JJNY : 5in1 เปิดสภาพบ้านทหารสละชีพ│ปชน.แจงข่าวปลอม│ภัณฑิลชี้ทำขัดกัน│ชัชชาติยันดูแลเท่าเทียม│สื่อนอกตีข่าวฮุนเซนปั่นปชช.

เปิดสภาพบ้าน ทหารแนวหน้าสละชีพเพื่อชาติ อยู่กระต๊อบ ญาติเล่าอยากเป็นทหารมาตลอด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9877379
.
.
บรรยากาศพิธีฌาปนกิจ พลทหาร ธีรยุทธ กระจ่างทอง หรือ ส.ต.ธีรยุทธ กระจ่างทอง จากเหตุปะทะกับทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 29 ก.ค.ที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ
.
​ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบบ้านของครอบครัว ส.ต.ธีรยุทธ พบปลูกกระต๊อบ 2-3 หลังไว้ให้ครอบครัวอยู่ มีการยกเสาบ้านขึ้นมามุงหลังคาเอาไว้ แต่ยังไม่มีตัวบ้านซึ่งเป็นบ้านที่ครอบครัวเตรียมจะสร้าง
.
นายสิทธิชัย เจริญขุนทศ อายุ 51 ปี ลูกพี่ลูกน้องของ ส.ต.ธีรยุทธ เล่าว่าน้องเป็นคนนิสัยดี แต่เรียนจบแค่ชั้น ม.2 เพราะไม่มีเงินไปโรงเรียน จนกระทั่งสมัครไปเป็นทหารและเรียนต่อชั้น ม.3 จบที่ในค่ายทหาร เตรียมจะเรียนต่อแต่ได้เสียชีวิตก่อน
.
นายสิทธิชัย เล่าด้วยว่าหลานอยากเป็นทหารมาก เพราะตระกูลเขาเป็นทหารทั้งหมด ตั้งแต่ปู่ทวดมาเป็นทหารทั้งหมด ส่วนบ้านอยู่อาศัยเท่าที่เห็น ยังไม่มีไฟฟ้า ยังไม่มีน้ำประปา ใช้แสงสว่างจากโซล่าเซลมาตั้งหลอดไฟหลอดเดียวเท่านั้น
.
ขณะที่ชายเสื้อน้ำเงิน ส.ต.ธีรยุทธ เล่าว่าน้องเพิ่งออกรถจักรยานยนต์ใหม่เพิ่งผ่อนมาได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น หลังจากนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครจะเป็นจ่ายค่างวดรถให้น้อง.
.

.
ปชน. แจงภาพเท้งประณาม รพ. เป็นข่าวปลอม ยันหัวหน้าพรรคไม่เคยพูด
https://www.matichon.co.th/politics/news_5305035
.
ปชน. แจงภาพเท้งประณาม รพ. เป็นข่าวปลอม ยันหัวหน้าพรรคไม่เคยพูด
.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีข่าวปลอม ที่มีการตัดต่อภาพของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และนำไปใส่ข้อความระบุว่า “ในฐานะผมอยู่พรรคประชาชนขอประณามโรงพยาบาลที่คิดปฏิเสธรักษาคนเขมรเป็นคนไทยที่ทำตัวแย่มาก” โดยระบุเป็นข้อความ ดังนี้
.
1.ข้อความและคำพูดในภาพดังกล่าวเป็นเท็จ เพราะไม่เคยปรากฏว่าณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เคยสื่อสารถ้อยคำดังกล่าวแต่อย่างใด
.
2.สำหรับความเห็นของพรรคประชาชนต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีเพียงในโพสต์ของพรรค ซึ่งไม่ได้มีการใช้ถ้อยคำหรือความหมายที่ใกล้เคียงกับที่ปรากฏในภาพแต่อย่างใด โดยเป็นเพียงการแสดงความเห็นเรื่องข้อควรระวังในการทำให้ประเทศไทยไม่เสียเปรียบกัมพูชาในเวทีโลก ด้วยการยึดหลักกฎหมายและหลักมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตามอนุสัญญาเจนีวาที่ประเทศไทยได้เป็นภาคี
.
3.ซึ่งแนวทางการสื่อสารของพรรคสอดคล้องกับที่ทางโรงพยาบาลดังกล่าวเองได้ดำเนินการสื่อสารในเวลาต่อมา รวมทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และโรงพยาบาลในจังหวัดใกล้เคียงสื่อสารยืนยันด้วย
.
4.พรรคประชาชนเราตระหนักดีถึงความยากลำบากของบุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในสถานการณ์นี้ทุกท่าน และเรายินดีน้อมรับทุกคำวิจารณ์และติเตียนเพื่อนำข้อกังวลเหล่านั้นไปปรับปรุงการทำงานเสมอ
.

.
ภัณฑิล ชี้ พิเชษฐ์ สวมหมวก 2 ใบ ทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ ไม่ขัดฝ่ายค้านยื่นสอบต่อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_5304821
.
ภัณฑิล ชี้ พิเชษฐ์ สวมหมวก 2 ใบทำขัดกันแห่งผลประโยชน์ ยังอุบเดินหน้ายื่นศาลรัฐธรรมนูญสอยเคสอื่นต่อหรือไม่
.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ในฐานะผู้ร้อง ให้สัมภาษณ์ถึงการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.เชียงราย และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 10 ปี เนื่องจากมีพฤติกรรมที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 กรณีโยกงบประมาณลงพื้นที่ตัวเองนั้น จะมีการขยายผลไปยังกรณีอื่นหรือไม่ ว่า กรณีงบประมาณโครงการขนาดใหญ่ที่ถูกแปรเปลี่ยนมาจากเดิม ที่นายพิเชษฐ์ขอไว้เป็นงบอบรมสัมมนาได้ถูกระงับยับยั้งไว้เป็นส่วนใหญ่ หรือในบางโครงการก็มีการปรับลดงบประมาณไปให้มีความสอดคล้องกับความจำเป็นและเหมาะสมมากขึ้น รวมทั้งประเมินถึงความคุ้มค่าด้วย
.
เมื่อถามถึงกรณีมีการมองว่าหากตรวจสอบต่อไปจะมี ส.ส.ซีกรัฐบาลจำนวนมากที่เข้าข่ายกรณีนายพิเชษฐ์ ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร นายภัณฑิลกล่าวว่า มันต้องแยกว่า ส.ส.ที่จะโดน โดนในเคสใด เพราะต้องเรียนให้ทราบว่า นายพิเชษฐ์มี 2 หมวก คือหมวกที่เป็น ส.ส.เป็นตัวแทนประชาชน และหมวกที่เป็นรองประธานสภา เป็นเหมือนฝ่ายบริหาร ฝ่ายการเมืองของข้าราชการประจำรัฐสภา ซึ่งในหมวกหนึ่งก็มีหน้าที่ที่สามารถกำหนดนโยบายเฉกเช่นเดียวกับ รมว.หรือ รมช.ที่เป็นฝ่ายบริหาร การกำหนดนโยบายนั้นไม่ได้ผิด ตราบใดถ้าไม่มีการขัดกันแห่งผลประโยชน์ที่เหมือนชงเองตบเอง คือฉันทำนโยบายนี้ แล้วสุดท้ายไปกำกับนโยบายดังกล่าวเพื่อให้ทุกคนมาผ่านฉัน และเอาเงินไปลงในเขตตัวเองเพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเอง มันเหมือนเป็นผลประโยชน์ส่วนตัวกับผลประโยชน์ของส่วนรวมที่มันแยกกันไม่ออกและทับซ้อนกัน
.
อันนี้จะเป็นลักษณะเฉพาะในกรณีของนายพิเชษฐ์ ซึ่งมี 2 หมวก ที่ใช้อำนาจของตัวเองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ซึ่งถ้าเผื่อเขาจะเอาไปอบรมสัมมนาทั่วประเทศจริงๆ ก็อาจจะไม่ได้ผิดก็ได้ ซึ่งเขาเป็นคนสั่งการให้มีเรื่องเหล่านี้ และเอาไปลงในพื้นที่ตัวเอง คำขอก็มาจากชาวบ้านในเขตพื้นที่ตัวเอง แถมเรื่องนี้อาจจะไม่ได้อยู่ในคำพิพากษาคำวินิจฉัยของศาล คือส่วนใหญ่แล้วงบที่ขอไปก็ไม่ได้ทำ แต่เอามาอ้างเฉยๆ อ้างกลุ่มสตรี เยาวชน และประชาชน แต่สุดท้ายแปรเปลี่ยนงบประมาณไปออกแบบทำเรื่องอย่างอื่น อันนี้ก็ซ้ำร้ายกว่าเดิมและเป็นความคิดเชิงนโยบายที่เราเข้าไปพยายามระงับยับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหาย เช่น เอาเป็นออกแบบที่จอดรถ เป็นต้น เพราะขอเอาไว้อย่างแต่เอาไปทำอีกอย่างหนึ่งมันก็ไม่ตรงปก คิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมและลักไก่ในการที่จะทำเรื่องที่ไม่ได้มีการมาขออนุญาตสภาก่อน” นายภัณฑิลกล่าว
.
ถามว่าพรรคประชาชนหรือฝ่ายค้านจะมีการยื่นตรวจสอบกรณีอื่นอีกหรือไม่ นายภัณฑิลกล่าวว่า ประเด็นที่ตนตรวจสอบและติดตามอยู่เป็นจะประเด็นรัฐสภาเป็นหลัก เพราะตนในฐานะ ส.ส.เป็นผู้ใช้งานอาคารรัฐสภา ซึ่งสภาต้องมีหมุดหมายที่จะให้บริการประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงทำหน้าที่หลักของเราในการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารคือการตรวจสอบงบประมาณ เราจึงต้องยึดหลักตรงนี้ให้มั่นว่า เราไม่สามารถที่จะไปมีส่วนได้ส่วนเสียกับงบประมาณได้เพราะเราเป็นฝ่ายตรวจสอบ
.
ส่วนหากจะมีพรรคการเมืองฝ่ายค้านหรือภาคประชาชนอื่น ไปยื่นตรวจสอบต่อก็สามารถดำเนินการได้ใช่หรือไม่ นายภัณฑิลกล่าวว่า ใช่ โดยต้องดูว่ามีมูลหรือเปล่า ซึ่งเรื่องที่ตนได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯไปในวาระ 1 สืบจนถึงการวินิจฉัย ก็เพราะว่ามีข้าราชการรัฐสภาเขารู้สึกว่าเดือดร้อนมาก การมีเรื่องที่จะทำให้เขาสุ่มเสี่ยงต่อการกระทำความผิดต่างๆ ซึ่งเขาได้ทักท้วงไว้แล้วตั้งแต่ต้น ซึ่งตนไม่ได้เป็นคนทำข้อมูลหรือชี้เบาะแส แต่มีคนทำข้อมูลและมาผ่านช่องทาง ซึ่งตนใช้เวทีสภาในการอภิปรายและทำให้เป็นกระแสสังคม จนยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งประชาชนทุกคนน่าจะเห็นตรงกันว่ามันไม่ถูกต้อง ผ่านกระบวนการที่ผิด สุดท้ายก็ยืนยันได้ด้วยศาลรัฐธรรมนูญ ถึงแม้ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ แต่เขาก็มีหน้าที่วินิจฉัยไปตามกฎหมายว่ามาตรา 144 มันห้าม ส.ส.เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเงินงบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ
.

.
ชัชชาติยัน ดูแลทุกม็อบเท่าเทียม ‘ส่งรถสุขา-น้ำดื่ม’ รองปลัดฯ เกาะติดตรวจเข้ม
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_5305246
.
ชัชชาติยัน ดูแลทุกม็อบเท่าเทียม ‘ส่งรถสุขา-น้ำดื่ม’ รองปลัดฯ เกาะติดฯ ตรวจเข้ม
.
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรุงเทพฯ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง กลุ่มผู้ชุมนุมรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ระหว่างร่วมกิจกรรม “ผู้ว่าฯ สัญจร (รอบ 2)” ครั้งที่ 23 ในพื้นที่เขตลาดพร้าว
.
นายชัชชาติกล่าวว่า ในส่วนของผู้ชุมนุมรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยฯ ผู้ชุมนุมกลุ่มนี้ไม่ได้ขออนุญาตใช้พื้นที่สาธารณะจาก กทม.ที่จัดสถานที่สาธารณะให้ชุมนุมทางการเมือง ได้ 7 แห่ง เช่น ลานคนเมือง ไทย-ญี่ปุ่น ฯลฯ แต่กลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวไปขออนุญาตจากตำรวจ กทม.จึงได้ให้ความร่วมมือในเรื่องของรถสุขาเคลื่อนที่ รถบริการน้ำดื่ม เจ้าหน้าที่เทศกิจอำนวยความสะดวกด้านการจราจร และจะดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียม
.
“การชุมนุมครั้งที่ผ่านมา กทม. ก็สามารถดำเนินการดูแลความสงบเรียบร้อยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังมีศูนย์บัญชาการที่เขตราชเทวีอยู่แล้ว ซึ่งสามารถทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดกับสำนักงานเขตเมื่อเกิดปัญหาต่างๆ อีกด้วย” นายชัชชาติกล่าว
.
ด้าน นายศุภกฤต บุญขันธ์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.ส่วนหน้า) แถลงข่าวแนวทางการดูแลการชุมนุมสาธารณะ เพื่อดูแลความเรียบร้อยและปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมี ผู้อำนวยการเขตราชเทวี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่เขตราชเทวี ร่วมแถลงข่าว
.
พร้อมสรุปแนวทาง 3 ด้าน ในการดูแลการชุมนุมสาธารณะบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กทม ร่วมกับศปก.ส่วนหน้า วางแนวทางดูแลความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในการชุมนุมไว้ 3 ด้านหลัก ดังนี้
.
1. ด้านการรักษาความปลอดภัยพื้นที่ชุมนุมและประชาชนโดยรอบ
• ตั้ง จุดตรวจ 6 จุด
• จุด เปิดสัญญาณไฟป้องกันเหตุ 10 จุด
• จุด คัดกรองพื้นราบ 4 จุด และ คัดกรองบนสกายวอล์ค 6 จุด
• จัดทีม EOD และสุนัขตำรวจ (K-9) ตรวจหาวัตถุต้องสงสัย
• ตรวจสอบ สิ่งของบริจาค ณ เต็นท์ของผู้ชุมนุม
• ติดตั้ง กล้องวงจรปิด ทั้งจาก กทม. และ NT มากกว่า 200 ตัว
• จัดวาง ถังขยะใส เพื่อสะดวกในการตรวจสอบ
• ห้ามบินโดรนทุกกรณี เพื่อความปลอดภัย
.
2. ด้านการอำนวยความสะดวกด้านจราจร
• ประชาสัมพันธ์ผ่าน โซเชียลมีเดีย ให้หลีกเลี่ยงเส้นทางบริเวณชุมนุม
• ติดตั้ง ไวนิลแจ้งเตือน บนเส้นทางเข้าสู่พื้นที่ชุมนุม
• บูรณาการกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจจราจร บก.จร. จำนวน 80 นาย
• จัดทำ เส้นทางฉุกเฉินทางการแพทย์ (Service Lane)
• เตรียม ชุดเคลื่อนที่เร็ว แก้ไขปัญหาจราจรและตอบสนองกรณีฉุกเฉิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่