เมื่อพี่สาวจองตั๋วรถไฟนำเที่ยวไปน้ำตกไทรโยคน้อย และชวน จขกท.ไปด้วยกัน ในเช้าวันอาทิตย์ ไปดักขึ้นที่ สถานีรถไฟบางซื่อ เวลา 6.37 น.

1 ขบวน ต่อวัน ไป-กลับ ที่นั่งมี 2 ประเภท คือ นั่งปรับอากาศมี 1 ตู้ ราคา 240 บาท/คน และ นั่งพัดลมมี 2 ตู้ ราคา 120 บาท/คน

จนท.รถไฟ มาอธิบายรายละเอียด ว่า รถไฟไม่ได้วิ่งยาวๆไปน้ำตกอย่างเดียว มีแวะจอดให้ ผดส.ลงไปผ่อนคลาย จับจ่ายใช้สอยเพื่อกระจายรายได้กัน
แต่ละจุดพักจะให้เวลานานแค่ไหนบ้าง ขอให้ ผดส.อย่าช้อปเพลินเกินเวลา ถึงเวลารถไฟออกตรงเวลาไม่รอ ใครมาช้าจะตกรถไฟ

หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชม.เศษๆ ก็ถึงจุดจอดแรก คือ สถานีนครปฐม ให้เวลา 45 นาที แก่ผดส.จะไปไหว้พระปฐมฯ เดินชมเมือง หรือจับจ่ายใช้สอยตามที่ชอบ และในเวลาเขาให้พี่สาว จขกท. ก็สามารถหอบหิ้วถุงพลาสติกไม่ต่ำกว่า 10 ใบมายืนรอก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ถามว่าซื้อทุกอย่างที่เห็นไหม ไม่เลย ซื้อแต่ที่ชอบมากๆ เท่านั้น ถ้าซื้อทุกอย่างในเวลา 45 นาที คงตกรถไฟแน่นอน

แค่เดินรอบนอกของตลาดล่างเท่านั้น ก็ได้ผักกูด 2 กำใหญ่

กระเจี๊ยบเขียวอ่อนๆ จากคนขาย 2 สามีภรรยา ที่ปลูกไว้แค่พอกินในครัวเรือน แต่ผลผลิตมีเยอะเกินจะกินทัน เลยนำมาแบ่งขายที่ตลาดแค่กระจาดเล็กๆ จะได้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นๆ แถมได้สตางค์กลับบ้านด้วย จ่ายเงินค่ากระเจี๊ยบ คนขายมีแถมถั่วพลูอ่อนๆ ที่ปลูกเองให้อีกด้วย

ใบชะครามสดๆ ที่เห็นแล้วไม่คว้ามาก็คงเสียเที่ยวนักช้อป

น้อยหน่าของโปรดของคุณเธอ

เห็นสีสันข้าวเหนียวน่ากิน ก็ต้องแวะ

ไหลบัวคุณเธอก็ยังซื้อ

พี่สาวหันมาเห็นหมูสะเต๊ะ 50 ไม้ ที่ย่างเสร็จร้อนๆ ก็ซื้อไปฝากลูกสาวที่บ้าน

เต้าหู้ทอดของโปรดคุณเธอ

หมูปิ้ง ข้าวเหนียว หน้าสถานีรถไฟ

เป็นอาหารเช้ากินในรถไฟกันเลย

ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ จนท.รถไฟ จะมีเดินมารับออเดอร์จาก ผดส. ก่อนถึงสถานีนครปฐม สั่งตามจำนวนที่ต้องการ (ไม่รับออเดอร์แยกข้าวหรือกับ) พอออกจากนครปฐม สักครู่ จขท.ก็นำมาแจกจ่ายตามหมายเลขที่นั่งที่จดไป สะดวกแก่ ผดส.ที่ไม่ต้องไปเดินหาซื้อเอง

ข้าวแกงกระทงป้าน้อยที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก ที่คนเดินทางรถไฟผ่านสถานีนี้ จะรู้กันดีว่ามีรสชาติอร่อยมาก กระทงละ 15 บาท สั่งมา 8 กระทง สำหรับ แบ่งกัน 3 คน มีสั่งเพิ่มขนมจีบและไก่ทอดอย่างละ 2 ชุดจากร้านอีก

ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็กิน ข้าวหมูแดง-หมูกรอบก็กิน พุงแน่นมาก กินต่อไม่ไหว พี่สาวเลยบอกว่า เก็บข้าวแกงกระทงไว้ไปกินกลางวันก็แล้วกัน

และแล้วก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว จุดหมายที่ 2 รถไฟจอดรอให้เวลา 30 นาที ผดส.ไปเดินผ่อนคลาย จับจ่ายตามใจชอบ

2 สามี ภรรยา แฮปปี้ทริปสุดๆ

บนสะพานข้ามแม่น้ำแคว ผดส.ขึ้นไปถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร พวกเราเลยตกลงไม่ขึ้น มาเก็บภาพด้านล่างแทนละกัน

บริเวณนี้ถ่ายภาพได้สบาย สวยๆ โดยไม่มีใครมาบังวิวเลย

และแล้ว คุณเธอก็ยังช้อปต่อ

ได้น้ำมะพร้าวอ่อนสดๆ

ได้ของโปรดคุณเธออีกแว๊ววว

ข้าวโพดอ่อนๆ เธอก็ชอบ

ซื้อที่เขาปิ้งแล้วตั้งใจจะมาแทะในรถ

ตู้นี้ คือที่นั่งพัดลม หน้าต่างเปิดได้ คุณเธอเห็นว่าเจ้าของที่นั่งยังไม่มา ก็ขึ้นไปตั้งท่าขอให้ถ่ายภาพ

จขกท.หยิบโทรโข่ง ที่ จนท.วางไว้มาเป็นพร็อพถ่ายรูป

น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ นั่งกินเพลินๆ ช่วยดับกระหายได้ดีเลย

รถไฟออกตรงเวลา จากสะพานข้ามแม่น้ำแควเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง

ตู้ปรับอากาศเย็นสบาย แต่ข้อด้อยคือ เปิดหน้าต่างไม่ได้เหมือนตู้พัดลม

เมื่อถึงบริเวณนี้ รถไฟวิ่งช้าลงเพราะทางแคบและชิดเขาแบบยื่นมือไปแตะได้ จนท.ต้องเตือนตู้นั่งพัดลม ไม่ให้ยื่นแขน มือ ออกไปนอกตัวรถ

มองผ่านกระจกเห็นแม่น้ำและแพที่พัก

และแล้วก็มาถึงจุดไฮไลค์ของทริปนี้ จขกท.เดินไปตู้สุดท้าย ยืนท้ายขบวน เพื่อถ่ายภาพสวยๆเหล่านี้ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทำเช่นกัน

ถึงตรงนี้ ก็เป็นการต่อสู้ถ่ายภาพกัน ระหว่าง คนบนพื้นดินและคนบนรถไฟ

เมื่อผ่านถ้ำกระแซมาแล้ว เราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เมื่อเวลา 11.30

จนท.ผู้เป็นขวัญใจของ ผดส.ในขบวนนี้ ซึ่งเมื่อใดที่ ขบวนรถไฟจะถึงจุดสำคัญๆ ก็จะถือโทรโข่ง พูดให้ ผดส. ทราบ แถมเล่าตำนาน ที่มาที่ไป พร้อมมีมุขหยอดให้รู้สึกสนุกสนานเป็นกันเองดีมาก

รถไฟจอดรอบริเวณนี้ ให้เวลาพักทั้ง ตัวรถไฟ จนท.และ ผดส. 3 ชม. เต็ม กลับมาขึ้นรถพร้อมกัน เวลา 14.30 น. ใครมาช้า รถไฟไม่รอ ตกรถเช่นเดิม

ถ้าใครไม่เตรียมเสบียงอาหารมา ก็มีร้านค้าขายอาหารหลายร้านเลย ที่บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย

ลงรถไฟ เดินไปไม่เกิน 200 เมตร ก็ถึงบริเวณน้ำตกละ

หมายตาที่ศาลาด้านบนเพื่อนั่งกินกลางวันกัน

ใครเตรียมเสื่อหรือผ้าพลาสติกมาก็ปูที่พื้นตามสะดวกได้เลย

เข้ามาถึงศาลา ก็มองขึ้นไปเห็นภาพที่ติดไว้

ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพของท่านใดในราชวงศ์ไทยแน่ๆ

กระทงนี้ คือ ข้าวราดแพนงเนื้อ

แกงเขียวหวานหมู และไข่พะโล้ รสชาติแกงของป้าน้อยเข้มข้น อร่อยดีเช่นที่เขาร่ำลือกัน เสียดายที่ไม่ได้กินแต่ตอนที่เขามาส่งให้คงอร่อยมาก

แกงเขียวหวานไก่ และแพนงหมู

ข้าวเหนียวที่ซื้อจาก นครปฐม 3 กล่อง คนขายมีแยกกะทิราดใส่ถุงเล็กๆมาให้ด้วย หอม หวาน มัน

กินอิ่ม เก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินไปน้ำตกกันละ ทางขึ้นมีบันไดให้เดินขึ้นไปบริเวณน้ำตกชั้นบนได้

น้ำไหลลงมาตามขั้นบันได ดูสวยงามเลย

ส่วนน้ำตกชั้นบน

น้ำตกที่ไหลลงไปข้างล่าง เป็นแอ่งน้ำกว้างขวาง

ยังมีเวลาเหลือเฟือ ก็เลยขึ้นไปคาเฟด้านบน มีบันไดให้เดินขึ้นไป

แม้จะมีบันได แต่เปรียบเสมือนการเดินขึ้นเขาย่อยๆ เหนื่อยพอประมาณ ใครขึ้นมา ก็มีหยุดพัก 2-3 ครั้งแทบทุกคน

ขึ้นมาสุดทาง ก็เป็นพื้นที่โล่ง กว้างใหญ่ หยุดยืนหอบกันเล็กน้อย

บริเวณคาเฟ่ที่ขึ้นมาด้านบน
[CR] นั่งรถไฟไปเที่ยวน้ำตก
1 ขบวน ต่อวัน ไป-กลับ ที่นั่งมี 2 ประเภท คือ นั่งปรับอากาศมี 1 ตู้ ราคา 240 บาท/คน และ นั่งพัดลมมี 2 ตู้ ราคา 120 บาท/คน
จนท.รถไฟ มาอธิบายรายละเอียด ว่า รถไฟไม่ได้วิ่งยาวๆไปน้ำตกอย่างเดียว มีแวะจอดให้ ผดส.ลงไปผ่อนคลาย จับจ่ายใช้สอยเพื่อกระจายรายได้กัน
แต่ละจุดพักจะให้เวลานานแค่ไหนบ้าง ขอให้ ผดส.อย่าช้อปเพลินเกินเวลา ถึงเวลารถไฟออกตรงเวลาไม่รอ ใครมาช้าจะตกรถไฟ
หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชม.เศษๆ ก็ถึงจุดจอดแรก คือ สถานีนครปฐม ให้เวลา 45 นาที แก่ผดส.จะไปไหว้พระปฐมฯ เดินชมเมือง หรือจับจ่ายใช้สอยตามที่ชอบ และในเวลาเขาให้พี่สาว จขกท. ก็สามารถหอบหิ้วถุงพลาสติกไม่ต่ำกว่า 10 ใบมายืนรอก่อนเวลาที่กำหนดไว้ ถามว่าซื้อทุกอย่างที่เห็นไหม ไม่เลย ซื้อแต่ที่ชอบมากๆ เท่านั้น ถ้าซื้อทุกอย่างในเวลา 45 นาที คงตกรถไฟแน่นอน
แค่เดินรอบนอกของตลาดล่างเท่านั้น ก็ได้ผักกูด 2 กำใหญ่
กระเจี๊ยบเขียวอ่อนๆ จากคนขาย 2 สามีภรรยา ที่ปลูกไว้แค่พอกินในครัวเรือน แต่ผลผลิตมีเยอะเกินจะกินทัน เลยนำมาแบ่งขายที่ตลาดแค่กระจาดเล็กๆ จะได้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นๆ แถมได้สตางค์กลับบ้านด้วย จ่ายเงินค่ากระเจี๊ยบ คนขายมีแถมถั่วพลูอ่อนๆ ที่ปลูกเองให้อีกด้วย
ใบชะครามสดๆ ที่เห็นแล้วไม่คว้ามาก็คงเสียเที่ยวนักช้อป
น้อยหน่าของโปรดของคุณเธอ
เห็นสีสันข้าวเหนียวน่ากิน ก็ต้องแวะ
ไหลบัวคุณเธอก็ยังซื้อ
พี่สาวหันมาเห็นหมูสะเต๊ะ 50 ไม้ ที่ย่างเสร็จร้อนๆ ก็ซื้อไปฝากลูกสาวที่บ้าน
เต้าหู้ทอดของโปรดคุณเธอ
หมูปิ้ง ข้าวเหนียว หน้าสถานีรถไฟ
เป็นอาหารเช้ากินในรถไฟกันเลย
ข้าวหมูแดง-หมูกรอบ จนท.รถไฟ จะมีเดินมารับออเดอร์จาก ผดส. ก่อนถึงสถานีนครปฐม สั่งตามจำนวนที่ต้องการ (ไม่รับออเดอร์แยกข้าวหรือกับ) พอออกจากนครปฐม สักครู่ จขท.ก็นำมาแจกจ่ายตามหมายเลขที่นั่งที่จดไป สะดวกแก่ ผดส.ที่ไม่ต้องไปเดินหาซื้อเอง
ข้าวแกงกระทงป้าน้อยที่สถานีชุมทางหนองปลาดุก ที่คนเดินทางรถไฟผ่านสถานีนี้ จะรู้กันดีว่ามีรสชาติอร่อยมาก กระทงละ 15 บาท สั่งมา 8 กระทง สำหรับ แบ่งกัน 3 คน มีสั่งเพิ่มขนมจีบและไก่ทอดอย่างละ 2 ชุดจากร้านอีก
ข้าวเหนียวหมูปิ้งก็กิน ข้าวหมูแดง-หมูกรอบก็กิน พุงแน่นมาก กินต่อไม่ไหว พี่สาวเลยบอกว่า เก็บข้าวแกงกระทงไว้ไปกินกลางวันก็แล้วกัน
และแล้วก็มาถึงสะพานข้ามแม่น้ำแคว จุดหมายที่ 2 รถไฟจอดรอให้เวลา 30 นาที ผดส.ไปเดินผ่อนคลาย จับจ่ายตามใจชอบ
2 สามี ภรรยา แฮปปี้ทริปสุดๆ
บนสะพานข้ามแม่น้ำแคว ผดส.ขึ้นไปถ่ายรูปกันเยอะพอสมควร พวกเราเลยตกลงไม่ขึ้น มาเก็บภาพด้านล่างแทนละกัน
บริเวณนี้ถ่ายภาพได้สบาย สวยๆ โดยไม่มีใครมาบังวิวเลย
และแล้ว คุณเธอก็ยังช้อปต่อ
ได้น้ำมะพร้าวอ่อนสดๆ
ได้ของโปรดคุณเธออีกแว๊ววว
ข้าวโพดอ่อนๆ เธอก็ชอบ
ซื้อที่เขาปิ้งแล้วตั้งใจจะมาแทะในรถ
ตู้นี้ คือที่นั่งพัดลม หน้าต่างเปิดได้ คุณเธอเห็นว่าเจ้าของที่นั่งยังไม่มา ก็ขึ้นไปตั้งท่าขอให้ถ่ายภาพ
จขกท.หยิบโทรโข่ง ที่ จนท.วางไว้มาเป็นพร็อพถ่ายรูป
น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ นั่งกินเพลินๆ ช่วยดับกระหายได้ดีเลย
รถไฟออกตรงเวลา จากสะพานข้ามแม่น้ำแควเพื่อไปสู่จุดหมายปลายทาง
ตู้ปรับอากาศเย็นสบาย แต่ข้อด้อยคือ เปิดหน้าต่างไม่ได้เหมือนตู้พัดลม
เมื่อถึงบริเวณนี้ รถไฟวิ่งช้าลงเพราะทางแคบและชิดเขาแบบยื่นมือไปแตะได้ จนท.ต้องเตือนตู้นั่งพัดลม ไม่ให้ยื่นแขน มือ ออกไปนอกตัวรถ
มองผ่านกระจกเห็นแม่น้ำและแพที่พัก
และแล้วก็มาถึงจุดไฮไลค์ของทริปนี้ จขกท.เดินไปตู้สุดท้าย ยืนท้ายขบวน เพื่อถ่ายภาพสวยๆเหล่านี้ เป็นประสบการณ์ครั้งแรกในชีวิตที่ได้ทำเช่นกัน
ถึงตรงนี้ ก็เป็นการต่อสู้ถ่ายภาพกัน ระหว่าง คนบนพื้นดินและคนบนรถไฟ
เมื่อผ่านถ้ำกระแซมาแล้ว เราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง สถานีน้ำตกไทรโยคน้อย เมื่อเวลา 11.30
จนท.ผู้เป็นขวัญใจของ ผดส.ในขบวนนี้ ซึ่งเมื่อใดที่ ขบวนรถไฟจะถึงจุดสำคัญๆ ก็จะถือโทรโข่ง พูดให้ ผดส. ทราบ แถมเล่าตำนาน ที่มาที่ไป พร้อมมีมุขหยอดให้รู้สึกสนุกสนานเป็นกันเองดีมาก
รถไฟจอดรอบริเวณนี้ ให้เวลาพักทั้ง ตัวรถไฟ จนท.และ ผดส. 3 ชม. เต็ม กลับมาขึ้นรถพร้อมกัน เวลา 14.30 น. ใครมาช้า รถไฟไม่รอ ตกรถเช่นเดิม
ถ้าใครไม่เตรียมเสบียงอาหารมา ก็มีร้านค้าขายอาหารหลายร้านเลย ที่บริเวณน้ำตกไทรโยคน้อย
ลงรถไฟ เดินไปไม่เกิน 200 เมตร ก็ถึงบริเวณน้ำตกละ
หมายตาที่ศาลาด้านบนเพื่อนั่งกินกลางวันกัน
ใครเตรียมเสื่อหรือผ้าพลาสติกมาก็ปูที่พื้นตามสะดวกได้เลย
เข้ามาถึงศาลา ก็มองขึ้นไปเห็นภาพที่ติดไว้
ไม่แน่ใจว่าเป็นภาพของท่านใดในราชวงศ์ไทยแน่ๆ
กระทงนี้ คือ ข้าวราดแพนงเนื้อ
แกงเขียวหวานหมู และไข่พะโล้ รสชาติแกงของป้าน้อยเข้มข้น อร่อยดีเช่นที่เขาร่ำลือกัน เสียดายที่ไม่ได้กินแต่ตอนที่เขามาส่งให้คงอร่อยมาก
แกงเขียวหวานไก่ และแพนงหมู
ข้าวเหนียวที่ซื้อจาก นครปฐม 3 กล่อง คนขายมีแยกกะทิราดใส่ถุงเล็กๆมาให้ด้วย หอม หวาน มัน
กินอิ่ม เก็บของเรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินไปน้ำตกกันละ ทางขึ้นมีบันไดให้เดินขึ้นไปบริเวณน้ำตกชั้นบนได้
น้ำไหลลงมาตามขั้นบันได ดูสวยงามเลย
ส่วนน้ำตกชั้นบน
น้ำตกที่ไหลลงไปข้างล่าง เป็นแอ่งน้ำกว้างขวาง
ยังมีเวลาเหลือเฟือ ก็เลยขึ้นไปคาเฟด้านบน มีบันไดให้เดินขึ้นไป
แม้จะมีบันได แต่เปรียบเสมือนการเดินขึ้นเขาย่อยๆ เหนื่อยพอประมาณ ใครขึ้นมา ก็มีหยุดพัก 2-3 ครั้งแทบทุกคน
ขึ้นมาสุดทาง ก็เป็นพื้นที่โล่ง กว้างใหญ่ หยุดยืนหอบกันเล็กน้อย
บริเวณคาเฟ่ที่ขึ้นมาด้านบน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้