บทที่ 1 – เช้าธรรมดาในเมืองไม่ธรรมดา
เช้าตรู่ของวันหนึ่งในเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาตึกสูงเสียดฟ้า วีระ เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี นั่งขดตัวอยู่ริมกำแพงเก่าๆ ใต้เพิงพักข้างไซต์ก่อสร้าง เขาห่อข้าวกล่องไว้บนตัก พลางเคี้ยวอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบมองไปที่ผีเสื้อสีซีดตัวหนึ่ง ที่เกาะอยู่บนกลีบดอกไม้ริมขยะกองหนึ่ง
“หายากนะ...จะได้เห็นผีเสื้อในโลกแบบนี้” ลุงคนงานที่นั่งใกล้กันพึมพำ พร้อมก้มหน้าซดน้ำแกงจากถุง
ลุงคนงาน :
“กินเสร็จแล้วก็รีบกลับไปทำงานล่ะ อย่าลืมว่าเราต้องส่งของล็อตเช้าด้วย” เขาเตือนเสียงเรียบ
วีระพยักหน้าแล้วรีบเคี้ยวคำสุดท้าย ก่อนลุกขึ้นเก็บกล่องข้าวและกลับไปทำงาน มุมกล้องค่อยๆ ขยายออก เผยให้เห็นเมืองเก่าทรุดโทรม เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่เดินไปมาอย่างเร่งรีบ เสียงไซเรนเบาๆ จากไกลๆ ผสานกับเสียงแม่ค้าขายของข้างทาง และภาพการขโมยวิ่งราวที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติ
> นี่คือโลกที่วีระเติบโตขึ้นมา — ไม่ใช่เมืองแห่งความหวัง แต่เป็นเมืองที่ทุกคนต้องดิ้นรนให้รอดไปอีกวัน
ที่ไซต์ก่อสร้าง วีระหยิบอุปกรณ์ทำงานและเริ่มต้นวันอย่างจริงจัง เสียงหัวเราะของเพื่อนคนงานดังเป็นระยะ ทุกคนคุ้นเคยกันดี มีหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ พอให้หัวใจยังพอมีความอบอุ่น
แต่ในจังหวะหนึ่ง ขณะที่เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้า และเงยหน้าขึ้นไปมองตึกสูงที่ทะลุเมฆ... ก็รู้สึกถึงความเปียกบางอย่างกระทบหัว
“แปะ...”
วีระยกมือแตะ แล้วเอานิ้วมาดม กลิ่นเหม็นไหม้ของควันบุหรี่ชัดเจน
วีระ
“น้ำลาย...จากข้างบนเหรอ” เขาบ่นเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วกลับไปทำงานต่อ
เสียงเครื่องยนต์รถยนต์หรูคันหนึ่งดังขึ้นก่อนจะค่อยๆ จอดสนิทริมรั้วลวดหนามของไซต์ก่อสร้าง ประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดสูทสะอาดเนี้ยบก้าวลงมา ท่าทางมั่นใจแต่สายตามองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง
ลุงสมบัติหัวหน้าคนงาน (เดินเข้ามาทัก):
"คุณราเมศ วันนี้มาแต่เช้าเลยครับ"
ราเมศ (เจ้าของโครงการ):
"แหม ก็ต้องมาดูด้วยตาตัวเองน่ะสิ โซนอยู่อาศัยล็อต B ต้องเร่งให้ทันก่อนที่นักลงทุนจะเริ่มทยอยมาตรวจพื้นที่... งานคืบหน้าแค่ไหนแล้ว?"
ลุงสมบัติ:
"อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มขึ้นโครงสร้างได้ครับ แต่ต้องเคลียร์ของเก่าก่อน—โดยเฉพาะนั่งร้านฝั่งเหนือที่ยังไม่ได้รื้อ เพราะรอรถเครนเข้ามา"
ราเมศ (พยักหน้าช้าๆ มองขึ้นไปยังนั่งร้านเก่าที่ยังมีคนงานบางส่วนทำงานอยู่):
"ขยายพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันไม่อยากเสียโอกาส เพราะความล่าช้าเรื่องเศษเหล็กพวกนี้ เข้าใจไหม?"
จังหวะนั้นเอง — เสียง "ครืนนนน—!" ดังสะท้อนออกมาจากโครงสร้างด้านข้าง พื้นดินสั่นสะเทือนเบาๆ ตามด้วยเสียงเหล็กเสียดสีกันกึกๆ แล้ว...
“โครมมมม!!!”
นั่งร้านฝั่งเหนือพังถล่มลงอย่างรุนแรง! เศษเหล็กและฝุ่นพุ่งขึ้นฟุ้งกระจาย ทั้งไซต์โกลาหลในพริบตา!
คนงาน:
"เฮ้ย! มีคนอยู่ข้างใน!!"
คนงานอีกคน:
"ข้างในยังมีสองคนติดอยู่!! เร็วเข้า!!"
วีระ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเบิกตากว้างในเสี้ยววินาที ก่อนจะหันขวับไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ หยิบ คันงัด, เชือก, และ ไฟฉายคาดหัว อย่างรวดเร็ว
เขารีบพุ่งเข้าไปโดยไม่รอให้ใครสั่ง!
เสียงรอบข้างจอแจ:
"ระวัง! ตรงนั้นยังไม่เสถียร!!"
"เฮ้ย ใครเข้าไปข้างในวะนั่น?!"
กล้องตามวีระ ลอดผ่านเศษคานที่ยังควันกรุ่นๆ เขาคลานเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว พยุงชายคนงานที่ขาถูกเหล็กหนีบออกมา พลางใช้คันงัดแงะคานด้วยแรงทั้งหมดที่มี
วีระ:
"พี่! ดันตัวขึ้นนิดนึง ผมจะดึงออกมาให้!"
ชายคนนั้นส่งเสียงเจ็บเบาๆ แต่วีระกัดฟันลากเขาออกมาได้สำเร็จ! แล้วรีบวนกลับไปช่วยอีกคนที่สลบอยู่
---
[หลังเหตุการณ์สงบ – หน้าไซต์เดิม, รถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บ]
ราเมศยืนกอดอก สายตามองไปยังวีระที่มีรอยแผลถลอกเล็กน้อยแต่ยังคงเดินไปตรวจเช็คว่าไม่มีใครตกหล่น
ลุงสมบัติ :
เจ้าของไซต์เรียกแกมาพบ ห้องควบคุมไซต์งาน
วีระ :
ผ-ผ-ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า (วีระพูดด้วยน้ำเสียงกังวลที่สุดๆ)
ลุงสมบัติ :
ไม่ต้องกังวลไปไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกเอาเป็นว่าเดี๋ยวเข้าไปก็รู้เอง
(วีระเปิดประตูเสียงเบาๆและปิดอย่างช้าๆ)
ราเมศ :
โอ้...นายเอง เอานั่งก่อนๆ
ราเมศ (ยิ้มจางๆ พร้อมตบบ่า):
"นาย...ชื่ออะไรนะ?"
วีระ (เช็ดหน้า หันไปมองนิ่งๆ แล้วตอบสุภาพ):
"วีระครับ"
ราเมศ:
"วันนี้นายทำสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะเห็นในไซต์งานนี้... กล้า เสี่ยง และรวดเร็ว แถมมีสติกว่าหัวหน้าบางคนด้วยซ้ำ"
วีระ (ยิ้มบางๆ):
"ผมแค่...ทำเท่าที่ทำได้ครับ"
ราเมศ (หยิบซองเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า):
"รับไว้เถอะ เป็นของขวัญเล็กๆ สำหรับคนที่กล้าช่วยชีวิตคนโดยไม่คิดถึงตัวเอง"
วีระมองซองเงินเล็กๆ ก่อนจะรับไว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ ราเมศเดินเข้ามาช้าๆพร้อมตบบ่าเบาๆ
...
กลางคืน – บ้านเด็กกำพร้า
บ้านไม้สองชั้นทรุดโทรมริมตรอกแคบๆ คือบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ ประตูเปิดออกพร้อมเสียงวิ่งต้อนรับ
เด็กๆ (ตะโกนเสียงใสๆ):
“พี่วีระกลับมาแล้ว!!”
เด็กทั้งหกวิ่งกรูกันเข้ามา มีทั้ง ลีโอ มาร์ติน ลูซี่ เดว รู และริโกะ แต่ละคนอายุไล่เลี่ยกัน ราว 6 ถึง 12 ปี
เด็กชายคนหนึ่ง (มาร์ติน):
“วันนี้พี่ได้โบนัสด้วยเหรอ!”
วีระ (เดินเข้ามาพร้อมถุงกับข้าวในมือ หรี่ตามอง):
“หืม? ใครบอกน่ะ?”
เด็กๆ หัวเราะคิกคัก แล้วสายตาทุกคู่ก็หันไปมอง ลิเดีย ที่เดินออกมาจากครัวอย่างเนียนๆ พร้อมผ้ากันเปื้อนผูกเอว
ลิเดีย (ทำหน้านิ่งๆ):
“ฉันก็แค่บอกว่าเย็นนี้เรามีของกินดีๆ…ไม่ได้พูดเรื่องโบนัสซะหน่อย”
> ลิเดีย พี่สาวคนโตของบ้านเด็กกำพร้าที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารใกล้ๆละแวกนี้
วีระ (หลีตามอง):
“อือฮึ... พี่ว่าไงผมก็ว่างั้น”
จังหวะนั้น ก็ได้มีผู้หญิงเดินมาจากห้องครัว คุณนายโมนิก้า หญิงวัยกลางคนผมสีดอกดาวเรืองใส่ผ้ากันเปื้อนยับๆ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
คุณนายโมนิก้า (แม่บุญธรรม):
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ วีระ? เห็นว่าวันนี้เจองานใหญ่เลยนี่”เป็นอะไรไหม?
วีระ:
ครับ...!!นี่พี่เล่าหมดเปลือกเลยหรือเปล่าเนี่ย
ลิเดีย:
ไม่รู้ไม่ชี้ (พร้อมผิวปากเดินทางหันหลังกลับห้องครัวไป)
โมนิก้า (รับถุงจากมือวีระ):
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร งั้นเราเข้าห้องครัวไปทำอาหารกันดีกว่า..ไปกันจ๊ะ!”
ในครัวจึงกลายเป็นเวทีเล็กๆ แห่งความสุข — ลิเดียทำกับข้าวกลับโมนิก้า ส่วนเด็กๆ เตรียมจานชาม วีระคอยช่วยล้างผัก เสียงหัวเราะและกลิ่นอาหารอุ่นไหลวนไปทั่วบ้าน
"ค่ำลง เด็กๆ ทยอยเข้านอน และก่อนที่วีระจะปิดไฟ"
ริโกะ
พี่ หนูอยากฟังต่อเกี่ยวกับ อัศวินทั้งสองกับองค์หญิงที่ต้องที่กอบกู้บ้านเกิดให้หนูหน่อย
วีระ
...ได้สิ (วีระหยิบหนังสือออกมาจากตู้หนังสือ) อืออ...หน้าที่เท่าไหร่นะ
เสียงของเขายังดังต่อเนื่อง
กล้องค่อยๆ เคลื่อนออกจากภาพวีระและเด็กๆ ไปที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่ง ลิเดีย และ คุณนายโมนิก้า ยืนอยู่ด้วยกัน ลิเดียพิงกรอบประตู ขณะที่โมนิก้าถือผ้าห่มผืนพับอยู่ในมือทั้งสองคนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน
> ริโกะ:
“หน้า 22 คะ”
> วีระ:
"มีความจำดีเหมือนกันนะเราเนี่ย ไหนดูซิ...ทั้งสองเจอกับรองหัวหน้าทัพปีศาจ ที่จับตัวองค์หญิงเอาไว้ในหอคอย อัศวินทั้งสองก็—"
---
ท้องฟ้ายามค่ำของเมืองนี้ไม่เคยมืดสนิท… แสงจากป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ที่ติดอยู่ตามตึกสูงส่องวูบวาบสลับสี เส้นทางของรถบินวูบผ่านเหนือหัวราวกับแมลงเรืองแสง เสียงเครื่องยนต์ไฟฟ้าดังแผ่วๆ คลออยู่ตลอดเวลา
เขาหยิบม้านั่งและนั่งพักผ่อนอากาศพัดเข้าหน้ายังเบาๆ วิระจุดบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นสูบเงียบๆ ลิเดียตามขึ้นมา
“ยังไม่ง่วงเหรอ?”
“พรุ่งนี้ไซต์ปิดซ่อม ผมเลยอยากพักสมองหน่อย”
ลิเดียหยิบม้านั่งอีกอันที่ลงข้างๆ และขอยืมบุหรี่ไฟแช็ก
ลิเดีย:
“ ช่วงนี้นายมานอนตรงนี้อยู่บ่อยๆนะ ”
วีระ (เงยหน้าขึ้นมอง): “พี่เคยเห็นท้องฟ้าจริงๆ ไหมครับ?”
ลิเดีย (หัวเราะเบาๆ):
“ท้องฟ้าจริงๆ? หมายถึงแบบที่ไม่มีตึกบังน่ะเหรอ... ไม่อ่ะ ขึ้นข้างบนยุ่งยากจะตายได้รับอนุญาตรัฐมนตรีของเมืองไหนจะใบรับรองพอขึ้นไปได้ค่าเช่าก็แพงยิ่งเป็นนักโทษไม่ต้องพูดถึง—"
วีระไม่ตอบทันที เขายังคงมองไปข้างบน ดวงตาเปล่งประกายจางๆ สะท้อนแสงจากไฟเมือง เขาค่อยๆ ยื่นมือขึ้นราวกับจะเอื้อมแตะอะไรบางอย่างที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
วีระ: “ผมอยากขึ้นไปข้างบนนั้นจริงๆ นะพี่... ขึ้นไปให้ถึงจุดที่ไม่มีตึก ไม่มีเขม่าควัน ไม่มีเสียงรถ มีแค่...ฟ้า สีฟ้าจริงๆ ที่ไม่มีใครสร้างขึ้นมา”
ลิเดียหันมามองหน้าเขา เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ
ลิเดีย: “ฟังดูเป็นฝันที่สูงนะ...”
วีระหัวเราะในลำคอ พลางกำมือไว้เหนือหัว
วีระ: “ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกนะที่จะได้ขึ้นไป... สักวันสักวันหนึ่ง ผมจะพาพี่แม่กับเด็กๆ ทุกคนไปด้วยกัน พาออกจากเมืองนี้ ไปเห็นฟ้า ไปหาที่ที่เราจะหายใจได้เต็มปอด ไม่ต้องมองขึ้นไปอย่างเดียว แต่ได้ ‘อยู่’ ข้างบนนั้นจริงๆ”
ลิเดียมองหน้าเขานิ่ง ก่อนยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
ทั้งสองนั่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่กล้องจะค่อยๆ ลอยขึ้นจากหลังคา ข้ามผ่านเมืองอันแออัด...ตัดภาพไปจนถึงหน้าอาคารใหญ่ของ สถานีตำรวจเขต 9
บทสำหรับ project c เขียนสนุกๆ
เช้าตรู่ของวันหนึ่งในเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาตึกสูงเสียดฟ้า วีระ เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี นั่งขดตัวอยู่ริมกำแพงเก่าๆ ใต้เพิงพักข้างไซต์ก่อสร้าง เขาห่อข้าวกล่องไว้บนตัก พลางเคี้ยวอย่างรวดเร็ว สายตาเหลือบมองไปที่ผีเสื้อสีซีดตัวหนึ่ง ที่เกาะอยู่บนกลีบดอกไม้ริมขยะกองหนึ่ง
“หายากนะ...จะได้เห็นผีเสื้อในโลกแบบนี้” ลุงคนงานที่นั่งใกล้กันพึมพำ พร้อมก้มหน้าซดน้ำแกงจากถุง
ลุงคนงาน :
“กินเสร็จแล้วก็รีบกลับไปทำงานล่ะ อย่าลืมว่าเราต้องส่งของล็อตเช้าด้วย” เขาเตือนเสียงเรียบ
วีระพยักหน้าแล้วรีบเคี้ยวคำสุดท้าย ก่อนลุกขึ้นเก็บกล่องข้าวและกลับไปทำงาน มุมกล้องค่อยๆ ขยายออก เผยให้เห็นเมืองเก่าทรุดโทรม เต็มไปด้วยกลุ่มคนที่เดินไปมาอย่างเร่งรีบ เสียงไซเรนเบาๆ จากไกลๆ ผสานกับเสียงแม่ค้าขายของข้างทาง และภาพการขโมยวิ่งราวที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นเรื่องปกติ
> นี่คือโลกที่วีระเติบโตขึ้นมา — ไม่ใช่เมืองแห่งความหวัง แต่เป็นเมืองที่ทุกคนต้องดิ้นรนให้รอดไปอีกวัน
ที่ไซต์ก่อสร้าง วีระหยิบอุปกรณ์ทำงานและเริ่มต้นวันอย่างจริงจัง เสียงหัวเราะของเพื่อนคนงานดังเป็นระยะ ทุกคนคุ้นเคยกันดี มีหยอกล้อเล็กๆ น้อยๆ พอให้หัวใจยังพอมีความอบอุ่น
แต่ในจังหวะหนึ่ง ขณะที่เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้า และเงยหน้าขึ้นไปมองตึกสูงที่ทะลุเมฆ... ก็รู้สึกถึงความเปียกบางอย่างกระทบหัว
“แปะ...”
วีระยกมือแตะ แล้วเอานิ้วมาดม กลิ่นเหม็นไหม้ของควันบุหรี่ชัดเจน
วีระ
“น้ำลาย...จากข้างบนเหรอ” เขาบ่นเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจ แล้วกลับไปทำงานต่อ
เสียงเครื่องยนต์รถยนต์หรูคันหนึ่งดังขึ้นก่อนจะค่อยๆ จอดสนิทริมรั้วลวดหนามของไซต์ก่อสร้าง ประตูรถเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดสูทสะอาดเนี้ยบก้าวลงมา ท่าทางมั่นใจแต่สายตามองไปรอบๆ ด้วยความระแวดระวัง
ลุงสมบัติหัวหน้าคนงาน (เดินเข้ามาทัก):
"คุณราเมศ วันนี้มาแต่เช้าเลยครับ"
ราเมศ (เจ้าของโครงการ):
"แหม ก็ต้องมาดูด้วยตาตัวเองน่ะสิ โซนอยู่อาศัยล็อต B ต้องเร่งให้ทันก่อนที่นักลงทุนจะเริ่มทยอยมาตรวจพื้นที่... งานคืบหน้าแค่ไหนแล้ว?"
ลุงสมบัติ:
"อีกไม่ถึงสัปดาห์ก็เริ่มขึ้นโครงสร้างได้ครับ แต่ต้องเคลียร์ของเก่าก่อน—โดยเฉพาะนั่งร้านฝั่งเหนือที่ยังไม่ได้รื้อ เพราะรอรถเครนเข้ามา"
ราเมศ (พยักหน้าช้าๆ มองขึ้นไปยังนั่งร้านเก่าที่ยังมีคนงานบางส่วนทำงานอยู่):
"ขยายพื้นที่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันไม่อยากเสียโอกาส เพราะความล่าช้าเรื่องเศษเหล็กพวกนี้ เข้าใจไหม?"
จังหวะนั้นเอง — เสียง "ครืนนนน—!" ดังสะท้อนออกมาจากโครงสร้างด้านข้าง พื้นดินสั่นสะเทือนเบาๆ ตามด้วยเสียงเหล็กเสียดสีกันกึกๆ แล้ว...
“โครมมมม!!!”
นั่งร้านฝั่งเหนือพังถล่มลงอย่างรุนแรง! เศษเหล็กและฝุ่นพุ่งขึ้นฟุ้งกระจาย ทั้งไซต์โกลาหลในพริบตา!
คนงาน:
"เฮ้ย! มีคนอยู่ข้างใน!!"
คนงานอีกคน:
"ข้างในยังมีสองคนติดอยู่!! เร็วเข้า!!"
วีระ ที่ยืนอยู่ไม่ไกลเบิกตากว้างในเสี้ยววินาที ก่อนจะหันขวับไปยังตู้เก็บอุปกรณ์ หยิบ คันงัด, เชือก, และ ไฟฉายคาดหัว อย่างรวดเร็ว
เขารีบพุ่งเข้าไปโดยไม่รอให้ใครสั่ง!
เสียงรอบข้างจอแจ:
"ระวัง! ตรงนั้นยังไม่เสถียร!!"
"เฮ้ย ใครเข้าไปข้างในวะนั่น?!"
กล้องตามวีระ ลอดผ่านเศษคานที่ยังควันกรุ่นๆ เขาคลานเข้าไปอย่างคล่องแคล่ว พยุงชายคนงานที่ขาถูกเหล็กหนีบออกมา พลางใช้คันงัดแงะคานด้วยแรงทั้งหมดที่มี
วีระ:
"พี่! ดันตัวขึ้นนิดนึง ผมจะดึงออกมาให้!"
ชายคนนั้นส่งเสียงเจ็บเบาๆ แต่วีระกัดฟันลากเขาออกมาได้สำเร็จ! แล้วรีบวนกลับไปช่วยอีกคนที่สลบอยู่
---
[หลังเหตุการณ์สงบ – หน้าไซต์เดิม, รถพยาบาลมารับผู้บาดเจ็บ]
ราเมศยืนกอดอก สายตามองไปยังวีระที่มีรอยแผลถลอกเล็กน้อยแต่ยังคงเดินไปตรวจเช็คว่าไม่มีใครตกหล่น
ลุงสมบัติ :
เจ้าของไซต์เรียกแกมาพบ ห้องควบคุมไซต์งาน
วีระ :
ผ-ผ-ผมทำอะไรผิดหรือเปล่า (วีระพูดด้วยน้ำเสียงกังวลที่สุดๆ)
ลุงสมบัติ :
ไม่ต้องกังวลไปไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรอกเอาเป็นว่าเดี๋ยวเข้าไปก็รู้เอง
(วีระเปิดประตูเสียงเบาๆและปิดอย่างช้าๆ)
ราเมศ :
โอ้...นายเอง เอานั่งก่อนๆ
ราเมศ (ยิ้มจางๆ พร้อมตบบ่า):
"นาย...ชื่ออะไรนะ?"
วีระ (เช็ดหน้า หันไปมองนิ่งๆ แล้วตอบสุภาพ):
"วีระครับ"
ราเมศ:
"วันนี้นายทำสิ่งที่ฉันไม่คิดว่าจะเห็นในไซต์งานนี้... กล้า เสี่ยง และรวดเร็ว แถมมีสติกว่าหัวหน้าบางคนด้วยซ้ำ"
วีระ (ยิ้มบางๆ):
"ผมแค่...ทำเท่าที่ทำได้ครับ"
ราเมศ (หยิบซองเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า):
"รับไว้เถอะ เป็นของขวัญเล็กๆ สำหรับคนที่กล้าช่วยชีวิตคนโดยไม่คิดถึงตัวเอง"
วีระมองซองเงินเล็กๆ ก่อนจะรับไว้ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ ราเมศเดินเข้ามาช้าๆพร้อมตบบ่าเบาๆ
...
กลางคืน – บ้านเด็กกำพร้า
บ้านไม้สองชั้นทรุดโทรมริมตรอกแคบๆ คือบ้านที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเด็กๆ ประตูเปิดออกพร้อมเสียงวิ่งต้อนรับ
เด็กๆ (ตะโกนเสียงใสๆ):
“พี่วีระกลับมาแล้ว!!”
เด็กทั้งหกวิ่งกรูกันเข้ามา มีทั้ง ลีโอ มาร์ติน ลูซี่ เดว รู และริโกะ แต่ละคนอายุไล่เลี่ยกัน ราว 6 ถึง 12 ปี
เด็กชายคนหนึ่ง (มาร์ติน):
“วันนี้พี่ได้โบนัสด้วยเหรอ!”
วีระ (เดินเข้ามาพร้อมถุงกับข้าวในมือ หรี่ตามอง):
“หืม? ใครบอกน่ะ?”
เด็กๆ หัวเราะคิกคัก แล้วสายตาทุกคู่ก็หันไปมอง ลิเดีย ที่เดินออกมาจากครัวอย่างเนียนๆ พร้อมผ้ากันเปื้อนผูกเอว
ลิเดีย (ทำหน้านิ่งๆ):
“ฉันก็แค่บอกว่าเย็นนี้เรามีของกินดีๆ…ไม่ได้พูดเรื่องโบนัสซะหน่อย”
> ลิเดีย พี่สาวคนโตของบ้านเด็กกำพร้าที่ทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารใกล้ๆละแวกนี้
วีระ (หลีตามอง):
“อือฮึ... พี่ว่าไงผมก็ว่างั้น”
จังหวะนั้น ก็ได้มีผู้หญิงเดินมาจากห้องครัว คุณนายโมนิก้า หญิงวัยกลางคนผมสีดอกดาวเรืองใส่ผ้ากันเปื้อนยับๆ เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
คุณนายโมนิก้า (แม่บุญธรรม):
“กลับมาแล้วเหรอจ๊ะ วีระ? เห็นว่าวันนี้เจองานใหญ่เลยนี่”เป็นอะไรไหม?
วีระ:
ครับ...!!นี่พี่เล่าหมดเปลือกเลยหรือเปล่าเนี่ย
ลิเดีย:
ไม่รู้ไม่ชี้ (พร้อมผิวปากเดินทางหันหลังกลับห้องครัวไป)
โมนิก้า (รับถุงจากมือวีระ):
“ไม่เป็นไรไม่เป็นไร งั้นเราเข้าห้องครัวไปทำอาหารกันดีกว่า..ไปกันจ๊ะ!”
ในครัวจึงกลายเป็นเวทีเล็กๆ แห่งความสุข — ลิเดียทำกับข้าวกลับโมนิก้า ส่วนเด็กๆ เตรียมจานชาม วีระคอยช่วยล้างผัก เสียงหัวเราะและกลิ่นอาหารอุ่นไหลวนไปทั่วบ้าน
"ค่ำลง เด็กๆ ทยอยเข้านอน และก่อนที่วีระจะปิดไฟ"
ริโกะ
พี่ หนูอยากฟังต่อเกี่ยวกับ อัศวินทั้งสองกับองค์หญิงที่ต้องที่กอบกู้บ้านเกิดให้หนูหน่อย
วีระ
...ได้สิ (วีระหยิบหนังสือออกมาจากตู้หนังสือ) อืออ...หน้าที่เท่าไหร่นะ
เสียงของเขายังดังต่อเนื่อง
กล้องค่อยๆ เคลื่อนออกจากภาพวีระและเด็กๆ ไปที่มุมหนึ่งของห้อง ซึ่ง ลิเดีย และ คุณนายโมนิก้า ยืนอยู่ด้วยกัน ลิเดียพิงกรอบประตู ขณะที่โมนิก้าถือผ้าห่มผืนพับอยู่ในมือทั้งสองคนมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน
> ริโกะ:
“หน้า 22 คะ”
> วีระ:
"มีความจำดีเหมือนกันนะเราเนี่ย ไหนดูซิ...ทั้งสองเจอกับรองหัวหน้าทัพปีศาจ ที่จับตัวองค์หญิงเอาไว้ในหอคอย อัศวินทั้งสองก็—"
---
ท้องฟ้ายามค่ำของเมืองนี้ไม่เคยมืดสนิท… แสงจากป้ายโฆษณาขนาดยักษ์ที่ติดอยู่ตามตึกสูงส่องวูบวาบสลับสี เส้นทางของรถบินวูบผ่านเหนือหัวราวกับแมลงเรืองแสง เสียงเครื่องยนต์ไฟฟ้าดังแผ่วๆ คลออยู่ตลอดเวลา
เขาหยิบม้านั่งและนั่งพักผ่อนอากาศพัดเข้าหน้ายังเบาๆ วิระจุดบุหรี่หนึ่งมวนขึ้นสูบเงียบๆ ลิเดียตามขึ้นมา
“ยังไม่ง่วงเหรอ?”
“พรุ่งนี้ไซต์ปิดซ่อม ผมเลยอยากพักสมองหน่อย”
ลิเดียหยิบม้านั่งอีกอันที่ลงข้างๆ และขอยืมบุหรี่ไฟแช็ก
ลิเดีย:
“ ช่วงนี้นายมานอนตรงนี้อยู่บ่อยๆนะ ”
วีระ (เงยหน้าขึ้นมอง): “พี่เคยเห็นท้องฟ้าจริงๆ ไหมครับ?”
ลิเดีย (หัวเราะเบาๆ):
“ท้องฟ้าจริงๆ? หมายถึงแบบที่ไม่มีตึกบังน่ะเหรอ... ไม่อ่ะ ขึ้นข้างบนยุ่งยากจะตายได้รับอนุญาตรัฐมนตรีของเมืองไหนจะใบรับรองพอขึ้นไปได้ค่าเช่าก็แพงยิ่งเป็นนักโทษไม่ต้องพูดถึง—"
วีระไม่ตอบทันที เขายังคงมองไปข้างบน ดวงตาเปล่งประกายจางๆ สะท้อนแสงจากไฟเมือง เขาค่อยๆ ยื่นมือขึ้นราวกับจะเอื้อมแตะอะไรบางอย่างที่อยู่ไกลเกินเอื้อม
วีระ: “ผมอยากขึ้นไปข้างบนนั้นจริงๆ นะพี่... ขึ้นไปให้ถึงจุดที่ไม่มีตึก ไม่มีเขม่าควัน ไม่มีเสียงรถ มีแค่...ฟ้า สีฟ้าจริงๆ ที่ไม่มีใครสร้างขึ้นมา”
ลิเดียหันมามองหน้าเขา เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ
ลิเดีย: “ฟังดูเป็นฝันที่สูงนะ...”
วีระหัวเราะในลำคอ พลางกำมือไว้เหนือหัว
วีระ: “ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวหรอกนะที่จะได้ขึ้นไป... สักวันสักวันหนึ่ง ผมจะพาพี่แม่กับเด็กๆ ทุกคนไปด้วยกัน พาออกจากเมืองนี้ ไปเห็นฟ้า ไปหาที่ที่เราจะหายใจได้เต็มปอด ไม่ต้องมองขึ้นไปอย่างเดียว แต่ได้ ‘อยู่’ ข้างบนนั้นจริงๆ”
ลิเดียมองหน้าเขานิ่ง ก่อนยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบา
ทั้งสองนั่งเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนที่กล้องจะค่อยๆ ลอยขึ้นจากหลังคา ข้ามผ่านเมืองอันแออัด...ตัดภาพไปจนถึงหน้าอาคารใหญ่ของ สถานีตำรวจเขต 9