างรวดเร็ว
.
แต่พอเป็นคำร้องของ ส.ว.กลุ่มอิสระให้ดำเนินการ กับสว.136 คนกลับถูกตรวจสอบอย่างยืดยาด ล่าช้า จนเปิดช่องให้เกิดการล็อบบี้อย่างเต็มที่กระทั่งมีการถอนรายชื่อออก การเลือกปฏิบัติเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ทำลายความเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่ยังส่งสัญญาณอันตรายว่า ผู้มีอำนาจกำลังใช้กลไกในรัฐสภาเพื่อสกัดเสียงตรวจสอบ สว.กลุ่มอิสระแค่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ยื่นคำร้องขอความชัดเจนจากศาล แต่วิธีที่พวกตนถูกจัดการ มันสะท้อนว่าฝ่ายเสียงข้างมากในวุฒิสภาบางกลุ่ม ไม่เคารพกระบวนการประชาธิปไตยใดๆ เลย
.
การที่รายชื่อไม่ครบ 20 คนนั้นไม่ใช่ความผิดพลาดตามธรรมชาติ แต่เป็นการใช้วิชามารที่ชัดเจนในการจัดการกับสว.เสียงข้างน้อย ให้คำร้องตกไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่สว.อิสระก็ใช้สิทธิอย่างถูกกฎหมายเช่นเดียวกับสว.สีน้ำเงินทุกประเด็น เราจะไม่หยุดที่จะสู้ต่อ
.
แม้จะมีการถอนชื่อและกดดันอย่างหนัก พวกผมพร้อมที่จะหาสว.มาทดแทน เพื่อให้เรื่องถึงศาลรัฐธรรมนูญโดยสมบูรณ์และได้รับการวินิจฉัยอย่างเป็นธรรม เพื่ออนาคตของการเมืองที่โปร่งใสและยึดมั่นในหลักนิติธรรมอย่างแท้จริง เพราะนี่ไม่ใช่เรื่องของส.ว. 136 คน แต่เป็นเรื่องของระบบรัฐสภาไทยทั้งระบบ ถ้าเสียงข้างน้อยไม่มีที่ยืน วันหนึ่งประเทศนี้จะไม่มีที่ยืนสำหรับประชาชนเช่นกัน” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว
.

.
สื่อนอกชี้! กัมพูชาไร้ "สื่ออิสระ" ขาดความน่าเชื่อถือ-แพ้สงครามข่าวสารไทย
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/254336
.
สื่อต่างชาติวิเคราะห์ สาเหตุที่ทำให้รัฐบาลกัมพูชาไม่สามารถสื่อสารต่อประชาคมโลก และอาจกำลังแพ้ในสงครามข้อมูลข่าวสาร เพราะขาดสื่ออิสระในประเทศ
.
เว็บไซต์ The Diplomat สำนักข่าวออนไลน์ในสหรัฐฯ ซึ่งเน้นเนื้อหาด้านการเมือง สังคมและวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รายงานว่า ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ปลุกกระแสลัทธิชาตินิยม ซึ่งท้ายที่สุด ลามเข้าสู่โลกโซเชียล ในฝั่งของกัมพูชา เหล่าอินฟลูเอนเซอร์พยายามออกมาเคลื่อนไหว เพราะมองว่ากระแสโลกเอนเอียงไปในทางที่เป็นบวกต่อประเทศไทย
.
โดยอ้างว่า สื่อต่างประเทศนำเสนอภาพไทยอย่างเห็นอกเห็นใจมากกว่า เพียงเพราะไทยมีอำนาจมากกว่า เชื่อมโยงกับนานาชาติ และได้รับความนิยมมากกว่า ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์
.
หากไล่ดูมีมในโลกออนไลน์กัมพูชา รวมถึงบทความต่างๆ จะพบว่าแนวโน้มเป็นไปในทางเดียวกัน คือ ไม่พอใจกับการรายงานข่าวของสื่อต่างชาติ ซึ่ง The Diplomat มองว่า ความเอนเอียงในการรับรู้ข้อมูลจากฝั่งกัมพูชา แท้จริงแล้ว มาจากปัจจัยภายใน คือ กัมพูชาไม่มีสื่ออิสระ และไม่มีเสรีภาพสื่อ
.
The Diplomat รายงานว่า แม้ไทยจะมีประวัติการทำรัฐประหารบ่อยครั้ง แต่ก็ยังมีความเป็นประชาธิปไตย และมีเสรีภาพบางส่วน ประเทศไทยยังมีสื่อที่ค่อนข้างหลากหลาย แม้จะมีข้อจำกัดทางกฎหมายที่เข้มงวด แต่ก็ยังมีการรายงานข่าวเชิงวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสื่อภาษาอังกฤษและสื่อออนไลน์
ยกตัวอย่างเช่น สื่อใหญ่ระดับนานาชาติยังมีสำนักงานประจำภูมิภาคหรือมีผู้สื่อข่าวประจำอยู่ในไทย เช่น สำนักข่าว Reuters, BBC, สำนักข่าว AP, Al Jazeera, Financial Times, NBC และอื่นๆ ในขณะที่กัมพูชาถูกมองว่าเป็น
.
รัฐอำนาจนิยมพรรคเดียว” ภายใต้การควบคุมของพรรคประชาชนกัมพูชา (CPP) และในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลเดินหน้าปราบปรามสื่ออิสระอย่างเป็นระบบ จนกระทั่งสำนักข่าว Voice of Democracy (VOD) สื่ออิสระรายสุดท้ายในกัมพูชาปิดตัวลงในปี 2023
.
สำนักข่าว Radio Free Asia (RFA) ก็ปิดสำนักงานในกรุงพนมเปญ ไปตั้งแต่ปี 2017 โดยอ้างเหตุผลว่า ถูกรัฐบาลคุกคามหนักขึ้น ซึ่งในปีนั้นเอง ทางการกัมพูชาสั่งปิดสถานีวิทยุท้องถิ่นหลายแห่ง
.
ขณะที่ สำนักข่าวเชิงสืบสวน ภาษาอังกฤษอย่าง Cambodia Daily ก็ถูกบังคับให้ปิดตัวลงเช่นกัน หลังจากถูกเรียกเก็บภาษีอย่างกะทันหัน และในปีต่อมา หนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ถูกขายภายใต้แรงกดดันจากนักลงทุนที่มีผลประโยชน์กับรัฐบาล และในการเลือกตั้งปี 2018 ซึ่งพรรค CPP ของฮุน เซน ชนะการเลือกตั้ง กวาดที่นั่งในสภาได้ทั้งหมด สื่ออิสระก็สูญสิ้นไปจากประเทศ นักข่าวที่ยังคงรายงานเปิดโปงความจริง มักเผชิญกับการถูกติดตาม คุกคาม เนรเทศ หรือจำคุก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่