ฝูงแร้งว่อนชายแดน, สัมพันธ์สวาทมาลี-ฮุน เซน รวมข่าวปลอม-ภาพปลอม เหตุสู้รบไทย-กัมพูชา



เพจเฟซบุ๊กของกัมพูชาเพจหนึ่งโพสต์อ้างว่า นี่คือภาพของทหารไทยที่เสียชีวิตจากการสู้รบ แต่ข้อเท็จจริงคือเป็นภาพของร่างทหารกัมพูชา 12 นายที่ฝ่ายความมั่นคงของไทยกำลังดำเนินการส่งมอบคืนให้กับกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา
4 สิงหาคม 2025
ตั้งแต่ที่การปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 24 ก.ค. ที่ผ่านมา มีรายงานข่าวอย่างแพร่หลายทั้งจากสื่อในประเทศไทยและฝั่งกัมพูชา รวมถึงเนื้อหาจากอินฟลูเอนเซอร์ เพจทางการและไม่ทางการต่าง ๆ ทว่าข่าวจำนวนไม่น้อยถูกพิสูจน์ว่าเป็น "ข่าวปลอม" ทั้งข่าวที่มีการใช้รูปไม่ตรงกับเนื้อหาข่าว หรือใช้ภาพถูกสร้างโดยเอไอ สร้างความสับสนในหมู่ประชาชนทั้งชาวไทยและกัมพูชา
บีบีซีไทยรวบรวมข่าวปลอมส่วนหนึ่งและตรวจสอบที่มาของเนื้อหาข่าว ที่ปรากฎตามสื่อออนไลน์ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนี้
1. กัมพูชายิง F-16 ไทยตก เป็นภาพเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องในอดีต
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. ขณะที่เกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนระหว่างทหารไทยและกัมพูชา โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์ภาพเครื่องบิน F-16 ตกอยู่บริเวณพื้นดิน และมีสภาพไหม้เกรียม โดยสำนักงานข่าวของกัมพูชาจำนวนหนึ่ง เช่น Khmer Times, DAP News, และ เพจเฟซบุ๊กที่มีชื่อว่า "ឈាមតែមួយរួមគ្នា ការពារទឹកដី" ซึ่งมีผู้ติดตามมากกว่า 70,000 คน รายงานตรงกันว่า ทหารกัมพูชาได้ทำการยิงเครื่องบิน F-16 ของไทยตกได้สำเร็จ
สำนักงานข่าว DAP News โพสต์ภาพเครื่องบิน F-16 ที่ถูกใช้ในรายงานของเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ "ข่าวสด" พร้อมข้อความบรรยายที่แปลเป็นไทยได้ว่า "เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทยถูกยิงตกเมื่อเช้านี้ระหว่างการปะทะกับกัมพูชา" ก่อนจะลบไปในภายหลัง
ขณะที่ Khmer Times รายงานข่าวโดยใช้รูปเครื่องบิน F-16 ที่อยู่ในสภาพไหม้ โดยพาดหัวข่าวว่า "แหล่งข่าวยืนยันว่า กองทัพกัมพูชายิงสกัดเครื่องบินไล่ F-16 ของไทยตก" ก่อนที่การรายงานข่าวจะถูกลบไปในภายหลังเช่นกัน

เช่นเดียวกับ สำนักงานข่าวไทยพีบีเอส ที่ตรวจพบว่ารูปดังกล่าวเป็นกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างฝึกซ้อมในประเทศเบลเยียม และไม่ใช่เครื่องบินขับไล่ F-16 ของไทย
ด้าน เพจเฟซบุ๊กของกองทัพอากาศไทยก็ได้ออกมาปฏิเสธข่าวปลอมดังกล่าวในวันเดียวกัน (24 ก.ค.) โดยระบุว่า กรณีที่สื่อประเทศกัมพูชาอ้างว่า เครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทยถูกยิงตกในช่วงเช้าของวันที่ 24 ก.ค. นั้น "ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด" แต่ไม่ได้บอกที่มาของภาพ
2. คลิปไวรัลฝูงแร้งบินว่อนชายแดนอ้างกินซากทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต เป็นคลิปที่ไม่เกี่ยวข้อง
ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์จำนวนมากยังแชร์ภาพและวิดีโอที่อ้างว่าเป็นฝูงนกแร้งบินอยู่เหนือท้องฟ้า โดยอ้างว่าฝูงแร้งเหล่านั้นกำลังบินมากินซากร่างของทหารฝ่ายกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการสู้บ เช่น กรณีของสำนักงานข่าว The Room 44 ที่ได้เผยแพร่วิดีโอดังกล่าว พร้อมระบุข้อความว่า "ขนลุก! ฝูงแร้ง กา บินว่อน คาดมากินซากทหารเขมร" และยังมีการแพร่คลิปวิดีโอซึ่งเป็นภาพนกอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 2 คลิปที่เหมือนกันในโซเชียล
ขณะที่เพจเฟซบุ๊กของกัมพูชาที่ใช้ชื่อว่า Army Media รายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่ามีทหารไทยเสียชีวิตจากการสู้รบกับกัมพูชา "รวมแล้วตั้งแต่ตี 2 ถึงเช้าตรู่เสียชีวิตเกือบ 140 คน ใกล้วัดพระวิหาร... เพราะอยากได้แผ่นดินเขมรมากเกินไป" โดยโพสต์ดังกล่าวแสดงภาพร่างศพคู่กับภาพธงชาติไทย
ผลการตรวจสอบ: เนื้อหาเท็จ
ผศ. ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กยืนยันว่า ภาพดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยระบุว่าภาพฝูงแร้งที่ถูกเผยแพร่นั้น เป็นการ "เอาภาพฝูงแร้งสีน้ำตาลหิมาลัยที่ถ่ายจากเทือกหิมาลัยมามั่วนิ่มเป็นแร้งลงกินซากศพทหารที่ภูมะเขือ"
เช่นเดียวกันกับ โครงการโคแฟค (COFACT) องค์กรภาคประชาสังคมที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลข่าวสาร ก็ออกมายืนยันว่าจากการตรวจสอบกับผู้เชี่ยวชาญ ดร.เพชร มโนปวิตร นายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ระบุว่า คลิป 3 คลิปที่ถูกอ้างว่าบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ และปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ "ไม่ใช่ภาพแร้งและอีกาบริเวณชายแดนไทยกัมพูชา"
"โอกาสที่จะเห็นแร้งรวมฝูงอย่างในภาพแทบจะเป็นไปไม่ได้" เนื่องจากประชากรแร้งในกัมพูชา "ต่างมีสถานภาพใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง"
[img]https://ichef.bbci.co.uk/ace/ws/640/cpsprodpb/0b26/live/181df100-7116-11f0-af20-030418be2ca5.jpg.webp[/img]
ที่มาของภาพ,COFACT โคแฟค
ส่วนเนื้อหาจากเพจเฟซบุ๊กของกัมพูชาที่ใช้ชื่อว่า Army Media ที่อ้างว่าทหารไทยเสียชีวิตกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และโฆษกกองทัพบก ตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวพบว่า เป็นข้อมูลเท็จ โดยภาพดังกล่าวเป็นร่างทหารกัมพูชาจำนวน 12 นาย ซึ่งเสียชีวิตจากการสู้รบในพื้นที่ภูมะเขือ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ดำเนินการส่งมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายกัมพูชา ณ จุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อนำศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาในภูมิลำเนา
ในประเด็นร่างของทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา วันนี้ (4 ส.ค.) ฝ่ายความมั่นคงของไทยได้ออกมาเรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการเก็บกู้ร่างของทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตบริเวณชายแดน
พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ด้านความมั่นคง แถลงว่า การปล่อยศพไว้โดยไม่เก็บกู้อาจจะส่งผลต่อสุขลักษณะในพื้นที่และอาจจะกลายเป็นประเด็นความเดือดร้อนที่ลุกลามเป็นปัญหาข้ามพรมแดนด้วย นอกเหนือจากเรื่องของกลิ่น ก็ยังมีในเรื่องของความสกปรก และอาจจะมีโอกาสที่จะแพร่เชื้อโรคได้ในพื้นที่ซึ่งเป็นอันตรายต่อประชาชนในพื้นที่ และผู้ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดน
"ขอเรียกร้องไปยังกัมพูชาในการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ของประชาชนชาวกัมพูชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารที่เสียสละสู้รบให้กับประเทศท่าน ขอแจ้งผ่านประเทศกัมพูชาในเรื่องนี้ด้วย"
สอดคล้องกับการเปิดเผยของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่ามีทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตหน้าแนวรบในพื้นที่ของกัมพูชาเป็นจำนวนมาก หากเป็นการเสียชีวิตในพื้นที่ฝั่งไทยเราได้ดำเนินการรวบรวมส่งกลับอย่างสมเกียรติ ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศทุกประการ แต่เสียใจอย่างหนึ่งแทนทหารกัมพูชาที่เสียชีวิต คือทางรัฐบาลกัมพูชา ปฏิเสธว่าไม่ใช่ทหารของกัมพูชา ส่วนประเด็นร่างทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตได้แจ้งกับฝ่ายความมั่นคงของกัมพูชาแล้วเช่นกัน
"สิ่งที่ห่วงใยที่ผมได้พูดกับ รมว.กลาโหมของกัมพูชา คือทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจำนวนมากที่อยู่หน้าแนว [รบ] ยังไม่ได้รับการเก็บกลับไป และได้แจ้งไปยัง รมว.กลาโหมกัมพูชาว่า อยากให้มาทำการเก็บศพ ให้ถูกต้องตามสุขลักษณะ และสมเกียรติศักดิ์ศรีของความเป็นทหาร" พล.อ.ณัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ภาพที่ถูกแชร์บนโลกออนไลน์ที่อ้างว่าเป็นร่างของทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตตามจุดต่าง ๆ ไม่มีแหล่งข้อมูลทางการออกมายืนยันว่าเป็นภาพจริงหรือไม่ และบริเวณพื้นที่ใด
3.ภาพปลอม AI เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างฮุนเซน-ภรรยา-โฆษกกลาโหมกัมพูชา ระบาดในไทย เป็นเนื้อหาเท็จ
บีบีซีไทยพบว่า ข่าวปลอมอีกชนิดหนึ่งนอกเหนือจากการใช้รูปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงแล้วนำมาอ้างว่าเป็นเหตุการณ์การปะทะไทย-กัมพูชา คือการสร้างภาพโดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ทั้งภาพของสมเด็จฮุน เซน อดีตนายกฯ กัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาตัวในโรงพยาบาล กับนางบุน รานี ภริยา หรือภาพเชิงชู้สาวของบุคคลสำคัญในกัมพูชา
ในกลุ่มเฟซบุ๊กที่ชื่อว่า "AI CREATIVES THAILAND" ซึ่งมีสมาชิกกลุ่มมากกว่า 580,000 คนได้มีการเผยแพร่รูปภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยเอไอ แล้วนำมาอ้างว่าสมเด็จฮุน เซน และ พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา มีสัมพันธ์ลึกซึ้ง
ผลการตรวจสอบ: ภาพเท็จที่ถูกตัดต่อและสร้างจากเอไอ
บีบีซีไทยตรวจสอบพบว่า ภาพที่ถูกแชร์อย่างแพร่หลายเป็นภาพตัดต่อ และบางส่วนเป็นภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยเอไอ
ที่มาของภาพ,FACEBOOK/AI CREATIVES THAILAND
คำบรรยายภาพ,นี่คือหนึ่งในภาพที่ถูกสร้างขึ้นโดยเอไอจากสมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊ก "AI CREATIVES THAILAND" ซึ่งแสดงภาพสมเด็จฮุน เซน และโฆษกกลาโหมกัมพูชา ในเชิงชู้สาวโดยไม่มีมูลความจริง
นอกจากนี้ สมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊กดังกล่าวยังได้โพสต์ขอให้สมาชิกกลุ่มผลิตภาพผู้นำฝั่งไทยและกัมพูชาในลักษณะสนิทสนมกันโดยใช้เอไอ พร้อมระบุด้วยว่าหากได้ภาพมาแล้ว "จะไม่ทำให้ผิดหวังเลยครับ"
นอกจากนี้ ยังมีภาพนางบุน รานี ภริยาของสมเด็จฮุน เซน และพลโทหญิงมาลี ในรายการโหนกระแส พร้อมข้อความว่า "บุน รานี เปิดใจกลางรายการว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเค้าไม่คิดว่าฮุน เซนจะหักหลังไปคบหากับมาลี หลังจากนี้จะดำเนินการฟ้องหย่าตามกฎหมาย" ซึ่งบีบีซีไทย ตรวจสอบพบว่าเทปรายการดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้น และภาพดังกล่าวเป็นภาพตัดต่อ
4. เครื่องบินกองทัพไทยโปรยสารเคมีสีชมพู อ้างเป็นก๊าซพิษสังหารชาวกัมพูชา เป็นข่าวปลอม
ภาพของเครื่องบินที่ไม่ทราบรุ่นกำลังโปรยสารเคมีสีชมพู ในภาพที่ถูกแชร์ปรากฏภาพธงชาติไทย และข้อความว่าไทยใช้ก๊าซพิษคร่าชีวิตพลเรือนกัมพูชา
ภาพดังกล่าวเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียของทั้งกัมพูชาและไทย แม้กระทั่งเพจของสถานเอกอัคราชทูตกัมพูชาในประเทศบัลแกเรีย หรือบัญชีเฟซบุ๊กของ เพชร จันมุนี ภรรยาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่ใช้ชื่อว่า Chanmony Pich ยังแชร์ภาพนี้
ภาพและข้อกล่าวอ้างนี้ยังถูกกระจายต่อโดย พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชา แถลงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. อ้างว่ากองทัพไทยใช้เครื่องบินโปรยก๊าซพิษโจมตีพื้นที่แอนเซส (An Ses) ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่พิพาทที่ไทยเรียกว่าช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี และพื้นที่พนมโคมาช (Phnom Kmoach)
ผลการตรวจสอบ: เนื้อหาเท็จ
แผนกตรวจสอบข้อเท็จจริงของเอเอฟพี (AFP Factcheck) ระบุว่าภาพดังกล่าวเป็นข้อมูลเท็จ โดยเป็นภาพเครื่องบินของสหรัฐฯ ปล่อยสารหน่วงไฟที่ย่านที่อยู่อาศัยที่ชื่อว่า พาลิเสด รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐฯ เมื่อ 12 ม.ค. ต้นปีที่ผ่านมา ที่ถ่ายทำโดยช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ส
คำบรรยายภาพดังกล่าวระบุว่า "เครื่องบินบรรทุกสารเคมีทิ้งสารหน่วงไฟ (fire retardant) บริเวณย่านพาลิเสดที่กำลังถูกเกิดไฟป่า โดยภาพนี้ถ่ายจากพื้นที่วูดแลนด์ ฮิลล์ส"
ข้อกล่าวหานี้ ยังถูกชี้แจงจาก พ.อ.พัฒนา พันธุ์มงคล ผู้แทนกรมข่าวทหารบก เมื่อ 1 ส.ค. ต่อคณะทูตนานาชาติที่ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
พ.อ.พัฒนา ระบุว่าข้อกล่าวหาไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยอาวุธเคมี (Chemical Weapons Convention - CWC) และปฏิบัติตามข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่มีหน่วยใดในกองทัพไทยที่ใช้อาวุธเคมี ทั้งในแง่ยุทธวิธีหรือยุทธศาสตร์ การกล่าวหาเช่นนี้เข้าข่าย war propaganda (การโฆษณาชวนเชื่อทางสงคราม) และเป็นความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อใส่ร้าย กรณีภาพระเบิดเคมีที่ฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ แท้จริงคือภาพภารกิจการดับไฟป่าที่สหรัฐฯ
ที่มาของภาพ,HAND OUT/กองทัพบก
https://www.bbc.com/thai/articles/cr5r2ed7pqjo[
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่