JJNY : ลิซ่าจี้รัฐทบทวน SEC│‘การพัฒนาทุนมนุษย์ในไทย’พบตกทุกด้าน│ปากีสถานขับชาวอัฟกันลี้ภัยถูกกม │เตือนทั่วไทยฝนฟ้าคะนอง

ลิซ่าจี้รัฐทบทวน SEC เมกะโปรเจ็กต์ใต้ ซัด สนข.อย่าลักไก่รายงาน EHIA
https://www.matichon.co.th/politics/news_5311502
.

.
ลิซ่า ตั้งคำถาม SEC รับไม้ต่อการพัฒนาหรือรับความล้มเหลวจาก EEC เรียกร้องรัฐบาลทบทวนกระบวนการศึกษา สนข.อย่าลักไก่รายงาน EHIA
.
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคประชาชน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุข้อความดังนี้

” SEC รับไม้ต่อหรือรับ “ความล้มเหลว” จาก EEC? 
.
แลนด์บริดจ์แค่เริ่มต้น แต่ผลกระทบใหญ่ที่จะตามมาคือเมกะโปรเจคอย่าง “SEC”
.
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา “EEC – Eastern Economic Corridor” ถูกผลักดันอย่างหนักจากรัฐบาลในฐานะ “ระเบียงเศรษฐกิจแห่งอนาคต” ของประเทศไทย ภาพฝันที่ถูกวาดไว้คือ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน สร้างงานคุณภาพสูง และทำให้คนท้องถิ่นมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป เราได้เห็นบทสรุปอีกแบบ
.
1️. โครงสร้างเศรษฐกิจที่กระจุกตัว ผลประโยชน์ส่วนใหญ่ไหลไปสู่กลุ่มทุนขนาดใหญ่และผู้ประกอบการจากนอกพื้นที่ ขณะที่แรงงานท้องถิ่นจำนวนมากยังคงอยู่ในงานค่าจ้างต่ำ หรือไม่ได้เข้าถึงโอกาสที่ควรจะมี
2️. ผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม – การขยายโรงงานอุตสาหกรรม ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานในบางพื้นที่ ก่อให้เกิดมลพิษทางอากาศ น้ำ และเสียง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตชุมชนประมงและเกษตรกรที่อยู่มาก่อน
3️. ราคาที่ดินพุ่ง – คนท้องถิ่นถูกเบียดออก – การเก็งกำไรที่ดินทำให้ครอบครัวดั้งเดิมจำนวนมากต้องขายที่ในราคาต่ำก่อนจะถูกพัฒนา ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่ได้ประโยชน์เต็ม ๆ
4️. การมีส่วนร่วมต่ำ – โครงการส่วนใหญ่ถูกออกแบบจากส่วนกลาง โดยมีการรับฟังความคิดเห็นในเชิงพิธีกรรม มากกว่าการออกแบบร่วมกับชุมชนอย่างแท้จริง
.
วันนี้รัฐบาลกำลังหยิบโมเดลนี้ไปใช้กับ “SEC – Southern Economic Corridor” หรือระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ โดย SEC ถูกนำเสนอว่าเป็นโอกาสใหม่ของประเทศ โดยจะเชื่อมพื้นที่ฝั่งอ่าวไทยและฝั่งอันดามัน ผ่านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เช่น ท่าเรือน้ำลึก ถนน รถไฟ และนิคมอุตสาหกรรม ครอบคลุมหลายจังหวัดภาคใต้ จุดขายที่ถูกพูดถึงคือการเพิ่มศักยภาพด้านโลจิสติกส์ เชื่อมโยงการค้าระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก
แต่คำถามสำคัญ นี่คือการ “รับไม้ต่อ” เพื่อพัฒนา หรือ “รับความล้มเหลว” มาซ้ำรอยอีกครั้ง? เพราะถ้ารัฐยังใช้วิธีการเดิม โดยการ..

• ออกแบบจากส่วนกลาง
• ให้สิทธิประโยชน์กลุ่มทุนขนาดใหญ่เป็นหลัก
• มองชุมชนเพียงในฐานะ “พื้นที่โครงการ” ไม่ใช่ “เจ้าของบ้าน”
• ประเมินความคุ้มค่าโดยใช้ตัวเลขการลงทุน แทนที่จะประเมินความยั่งยืนของชีวิตคนในพื้นที่

SEC จะไม่ใช่โอกาส แต่จะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน ซึ่งบทเรียนจาก EEC ชี้ให้เห็นว่า การพัฒนาเศรษฐกิจแบบเร่งด่วนโดยไม่ฟังเสียงคนในพื้นที่ อาจสร้าง GDP แต่ก็สร้างความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้งไปพร้อมกัน และหาก SEC เดินซ้ำรอยนี้ ภาคใต้จะไม่ได้เป็นเจ้าของโอกาสใหม่ แต่จะกลายเป็นเพียง “ฐานต้นทุน” ให้เศรษฐกิจของคนอื่น
.
โดยเมื่อวานนี้ (5 ส.ค.68) สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้กำหนดจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 3 ในโครงการพัฒนาท่าเรือแลนด์บริดจ์ จังหวัดระนอง ณ โรงแรมเฮอริเทจ ซึ่งพบว่าร่างรายงาน EHIA นี้มีข้อบกพร่องและมีความผิดพลาดหลายประการ ได้แก่
.
1. กระบวนการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในโครงการท่าเรือน้ำลึกชุมพร-ระนอง ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ประชาชนในพื้นที่ไม่รับรู้ในข้อเท็จจริงรวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโครงการ
.
2. ขอบเขตการศึกษาที่โครงการกำหนดไว้เพียง 5 กิโลเมตร ซึ่งไม่ครอบคลุมผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพในชุมชนวงกว้างที่มากกว่าที่โครงการกำหนด เนื่องจากโครงการท่าเรือน้ำลึก ชุมพร-ระนอง มีขนาดใหญ่กว่า 6,000 ไร่ ตั้งอยู่ในพื้นที่อนุรักษ์สำคัญระดับประเทศและนานาชาติ
.
3. การเปิดเผยข้อมูลร่างรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพียงแค่ 15 วัน ตามกฎหมาย แต่เนื้อหารายงานมีจำนวนมากกว่า 1,300 หน้าและถูกแบ่งออกเป็น 2 เล่ม ซึ่งทำให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ตลอดจนนักวิชาการไม่มีเวลาเพียงพอต่อการทำความเข้าใจและพิจารณาข้อกังวลต่อโครงการ
.
4. มีข้อบกพร่องร้ายแรง ทั้งขอบเขตการศึกษาที่แคบเกินไป จนละเลยพื้นที่และชุมชนที่ได้รับผลกระทบจริง รวมถึงเกาะพยามที่เสี่ยงได้รับผลกระทบมากที่สุด ขาดการประเมินผลต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลกทางธรรมชาติ ละเลยการศึกษาการกัดเซาะชายฝั่ง ผลกระทบต่อประมงพื้นบ้าน กลุ่มชาติพันธุ์ และเศรษฐกิจท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ข้อมูลที่ใช้มีความคลาดเคลื่อนและอ้างอิงข้อมูลทุติยภูมิเป็นหลัก ประเมินเพียงช่วงก่อสร้างโดยไม่ครอบคลุมผลกระทบตลอดการดำเนินการ ขาดการวิเคราะห์ความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ การเลือกทำเลและออกแบบท่าเรือให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจกว่าสังคมและสิ่งแวดล้อม ม่มีการประเมินภาพรวมโครงการเชื่อมโยงทุกโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจที่เคยชี้ว่าโครงการไม่คุ้มค่า ก็ไม่ถูกนำมาทบทวน ทำให้รายงานฉบับนี้ถูกมองว่าไม่สะท้อนความจริง ขาดความชอบธรรม และไม่ควรใช้เป็นฐานข้อมูลในการตัดสินใจดำเนินโครงการ
.
5. สนข.ไม่จริงใจ ท่านเชิญประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการแลนด์บริดจ์เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเพียง 3 ตำบลเท่านั้น ทั้งที่ควรเชิญประชาชนที่เกี่ยวข้องให้ครบทุกอำเภอ ทุกเขตพื้นที่
.
และดิฉันดักคอไว้ก่อนเลย สนข.ต้องรายงานการจัดรับฟังความคิดเห็นครั้งนี้อย่างตรงไปตรงมา ว่าเหตุใดเวทีการรับฟังความเห็นถึงต้องยุติ เพราะประชาชนเห็นถึงความไม่ตรงไปตรงมาของรายงาน EHAI มากกว่าการประท้วงจนเกิดความวุ่นวายจึงต้องยุติหรือไม่ ? สนข.ควรหยุดเวทีรับฟังความเห็นที่ไม่จริงใจต่อประชาชน อย่าลักไก่รายงาน EHIA
.
“ดิฉันยืนยันอีกครั้งว่า การพัฒนาที่แท้จริงไม่ได้เริ่มจากโครงการใหญ่บนกระดาษ แต่มันเริ่มจากการฟังเสียงคนในพื้นที่และสร้างอนาคตร่วมกัน” และการพัฒนาที่รัฐกำลังทำอยู่นั้น ทำเพื่อใคร? เพื่อชุมชนท้องถิ่นที่อยู่มาหลายชั่วอายุคน หรือเพื่อกระเป๋าของกลุ่มทุนและผลประโยชน์ทางการเมือง?
สุดท้าย ในฐานะคนใต้ และในฐานะผู้แทนราษฎร ดิฉันเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนกระบวนการศึกษาเมกะโปรเจคนี้เสียใหม่ เอาให้ละเอียด จริงจัง จริงใจ เพราะ SEC เป็นโครงการขนาดใหญ่แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในภาคใต้ มันคือการเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน เปลี่ยนภูมิทัศน์ทางธรรมชาติทั้งหมด ดังนั้น กระบวนการที่ละเอียดจริงจังจึงเป็นสิ่งแรกที่รัฐบาลต้องพิสูจน์ให้เห็น”
.
.

.
นักวิชาการ เปิดรายงาน‘การพัฒนาทุนมนุษย์ในไทย’พบตกทุกด้าน คาดอีก5ปีแพ้เวียดนาม จี้ศธ.-อว.เร่งแก้ https://www.matichon.co.th/local/education/news_5311253
.
นักวิชาการ เปิดรายงาน‘การพัฒนาทุนมนุษย์ในไทย’ พบตกทุกด้าน คาดอีก5ปีแพ้เวียดนาม จี้ศธ.-อว.เร่งแก้
.
นายสมพงษ์ จิตระดับ นักวิชาการด้านการศึกษา เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยรายงาน “การพัฒนาทุนมนุษย์ในประเทศไทย: การวิเคราะห์ช่องว่าง อุปสรรค และทางเลือกเชิงนโยบาย” ซึ่งจัดทำโดย สศช. ร่วมกับยูนิเซฟ และสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ซึ่งมีข้อค้นพบว่า ทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทยด้อยคุณภาพ ทิ้งกลุ่มเปราะบางหลายกลุ่ม การฝึกอบรมไม่เกิดประโยชน์หรือตอบโจทย์กับตลาดแรงงาน และทรัพยากรมนุษย์ไม่สามารถสร้างผลผลิตทางเศรษฐกิจ ได้มากเท่าที่ควร
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ภาพรวมของทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่เกิดถึงอายุ 18 ปี มีระดับผลิตภาพ เพียงร้อยละ 61 ในขณะที่ OECD อยู่ในระดับ 85% ซึ่งไทยตามหลังประเทศที่มีรายได้สูง รายได้ปานกลางระดับบนอีกหลายประเทศ และในอีก 5 ปี ไทยจะแพ้เวียดนามแน่นอน ถ้าไม่เปลี่ยนอะไร รายงานฉบับนี้ศึกษาตั้งแต่เด็กปฐมวัยจนถึงระดับหลังการศึกษามหาวิทยาลัย
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ในระดับปฐมวัยถึงการศึกษาภาคบังคับ ในเชิงปริมาณ ไทยจัดได้ดี 90-98% แต่ในเชิงคุณภาพของปฐมวัยพบปัญหาทุพโภชนาการและการเจริญเติบโตล่าช้า อายุ 0-5 ปี มีภาวะเตี้ยแคระแกร็น ร้อยละ 12.86 ผอมแห้ง ร้อยละ 6.18 เด็กในเมืองน้ำหนักเกินร้อยละ 9.25 เด็กไทยมีพัฒนาการที่สมส่วนร้อยละ 79.2 สำหรับการศึกษาภาคบังคับ ม.1-ม.3 ในเชิงปริมาณทำได้ถึงร้อยละ98 แต่ในเชิงคุณภาพเกิดช่องว่างมาก โดยเฉพาะทักษะขั้นพื้นฐานและวิชาการที่ล่าช้า ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน พบมีนักเรียน ป.2 เพียงร้อยละ 42 มีทักษะการอ่านและการคำนวณที่เหมาะสม ส่วนร้อยละ 68 ต่ำกว่าเกณฑ์ทั้งหมด ส่วนนักเรียนในระดับการศึกษาภาคบังคับ ม.3 ร้อยละ 9 และร้อยละ 15 พัฒนาการอ่านและคำนวณยังอยู่แค่ระดับ ป.2 เท่านั้น ประกอบกับ โรงเรียนขนาดเล็กเพิ่มขึ้นตามลำดับ มีโรงเรียนขนาดเล็กร้อยละ 54 หรือ 29,313 แห่ง หรือเด็ก 1.8 ล้านคนที่อยู่ในโรงเรียนขนาดเล็ก และมีคะแนนเฉลี่ยต่ำมาก เด็กไทยจำนวนไม่น้อยขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
.
นายสมพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือ ม.ปลาย พบว่ามีเด็กเรียนต่อ ม.ปลาย ร้อยละ 59.4 OECD ต่ำกว่าเกณฑ์อยู่ที่ร้อยละ 86 แสดงความมีเด็กหลุดจากระบบการศึกษาตอน ม.ปลายมากที่สุด คือ ร้อยละ 40.6 โดยพบว่าคนยากจนหลุดจากระบบการศึกษามากที่สุด ร้อยละ 62 และคนฐานะดีหลุดเพียงร้อยละ 16
.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า ส่วนการสอดคล้องกันระหว่างการศึกษาและอาชีพ พบว่า ร้อยละ 56 มีคุณวุฒิไม่สอดคล้องกับความต้องการอาชีพ โดยค่าเฉลี่ยของ OECD อยู่ที่ร้อยละ 32 จะพบว่าไม่สอดคล้อง และการตกงานในสาขาสังคมศาสตร์ ทรัพยากรมนุษย์ และวิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ การพัฒนาทักษะอัพสกิล รีสกิล โดยไทยถือเป็นประเทศที่ฝึกอบรมมากที่สุด แต่ประชากรที่ทำงานมีเพียงร้อยละ 2.66 ที่มีการฝึกอบรมเพิ่ม ขณะที่ ODCE ต้องการให้มีค่าเฉลี่ยที่ร้อยละ 58.98 สะท้อนว่าการฝึกอบรมไม่ได้ประโยชน์ ทำให้เกิดผลกระทบต่อตลาดแรงงานเพียงเล็กน้อย ฝึกอบรมแล้วมีงานทำเพิ่ม ร้อยละ 39.4
นายสมพงษ์ กล่าวว่า วิกฤตทักษะขั้นพื้นที่ฐานของเด็กไทย ร้อยละ 64.7 มีปัญหาทักษะการอ่านออกเขียนได้ต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 74.1 มีทักษะดิจิทัลต่ำกว่าเกณฑ์ ร้อยละ 30.3 ทักษะทางอารมณ์และสังคมต่ำกว่าเกณฑ์ และยังพบ เด็กกลุ่ม NEET ที่ไม่ได้อยู่ในการทำงาน การศึกษา หรือการฝึกอบรม ที่อายุ 15–24 ปี เยอะขึ้นตามลำดับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่