มันคือป้อมที่แยกออกมาเดี่ยวๆ จากระบบนี้ โดยมี ระบบการยิงเป็นของตนเอง
https://pantip.com/topic/43655172
แต่ ถึงราคา จะสมเหตุผล และเน้นไปด้านนี้ แต่เรา นั้นซื้อ ของ เมกันได้3ถึง 4คัน…
ทรัมป์ไม่ปลื้ม…ซะด้วยสิ
https://pantip.com/topic/43654948
ความต่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Skyranger ปะทะ Stryker SHORAD: เจาะลึกความต่างในการรับมือภัยคุกคามยุคใหม่ และราคาต่อหน่วย
ในสนามรบสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยภัยคุกคามทางอากาศหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะโดรนและกระสุนนำวิถี ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้ (SHORAD) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญยิ่งในการคุ้มกันหน่วยทหาร สองระบบที่เป็นที่จับตาคือ Skyranger จาก Rheinmetall ประเทศเยอรมนี และ Stryker IM-SHORAD ของสหรัฐอเมริกา ทั้งสองถูกออกแบบมาเพื่อภารกิจเดียวกันแต่มีปรัชญาและขีดความสามารถที่แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ รวมถึงราคาที่สะท้อนถึงแนวคิดในการออกแบบนั้นๆ
บทความนี้จะวิเคราะห์เปรียบเทียบความสามารถของทั้งสองระบบในการต่อกรกับภัยคุกคามจำเพาะ พร้อมทั้งประเมินราคาต่อหน่วยจากข้อมูลการจัดซื้อจริง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
ปรัชญาการออกแบบและภาพรวมระบบ
Skyranger: "กำแพงเหล็ก" ผู้เชี่ยวชาญการทำลายล้าง
Skyranger คือระบบป้อมปืนต่อสู้อากาศยานแบบโมดูลาร์ที่สามารถติดตั้งบนยานเกราะได้หลายประเภท หัวใจของมันคือ ปืนใหญ่อัตโนมัติ Revolver Cannon ขนาด 30 มม. หรือ 35 มม. ที่มี อัตราการยิงสูงมหาศาล (1,000-1,200 นัดต่อนาที) จุดแข็งที่สุดคือการทำงานร่วมกับ กระสุนอัจฉริยะแบบแตกอากาศ (Airburst Munition - AHEAD) ซึ่งสามารถโปรแกรมให้ระเบิดในตำแหน่งที่คำนวณไว้ได้อย่างแม่นยำ เพื่อสร้างม่านสะเก็ดกระสุนทังสเตนกวาดล้างเป้าหมาย ปรัชญาของ Skyranger คือการสร้าง "กำแพงเหล็ก" ที่หนาแน่นพอที่จะทำลายเป้าหมายขนาดเล็ก ความเร็วสูง และมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงการยิงสกัดกั้นกระสุนปืนใหญ่และจรวด (ภารกิจ C-RAM)
Stryker IM-SHORAD: "นักสู้ผู้รอบด้าน" พร้อมเครื่องมือครบครัน
Stryker IM-SHORAD (Initial Maneuver-SHORAD) คือระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ติดตั้งบนโครงรถยานเกราะล้อยาง Stryker ของกองทัพสหรัฐฯ โดยใช้แนวทาง "ผสมผสาน" (Multi-layered) เพื่อรับมือภัยคุกคามที่หลากหลาย ป้อมปืนของ Stryker ประกอบด้วยอาวุธหลายชนิด:
* ปืนใหญ่อัตโนมัติ XM914 ขนาด 30 มม. (อัตราการยิงประมาณ 200-300 นัดต่อนาที)
* จรวด Stinger 8 นัด สำหรับเป้าหมายในระยะกลางถึงสูง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Stryker M-SHORAD ไม่สามารถต่อกรรถถังหลักได้โดยตรง และข่าวการสั่งห้ามใช้จรวดรุ่นนี้เป็นเรื่องจริง
สรุปประเด็นสำคัญ:
* ภารกิจหลักคือต่อต้านอากาศยาน: Stryker M-SHORAD (Maneuver-Short Range Air Defense) ถูกออกแบบมาเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศในระยะใกล้เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายหลักคือ อากาศยานไร้คนขับ (โดรน), เฮลิคอปเตอร์ และอากาศยานที่บินในระดับต่ำ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อต่อสู้กับรถถังหลัก (Main Battle Tank - MBT) โดยตรง
* อำนาจการยิงไม่เพียงพอต่อรถถังหลัก: แม้ว่า M-SHORAD จะมีอาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายแก่เป้าหมายภาคพื้นดินได้ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะทำลายเกราะหนาของรถถังหลักสมัยใหม่ได้
* จรวด Hellfire ถูกสั่งห้ามใช้: กองทัพบกสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการใช้จรวด AGM-114 Longbow Hellfire บน Stryker M-SHORAD รุ่นปัจจุบันจริง เนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัยที่เกิดจากการสึกหรอของตัวจรวดเมื่อต้องเคลื่อนที่ไปกับยานเกราะภาคพื้นดิน
รายละเอียดศักยภาพการต่อสู้เป้าหมายภาคพื้นดิน:
Stryker M-SHORAD ติดตั้งระบบอาวุธที่หลากหลาย แต่เมื่อพิจารณาถึงการต่อสู้กับรถถังหลักแล้ว มีข้อจำกัดดังนี้:
* ปืนใหญ่อัตโนมัติ XM914 30 มม.: ปืนใหญ่นี้ใช้กระสุนอเนกประสงค์ระเบิดแรงสูง (High Explosive Dual Purpose - HEDP) รุ่น M789 ซึ่งมีความสามารถในการเจาะเกราะได้ในระดับหนึ่ง (ประมาณ 25.4 มม. ของเกราะเหล็กแผ่นเนื้อเดียวกัน) เพียงพอสำหรับยานเกราะเบาหรือเป้าหมายที่ไม่ใช่รถถัง แต่ไม่สามารถเจาะเกราะด้านหน้าหรือด้านข้างของรถถังหลักสมัยใหม่ได้ อย่างไรก็ตาม การยิงด้วยปืน 30 มม. ยังสามารถสร้างความเสียหายรอง (mission kill) ต่อรถถังได้ เช่น การทำลายระบบตรวจการณ์ (optics), สายพาน, หรือระบบอาวุธภายนอก ทำให้รถถังไม่สามารถปฏิบัติภารกิจต่อไปได้
* จรวด FIM-92 Stinger: เป็นจรวดต่อสู้อากาศยานนำวิถีด้วยอินฟราเรดเป็นหลัก ถูกออกแบบมาเพื่อต่อต้านเป้าหมายทางอากาศ และไม่มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับรถถัง
* จรวด AGM-114 Longbow Hellfire (ถูกสั่งห้ามใช้): เดิมทีจรวด Hellfire ซึ่งเป็นจรวดต่อสู้รถถังโดยกำเนิด เป็นอาวุธที่มีศักยภาพสูงสุดของ M-SHORAD ในการต่อกรกับรถถัง อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปข้างต้น กองทัพบกสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามการใช้งานจรวดชนิดนี้บน M-SHORAD แล้ว และมีแผนจะนำจรวด Stinger มาติดตั้งทดแทน ทำให้ M-SHORAD ขาดความสามารถในการต่อสู้กับรถถังโดยสิ้นเชิง
ข่าวอัปเดตเรื่องการสั่งห้ามใช้จรวด:
รายงานข่าวจากหลายสำนักในช่วงเดือนมิถุนายน 2024 ยืนยันว่ากองทัพบกสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามไม่ให้ทหารใช้จรวด Longbow Hellfire ที่ติดตั้งบน Stryker M-SHORAD เนื่องจากพบว่าการติดตั้งจรวดซึ่งเดิมออกแบบมาสำหรับใช้งานบนอากาศยาน ไว้ที่ด้านข้างของยานเกราะภาคพื้นดิน ทำให้ตัวจรวดเกิดการสึกหรอและอาจนำไปสู่ปัญหาด้านความปลอดภัยได้
แผนในปัจจุบันคือการปรับปรุง M-SHORAD ที่ผลิตออกมาแล้ว โดยการถอดแท่นยิง Hellfire ออก และติดตั้งแท่นยิง Stinger เพิ่มเข้าไปแทน ทำให้รถหนึ่งคันสามารถบรรทุกจรวด Stinger ได้ถึง 8 นัด ซึ่งเป็นการเน้นย้ำภารกิจหลักในการป้องกันภัยทางอากาศให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
โดยสรุป Stryker M-SHORAD ในรุ่นปัจจุบันและรุ่นที่กำลังจะปรับปรุง ไม่สามารถต่อสู้ทำลายรถถังหลักได้โดยตรง เนื่องจากขาดอาวุธที่มีอำนาจการเจาะเกราะที่เพียงพอ และข่าวการสั่งห้ามใช้จรวด Hellfire ซึ่งเป็นอาวุธต่อสู้รถถังชนิดเดียวของระบบ ก็เป็นความจริง ทำให้บทบาทของ M-SHORAD มุ่งเน้นไปที่การป้องกันภัยทางอากาศเป็นหลักอย่างชัดเจน
* ปืนกลร่วมแกน 7.62 มม.
ปรัชญาของ Stryker คือการมี "เครื่องมือที่เหมาะสมกับงาน" โดยสามารถเลือกใช้อาวุธได้ตามความคุ้มค่าและลักษณะของเป้าหมาย ตั้งแต่การใช้ปืนใหญ่กับภัยคุกคามระยะใกล้ ไปจนถึงการใช้จรวดกับเป้าหมายที่มีมูลค่าสูงกว่าในระยะไกล
การเปรียบเทียบศักยภาพในการรบ
การต่อสู้กับฝูงโดรน FPV
ภัยคุกคามจากโดรน FPV ที่มีขนาดเล็ก เร็ว และโจมตีแบบฝูง (Swarm) ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งต่อระบบป้องกันภัยในปัจจุบัน
ในสถานการณ์นี้ Skyranger มีความได้เปรียบอย่างเด็ดขาด ด้วยอัตราการยิงที่สูงกว่า Stryker ถึง 4-5 เท่า ทำให้สามารถยิงกระสุน AHEAD สร้างม่านสะเก็ดสังหารที่หนาแน่นเพื่อทำลายฝูงโดรนได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูง ในทางกลับกัน แม้ปืน 30 มม. ของ Stryker SHORAD จะสามารถทำลายโดรน FPV ได้ แต่ด้วยอัตราการยิงที่ต่ำกว่า ทำให้การรับมือกับโดรนจำนวนมากพร้อมกันเป็นไปได้ยาก การใช้จรวด Stinger กับโดรน FPV ก็ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์อย่างสิ้นเชิง
การต่อสู้กับโดรน Loitering Munition และ Shahed
โดรนเหล่านี้มีขนาดใหญ่กว่า บินสูงและไกลกว่า FPV ทำให้ระบบป้องกันมีเวลาในการตรวจจับและเลือกใช้อาวุธมากขึ้น
ในภารกิจนี้ Stryker SHORAD แสดงความยืดหยุ่นได้อย่างยอดเยี่ยม ผู้ควบคุมสามารถเลือกใช้จรวด Stinger (ระยะยิงหวังผลราว 8 กม.) เพื่อสกัดกั้นเป้าหมายเหล่านี้ได้จากระยะไกล ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูงและได้รับการพิสูจน์แล้วในสนามรบจริง หากเป้าหมายเข้ามาในระยะใกล้ ก็ยังสามารถใช้ปืนใหญ่ 30 มม. จัดการได้ ขณะที่ Skyranger ยังคงใช้ปืนใหญ่ 30/35 มม. ที่มีอำนาจการทำลายล้างสูงในระยะยิงหวังผล (ประมาณ 3-4 กม.) ได้เป็นอย่างดี และยังสามารถติดตั้งจรวดต่อต้านอากาศยานเพิ่มเติมได้เพื่อเพิ่มระยะยิง ทำให้มีความสามารถใกล้เคียงกัน แต่ Stryker มีความพร้อมในตัวมากกว่า
การต่อสู้กับกระสุนปืนใหญ่, ปืนครก (C-RAM) และจรวด BM-21
ภารกิจ C-RAM (Counter-Rocket, Artillery, and Mortar) คือการยิงสกัดกั้นกระสุนที่กำลังพุ่งเข้ามา ซึ่งต้องการระบบที่ตอบสนองได้เร็วและมีอำนาจการยิงที่หนาแน่นพอ
Skyranger ถูกออกแบบมาสำหรับภารกิจ C-RAM โดยตรง โดยเฉพาะรุ่น 35 มม. อัตราการยิงที่สูงและกระสุน AHEAD คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้มันสามารถสร้าง "กำแพงเหล็ก" สกัดกั้นกระสุนปืนใหญ่หรือแม้กระทั่งจรวด BM-21 ที่ยิงมาแบบอิ่มตัว (Saturation Attack) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในทางตรงกันข้าม Stryker SHORAD ไม่มีขีดความสามารถในภารกิจ C-RAM ที่ชัดเจน อัตราการยิงของปืนใหญ่ไม่สูงพอ และระบบโดยรวมไม่ได้ถูกปรับแต่งมาเพื่อรับมือกับเป้าหมายความเร็วสูงขนาดเล็กเช่นนี้
การเปรียบเทียบราคาต่อหน่วย (แปลงเป็นค่าเงินบาท)
การประเมินราคาเป็นเรื่องซับซ้อนเนื่องจากขึ้นอยู่กับจำนวนที่สั่งซื้อ, การสนับสนุน, และยานเกราะที่ใช้เป็นฐาน แต่เราสามารถประเมินจากข้อมูลการจัดซื้อที่เปิดเผยได้ ดังนี้:
* ราคา Stryker IM-SHORAD:
* ดีลอ้างอิง: ในเดือนตุลาคม 2020 กองทัพบกสหรัฐฯ ได้ทำสัญญาจัดซื้อล็อตแรกจำนวน 28 คัน ในวงเงิน 230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ราคาต่อหน่วย: ประมาณ 8.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 295 - 300 ล้านบาทต่อคัน (อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 36-37 บาทต่อดอลลาร์) ราคานี้เป็นราคารวมทั้งตัวรถ Stryker และระบบป้อมปืน IM-SHORAD ที่ติดตั้งพร้อมรบ
* ราคา Skyranger (บนยานเกราะ Boxer):
* ดีลอ้างอิง: ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 รัฐบาลเยอรมนีได้ทำสัญญาจัดซื้อระบบ Skyranger 30 ที่ติดตั้งบนยานเกราะ Boxer จำนวน 19 ระบบ (รวมรถต้นแบบ 1 คัน) ในวงเงิน 595 ล้านยูโร
* ราคาต่อหน่วย: ประมาณ 31.3 ล้านยูโร
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 1,220 - 1,250 ล้านบาทต่อคัน (อัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 39-40 บาทต่อยูโร) ราคานี้สูงกว่ามากเนื่องจากรวมต้นทุนของยานเกราะ Boxer ซึ่งเป็นยานเกราะล้อยางยุคใหม่ที่มีราคาสูง และระบบ Skyranger ที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด
หมายเหตุ: ราคาของ Skyranger เป็นแบบโมดูลาร์ หากนำป้อมปืนไปติดตั้งบนยานเกราะที่มีราคาถูกกว่า ราคารวมต่อคันก็จะลดลง แต่จากดีลล่าสุดที่เกิดขึ้นจริง ราคาต่อหน่วยจึงสูงกว่า Stryker อย่างมีนัยสำคัญ
สรุปส่งท้าย
Skyranger คือระบบป้องกันภัยทางอากาศเฉพาะทางที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการรับมือกับภัยคุกคามแบบ "ฝูง" และการป้องกันตนเองจากการระดมยิง (C-RAM) มันคือ "ผู้เชี่ยวชาญ" ที่ใช้กำแพงกระสุนความเร็วสูงในการแก้ปัญหา แต่ก็แลกมาด้วยราคาต่อระบบที่สูงมากตามข้อมูลล่าสุด
Stryker IM-SHORAD คือระบบที่เน้นความ "รอบด้านและคุ้มค่า" มีความยืดหยุ่นในการใช้อาวุธที่หลากหลายเพื่อรับมือกับภัยคุกคามทางอากาศได้เกือบทุกประเภทในราคาต่อหน่วยที่เข้าถึงง่ายกว่า ทำให้สามารถจัดหาเข้าประจำการได้ในจำนวนที่มากกว่าในงบประมาณที่เท่ากัน
การตัดสินใจเลือกระหว่างสองระบบนี้จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยเชิงยุทธศาสตร์และงบประมาณ หากภัยคุกคามหลักคือโดรนราคาถูกและปืนใหญ่ Skyranger คือคำตอบที่ดีที่สุดในสนามรบ แต่หากต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศเคลื่อนที่ที่สมดุลและยืดหยุ่นสำหรับภารกิจหลากหลายรูปแบบ Stryker IM-SHORAD คือตัวเลือกที่น่าพิจารณาอย่างยิ่ง
Skyranger 30 35 ป้อม SHORAD เคลื่อนที่ สารพัดประโยชน์ ราคาสมเหตุผล
มันคือป้อมที่แยกออกมาเดี่ยวๆ จากระบบนี้ โดยมี ระบบการยิงเป็นของตนเอง
https://pantip.com/topic/43655172
แต่ ถึงราคา จะสมเหตุผล และเน้นไปด้านนี้ แต่เรา นั้นซื้อ ของ เมกันได้3ถึง 4คัน…
ทรัมป์ไม่ปลื้ม…ซะด้วยสิ
https://pantip.com/topic/43654948
ความต่าง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้