ราคา ประหยัดงบ ผลิตออกไปแล้วมากมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประเมินราคา IM-SHORAD หนึ่งคันในสภาพ "พร้อมรบเต็มพิกัด" โดยรวมราคาตัวรถและมูลค่าอาวุธทั้งหมดที่บรรทุกเต็มอัตรา และคำนวณเป็นเงินบาทโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ = 32 บาท ตามที่ระบุครับ
ข้อควรทราบ: ราคาทั้งหมดเป็นราคาประเมินจากข้อมูลสาธารณะและสัญญาจัดซื้อจัดจ้างในอดีต ซึ่งอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ และเป็นการคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนที่คุณกำหนด
การประเมินราคารวม (ตัวรถ + อาวุธเต็มอัตรา)
1. ราคาเฉพาะตัวรถ (Platform Cost):
* ราคาประเมินอยู่ที่ประมาณ 8.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* คิดเป็นเงินบาท: ประมาณ 265,600,000 บาท
2. มูลค่าอาวุธและกระสุนเต็มพิกัด (Full Combat Loadout Value):
* จรวด Stinger (บรรทุกเต็มอัตรา 4 นัด):
* ราคาต่อนัด: ~400,000 USD
* มูลค่ารวม: 1,600,000 USD (~ 51,200,000 บาท)
* จรวด Hellfire (บรรทุกเต็มอัตรา 2 นัด):
* ราคาต่อนัด: ~250,000 USD
* มูลค่ารวม: 500,000 USD (~ 16,000,000 บาท)
* กระสุนปืนใหญ่ 30 มม. แบบแตกอากาศ (สมมติที่ 300 นัด):
* ราคาต่อนัด: ~1,750 USD
* มูลค่ารวม: 525,000 USD (~ 16,800,000 บาท)
* กระสุนปืนกล 7.62 มม. (สมมติที่ 1,000 นัด):
* ราคาต่อนัด: ~2 USD
* มูลค่ารวม: 2,000 USD (~ 64,000 บาท)
เมื่อรวมมูลค่าอาวุธทั้งหมดบนรถหนึ่งคัน จะอยู่ที่ประมาณ 2,627,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นเงินบาทประมาณ 84,064,000 บาท
สรุปราคาประเมินต่อคัน (พร้อมรบเต็มพิกัด @ 32 บาท/USD)
เมื่อนำราคาของตัวรถมารวมกับมูลค่าของอาวุธที่บรรทุกเต็มพิกัด จะได้ราคาประเมินสุดท้ายดังนี้:
* ราคารวม (USD): 8,300,000 (ตัวรถ) + 2,627,000 (อาวุธ) = ~ 10.93 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
* ราคารวม (บาท): 265,600,000 (ตัวรถ) + 84,064,000 (อาวุธ) = ประมาณ 349,664,000 บาท
ดังนั้น ราคาประเมินของ IM-SHORAD หนึ่งคันที่บรรจุกระสุนและจรวดเต็มพิกัดพร้อมรบ จะอยู่ที่ประมาณ 350 ล้านบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ เท่ากับ 32 บาทตามที่คุณกำหนด
หมายเหตุ: นี่เป็นเพียงราคาประเมินของตัวยุทโธปกรณ์เท่านั้น ในการจัดซื้อจริงจะมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การฝึกอบรม, การซ่อมบำรุง, และอะไหล่สำรอง ซึ่งจะทำให้มูลค่ารวมของสัญญาจัดซื้อสูงกว่านี้มาก
ประเทศที่จัดหาไปใช้งานและรายละเอียดดีล
จากข้อมูลล่าสุด มีประเทศที่ได้รับการยืนยันว่าจัดหาหรือได้รับมอบระบบ IM-SHORAD แล้ว ดังนี้:
1. สหรัฐอเมริกา (United States)
* สถานะ: ผู้พัฒนาและผู้ใช้งานหลัก
* รายละเอียด: กองทัพสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มโครงการและได้ทำสัญญาหลักกับบริษัท General Dynamics Land Systems มูลค่า 1.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อผลิตระบบ IM-SHORAD จำนวน 144 ระบบ และได้ทยอยส่งมอบเข้าประจำการในหน่วยต่างๆ เพื่อป้องกันภัยทางอากาศให้กับหน่วยยานเกราะในแนวหน้า
2. ยูเครน (Ukraine)
* สถานะ: ได้รับมอบผ่านโครงการช่วยเหลือทางทหาร
* รายละเอียด: ไม่ใช่การจัดซื้อโดยตรง แต่เป็นการได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาเพื่อใช้ในการป้องกันการรุกรานจากรัสเซีย ระบบนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการรับมือกับโดรนพลีชีพ (Kamikaze Drone) และขีปนาวุธร่อนของรัสเซีย ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าและจำนวนที่ชัดเจนเนื่องจากเป็นความช่วยเหลือทางทหาร
3. ไต้หวัน (Taiwan)
* สถานะ: อนุมัติการขายผ่านโครงการ Foreign Military Sale (FMS)
* รายละเอียด: กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายระบบ IM-SHORAD ให้แก่ไต้หวัน ซึ่งเป็นการขายแบบแพ็กเกจใหญ่ ไม่ได้มีแค่ตัวรถ แต่จะรวมถึงจรวด Stinger จำนวนมาก, ระบบสนับสนุน, การฝึก และอะไหล่ เพื่อให้สามารถนำไปใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ดีลลักษณะนี้จะมีมูลค่ารวมสูงกว่าราคาประเมินของตัวรถหลายเท่าตัว แต่ยังไม่มีการลงนามในสัญญาขั้นสุดท้ายอย่างเป็นทางการ
ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการจัดซื้อหรือการอนุมัติขายให้กับประเทศอื่นๆ นอกเหนือจาก 3 ประเทศนี้อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่ามีพันธมิตรของสหรัฐฯ อีกหลายประเทศที่กำลังให้ความสนใจในระบบนี้อยู่ครับ
อาวุธ หลากหลาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้IM-SHORAD ไม่ใช่แค่รถติดอาวุธ แต่เป็น "ระบบป้องกันภัยทางอากาศเคลื่อนที่" ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาสำคัญในสนามรบยุคใหม่โดยเฉพาะ
* ภารกิจหลัก: คุ้มกันหน่วยรบยานเกราะในแนวหน้า (เช่น กองพลรถถัง, กองพลยานเกราะสไตรเกอร์) จากภัยคุกคามทางอากาศในระดับต่ำ (Low-Altitude Aerial Threats)
* หัวใจสำคัญ: สามารถ "เคลื่อนที่ไปพร้อมกับหน่วยที่คุ้มกัน" (Maneuver with the force) ได้ ทำให้ไม่เกิดช่องว่างในการป้องกันเหมือนระบบ ПВО แบบดั้งเดิมที่ต้องหยุดตั้งฐานยิง
ขีดความสามารถเชิงลึก แยกตามองค์ประกอบ
1. ระบบตรวจจับและพิสูจน์ทราบ (Detect & Identify) - "ดวงตาของระบบ"
IM-SHORAD ไม่ได้พึ่งพาแค่ตาของพลประจำรถ แต่มีเซ็นเซอร์ไฮเทคที่ทำงานร่วมกันเพื่อสร้าง "โดมป้องกัน" รอบตัวเองแบบ 360 องศา
* เรดาร์ RADA ieMHR (Multi-Mission Hemispheric Radar):
* ประเภท: AESA (Active Electronically Scanned Array) แบบ 4 ผืน ติดตั้งรอบป้อมปืน ทำให้ตรวจจับได้ครบ 360 องศาพร้อมกันโดยไม่ต้องหมุนจานเรดาร์
* ขีดความสามารถ: ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อ "ตรวจจับ, ติดตาม และจำแนก" เป้าหมายที่เรดาร์รุ่นเก่ามองไม่เห็น เช่น โดรนขนาดเล็ก (UAS Group 1-3), อากาศยานที่บินต่ำและช้า มันสามารถแยกแยะระหว่างนกกับโดรนได้อย่างแม่นยำ
* ระบบชี้เป้าด้วยแสงและอินฟราเรด L3Harris MX-GCS (EO/IR):
* ประเภท: กล้องจับภาพความร้อน (Thermal Imager) และกล้องวิดีโอความละเอียดสูงสำหรับกลางวัน พร้อมระบบเลเซอร์วัดระยะ (Laser Rangefinder)
* ขีดความสามารถ: ทำหน้าที่ "พิสูจน์ทราบเป้าหมาย" หลังจากที่เรดาร์ตรวจจับได้ พลประจำรถจะเห็นภาพจริงของเป้าหมาย ทำให้ตัดสินใจยิงได้อย่างแม่นยำและลดการยิงพวกเดียวกัน (Fratricide) นอกจากนี้ยังใช้ในการติดตามเป้าหมายแบบพาสซีฟ (ไม่ส่งสัญญาณใดๆ ออกไป) เพื่อให้ศัตรูตรวจจับได้ยาก
* ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Warfare Suite):
* ขีดความสามารถ: ตรวจจับสัญญาณวิทยุที่โดรนใช้ในการควบคุมหรือส่งภาพกลับมายังผู้ควบคุม ทำให้สามารถแจ้งเตือนถึงภัยคุกคามได้แม้เรดาร์จะยังจับไม่พบ และเป็นพื้นฐานในการพัฒนาระบบรบกวนสัญญาณ (Jammer) ในอนาคต
2. ระบบอาวุธหลายชั้น (Layered Lethality) - "เครื่องมือสังหาร"
หัวใจของ IM-SHORAD คือการมี "เครื่องมือ" หลายชนิด เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและคุ้มค่าที่สุด
* จรวด Stinger FIM-92 (สำหรับเป้าหมายความเร็วสูง):
* ประเภท: จรวดนำวิถีด้วยความร้อน (Infrared Homing) บรรจุในท่อยิงคู่ 2 ชุด (รวม 4 นัด)
* ขีดความสามารถ: เป็นอาวุธหลักในการต่อต้าน อากาศยานปีกตรึง (เครื่องบินขับไล่), อากาศยานปีกหมุน (เฮลิคอปเตอร์) และโดรนขนาดใหญ่ ที่มีแหล่งกำเนิดความร้อนชัดเจน มีระยะยิงหวังผลไกลหลายกิโลเมตร
* จรวด AGM-114L Longbow Hellfire (สำหรับภารกิจพิเศษ):
* ประเภท: จรวดนำวิถีด้วยเรดาร์ (Radar Guided) บรรจุในท่อยิง 2 นัด
* ขีดความสามารถ: ปกติเป็นจรวดต่อต้านรถถัง แต่การมีจรวดชนิดนี้บนรถทำให้ IM-SHORAD มีความยืดหยุ่นสูง สามารถ ทำลายเป้าหมายภาคพื้นดินที่มีความแข็งแกร่งสูง เช่น รถถัง, ยานเกราะ หรือที่มั่นของข้าศึกได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับอากาศยานที่บินช้ามากๆ หรือเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังลอยตัวนิ่งๆ ได้
* ปืนใหญ่อัตโนมัติ 30 มม. XM914 (อาวุธสังหารโดรน):
* ประเภท: ปืนใหญ่อัตโนมัติ พร้อมระบบป้อนกระสุนคู่
* ขีดความสามารถ: นี่คืออาวุธที่ทรงประสิทธิภาพที่สุดในการต่อต้าน โดรนขนาดเล็กและขนาดกลาง ด้วยการใช้ "กระสุนแตกอากาศ" (Proximity/Airburst Ammunition) ที่สามารถตั้งโปรแกรมให้ระเบิดกลางอากาศ ณ ตำแหน่งของเป้าหมาย สร้างม่านสะเก็ดเพื่อทำลายโดรนโดยไม่จำเป็นต้องยิงโดนโดยตรง เป็นวิธีที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
* ปืนกลร่วมแกน 7.62 มม. M240 (สำหรับป้องกันตัว):
* ประเภท: ปืนกลมาตรฐาน
* ขีดความสามารถ: ใช้สำหรับป้องกันตัวในระยะใกล้จากภัยคุกคามภาคพื้นดิน เช่น ทหารราบ หรือใช้ยิงโดรนขนาดเล็กมากในระยะประชิดเป็นทางเลือกสุดท้าย
3. แพลตฟอร์มและการบูรณาการ (Mobility & Integration) - "ร่างกายและระบบประสาท"
* ยานเกราะ Stryker A1:
* ขีดความสามารถ: ให้ความคล่องตัวสูง สามารถทำความเร็วบนถนนได้ถึง 100 กม./ชม. และเคลื่อนที่ในภูมิประเทศได้ดีเทียบเท่าหน่วยยานเกราะที่มันคุ้มกัน มีเกราะป้องกันกระสุนปืนเล็กและสะเก็ดระเบิดได้ดี
* ระบบบัญชาการและควบคุม FAAD C2 (Forward Area Air Defense C2):
* ขีดความสามารถ: IM-SHORAD ไม่ได้สู้โดยลำพัง แต่เชื่อมต่อกับเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศของกองทัพบกสหรัฐฯ สามารถรับข้อมูลเป้าหมายจาก เรดาร์ Sentinel หรือระบบอื่นๆ ในพื้นที่ ทำให้ "มองเห็นได้ไกลกว่าที่ตาและเรดาร์ของตัวเองจะเห็น" และสามารถทำงานร่วมกันเป็นทีม 4 คัน (1 หมวด) เพื่อสร้างพื้นที่ป้องกันที่ไร้รอยต่อ
สรุปขีดความสามารถเชิงลึก
IM-SHORAD คือ "นักล่าอเนกประสงค์" ในสนามรบสมัยใหม่ ที่สามารถตรวจจับ ติดตาม และทำลายภัยคุกคามทางอากาศได้เกือบทุกรูปแบบ ตั้งแต่โดรน FPV ราคาไม่กี่หมื่นบาท ไปจนถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตีมูลค่าหลายร้อยล้านบาท ด้วยการเลือกใช้อาวุธที่เหมาะสมที่สุดบนแพลตฟอร์มที่มีความคล่องตัวสูง สามารถเคลื่อนที่และปฏิบัติการได้ทันทีในใจกลางของสมรภูมิที่อันตรายที่สุด มันคือคำตอบของกองทัพสหรัฐฯ ต่อภัยคุกคามทางอากาศที่ซับซ้อนและหลากหลายในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้
แต่มีข้อจำกัด…ตามราคา…
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นคำถามที่ดีเยี่ยม และเป็นจุดที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างในปรัชญาการออกแบบและขีดความสามารถที่เหนือกว่าของ Skyranger 30 อย่างชัดเจนครับ
คำตอบคือ ใช่ครับ, Skyranger 30 ถูกออกแบบมาเพื่อต่อต้านฝูงโดรนโดยเฉพาะ และมีประสิทธิภาพสูงกว่า IM-SHORAD อย่างมีนัยสำคัญ
นี่คือเหตุผลว่าทำไม Skyranger 30 ถึงมีความได้เปรียบในการรับมือกับภัยคุกคามลักษณะนี้:
จุดแข็งที่เหนือกว่าของ Skyranger 30 ในการต่อต้านฝูงโดรน
* อัตราการยิงที่สูงกว่าอย่างมหาศาล (Superior Rate of Fire):
* Skyranger 30: มีอัตราการยิงสูงถึง 1,200 นัดต่อนาที
* IM-SHORAD: มีอัตราการยิงเพียง 200 นัดต่อนาที
* ผลกระทบ: Skyranger 30 สามารถ "พ่น" กระสุนออกไปได้เร็วกว่า 6 เท่า ทำให้สามารถสร้างม่านกระสุนที่หนาแน่นกว่ามากเพื่อรับมือกับเป้าหมายจำนวนมากในเวลาอันสั้น และลดเวลาในการยิงสกัดแต่ละเป้าหมายลงได้อย่างมาก
* โหมดการยิงต่อต้านฝูงโดรนโดยเฉพาะ (Anti-Swarm Firing Mode):
* Rheinmetall ได้ทำการทดสอบและพัฒนายุทธวิธีสำหรับ Skyranger 30 โดยเฉพาะ คือเมื่อเรดาร์ตรวจจับว่ามีโดรนเข้ามาเป็น "กลุ่ม" หรือ "ฝูง" ระบบควบคุมการยิงจะคำนวณหา "จุดศูนย์กลางของฝูงโดรน (Center of Gravity)"
* แทนที่จะยิงไล่ทีละตัว ระบบจะยิงกระสุน AHEAD หนึ่งชุด (ประมาณ 10-20 นัด) ไปยังจุดศูนย์กลางนั้น เมื่อกระสุนระเบิดและปล่อยเม็ดทังสเตนหลายพันเม็ดออกมา จะสามารถสร้างพื้นที่สังหารที่ครอบคลุมโดรนได้ "ทั้งฝูงในคราวเดียว" ซึ่งเป็นความสามารถที่ IM-SHORAD ไม่มี
* กระสุน AHEAD ที่มีประสิทธิภาพสูง:
* กระสุนแตกอากาศ AHEAD ของ Skyranger 30 ถูกออกแบบมาอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับภารกิจนี้ การสร้างม่านสะเก็ดทังสเตนความเร็วสูงทำให้มีโอกาสทำลายโดรนที่บอบบางได้ง่ายกว่าการใช้กระสุนระเบิดแรงสูง (HE) ของ IM-SHORAD
* การบูรณาการกับอาวุธอื่นในอนาคต:
* Skyranger 30 ถูกออกแบบมาเป็น "แพลตฟอร์มเปิด" ที่สามารถติดตั้งอาวุธเพิ่มเติมได้ง่าย เช่น จรวดต่อต้านโดรนขนาดเล็ก (Small Anti-Drone Missiles) หรือแม้กระทั่งอาวุธเลเซอร์พลังงานสูง (High-Energy Laser - HEL) ในอนาคต ทำให้มันมีทางเลือกในการรับมือกับฝูงโดรนได้หลากหลายกว่า
Stryker A1 IM-SHORAD ราคาย่อมเยาว์ ซื้อไป ทรัมป์ชอบ
ราคา ประหยัดงบ ผลิตออกไปแล้วมากมาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อาวุธ หลากหลาย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แต่มีข้อจำกัด…ตามราคา…
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้