(เรื่องราวก่อนหน้านั้น)
[00:00 น. — ห้องประชุมสภาแห่งรัฐกลางมหานครอาครีน]
เสียงนาฬิกาดิจิทัลบนผนังเรืองแสงสีฟ้าอ่อน กลางห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเอกสารกองโต แสงไฟสีนวลหม่นเริ่มทำให้บางคนหัวจะทิ่ม
เสียงอภิปรายเริ่มเดือดขึ้นอีกครั้ง:
ส.ส.ไอรีน (ฝ่ายค้านพรรคเสรีประชา):
> “เราต้องพูดความจริงค่ะ! แรงงานผู้อพยพคือหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของเรา—แต่พวกเขากลับไม่มีหลักประกันสุขภาพ ไม่มีสิทธิพักผ่อน ไม่มีแม้กระทั่งสัญ

คราว!”
เสียงตบโต๊ะจากฝั่งตรงข้าม
ส.ส.แวนดัล (พรรคร่วมรัฐบาล):
> “แต่คุณไอรีนครับ ประชาชนของเรากำลังเดือดร้อน เพราะต้องจ่ายภาษีเลี้ยงดูแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้ เราแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในระบบสุขภาพอยู่ทุกปี! หรือคุณจะให้คนชาติเราอดตายเพื่อเลี้ยงคนนอก?”
เสียงฮือฮาทั้งสภา ฝ่ายค้านเริ่มลุกขึ้นโต้ตอบ
ส.ส.ไอรีน (ขึ้นเสียง):
> “แต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง พรรคของคุณให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปนโยบายคนไร้สัญชาติไม่ใช่หรือคะ? หรือสัญญานั้นมีไว้แค่ช่วงโพลยังไม่ตก?”
เสียงหัวเราะแว่วมาเบาๆ จากฝั่งหลังสุดของสภา
ที่นั่งมุมหนึ่ง Katerina Varellian กำลังเอนตัวบนเก้าอี้ไม้บุนวม หัวพิงแฟ้มงบประมาณ เธอหลับตา ปากบ่นงึมงำราวกับคนละเมอ:
Katerina (เสียงแผ่ว):
> “นี่ฉันอยู่ในการเมือง... หรืออยู่ในละครตอนบ่ายของช่องรัฐ?”
เธอเหลือบตาขึ้นจากแฟ้ม มองส.ส.ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันเหมือนเดิม — เหมือนทุกคืนตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่มีวิกฤติผู้อพยพเข้าเมืองอย่างหนัก
เธอเปิดเอกสารประชุมของวันรุ่งขึ้น
— "ตรวจสอบโครงการย้ายถิ่นฐานเชิงบูรณาการ เขตชายแดนที่ 9"
และบ่นต่อแบบอัดอั้น:
Katerina:
> “พรุ่งนี้ต้องบินไปดูโรงเก็บคนอีกแล้ว... อยากกลับบ้าน กินโยเกิร์ต ดูละครไซไฟ แล้วนอนเงียบๆ สักวันไม่ได้เลยเหรอ...”
เธอพยายามจะไม่หลับ แต่ตายังจะปิด ร่างจะพับ
จนกระทั่งเสียงนายกรัฐมนตรี—บิดาของเธอเอง—ดังขึ้นหน้าสภา
นายกฯ Tesco Varellian (น้ำเสียงเข้ม):
> “รัฐบาลเราไม่สามารถเปิดประตูรับทุกคนที่ร้องขอที่พึ่งพิงได้อีกต่อไป! เราต้องดูแลประเทศของเราก่อน ผมพูดในฐานะพ่อ... และในฐานะผู้นำที่ต้องเลือกสิ่งที่ถูก ไม่ใช่สิ่งที่ดูดีในภาพข่าว!”
Katerinaลืมตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบไปมองพ่อตัวเองบนจอ
> “ตอนหาเสียง... ยังพูดอีกแบบเลยพ่อ”
ส.ส.ไอรีน (สวนกลับทันที):
> “ถ้าอย่างนั้นขอถาม—'สิ่งที่ถูกต้อง' ของท่านหมายถึงการละทิ้งความเป็นมนุษย์หรือเปล่าคะ?”
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงในห้องประชุม แถมประธานต้องตีกระดิ่งให้เงียบ
Katerina เอียงคอไปอีกด้าน ถอนหายใจแบบสุดเบื่อ ก่อนหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาเขียนหัวข้อที่ต้องทำพรุ่งนี้:
ไปตรวจพื้นที่เขต D-11
อ่านรายงานแรงงานข้ามชาติ
เตรียมตัวโดนด่าในทวิต ในโลกโซเชียล
>นี้ฉันหาทางถอนตัวจากคณะกรรมการ “ประชารัฐใหม่” ดีไหมเนี่ยแบบเนียนๆ
และทันทีที่ประธานตอกฆ้อนปิดประชุม
เธอยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วลุกขึ้นทันที
ประธานสภา:
> “ขอปิดการประชุมเวลา 02:12 น. ขอให้ทุกท่านพักผ่อนให้เพียงพอ”
Katerina (พึมพำเบาๆ):
> “พูดง่ายจังนะ…”
เดินออกจากห้องประชุมพร้อมเสียงแจ้งเตือนแอปผู้ช่วย ส.ส.บนมือถือ:
📱📳 “อย่าลืม: เที่ยงพรุ่งนี้ - พบผู้อพยพจากเขต D-11 ที่ยังไม่มีสถานะ”
เธอกดปิด แล้วเดินลงบันไดสภาด้วยคำเดียวในหัวว่า
>“ขอกลับบ้านก่อนที่ระบบจะเรียกให้กลับมาประชุมรอบเช้าเถอะ...”
[ด้านหน้ารัฐสภา, จุดจอดรถประจำตัว]
เสียงลมพัดเบา ๆ ชนกระจกหน้าตึกสูง รถประจำตำแหน่งของ Katerina—Limo-GX หรูสีดำด้าน—ลอยนิ่งลงมาตรงจุดจอดพอดี ไฟใต้ท้องรถกระพริบเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอัตโนมัติ
ภายในมีหุ่นยนต์บอดี้การ์ด 2 ตัวนั่งประจำที่หน้ารถ หนึ่งขับ หนึ่งเฝ้าระบบ และ “เรย์น” บอดี้การ์ดหนุ่มที่ภักดีประจำตัวเธอ นั่งอยู่ฝั่งขวาหลัง
เรย์น (ยิ้มบาง ๆ):
“เชิญครับท่าน ส.ส.”
Katerina ก้าวขึ้นไปบนเบาะอย่างหมดแรง ปิดประตูด้วยฝ่ามือเดียวแล้วทิ้งตัวนั่งพิงอย่างเรียบร้อยแบบคุณหนูชนชั้นบนที่หมดพลังจากการอยู่ในห้องประชุมที่ไร้เหตุผลที่สุดในจักรวาล
Katerina (ถอนหายใจยาว):
> “พาฉันกลับบ้านที… ก่อนที่ฉันจะมีรอยตีนกาไร้ชีวิตอีกคน”
รถเคลื่อนตัวออกเบา ๆ ลอยขึ้นกลางอากาศชั้นบนของมหานครอาครีน ด้านนอกคือแสงไฟของตึกสูงเสียดฟ้า เส้นทางอากาศไร้การจราจรติดขัด แต่มองลงไปข้างล่างเห็นแต่ความมืดหม่น และแสงนีออนสีซีดของโซนชั้นล่างที่ประชาชนระดับล่างยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ฝนเริ่มตก
เม็ดน้ำกลิ้งบนกระจกพาโนรามาด้านข้างที่ Katerina มองออกไป น้ำตาเทียมจากฟ้าชั้นสูงเริ่มพร่ามัวแสงไฟสวยหรู
Katerina (บ่นกับตัวเองเบา ๆ):
> “ฝนเหรอ… ให้ตายสิ วันนี้แย่ที่สุดในรอบสัปดาห์เลยนะ… ขอแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวได้ไหมสักคืน”
เธอหลับตาพิงเบาะ ปรับเสียงเพลงภายในเป็น "Classical Atmospheric – Type Gamma" เพื่อจะพอให้ใจสงบลงบ้าง…
แต่ยังไม่ทันได้ผ่อนคลาย—
ตูมม!!
เสียงระเบิดบางอย่างดังสนั่นจากฝั่งท้ายรถ เสียงเตือนดังแหลมพร้อมหน้าจอ HUD กระพริบสีแดงทั่วคัน
เรย์น (ตะโกน):
“เราถูกโจมตี!! โดรนระเบิด EMP—!! รัดเข็มขัดเร็วครับ!!”
หุ่นยนต์บอดี้การ์ดหน้ารถขยับทันทีเพื่อเร่งความเร็วหลบออก แต่แรงปะทะลูกที่สองยิงตรงเข้ากลางลำ ทำให้ระบบควบคุมบินรวน รถเสียการทรงตัวทันทีและเริ่มหมุนเคว้งกลางอากาศ
Katerina (ตกใจสุดขีด):
“อะไรน่ะ!? ใครยิงพวกเรา!! เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?!”
เรย์น (กดระบบฉุกเฉิน):
>“ต้นทางมาจากใต้โซน D-6 ชั้นล่าง! จับให้แน่นเรากำลังจะตกที่โซน D— !! เตรียมตัวกระแทก!”
รถพุ่งทะลุแนวคลื่นป้องกันชั้นกลางของเมือง ร่วงหล่นสู่เขต D-7
– เขตล่างสุดของมหานครอาครีนที่ถูกปิดตายจากสาธารณะ เขตที่เต็มไปด้วยผู้อพยพผิดกฎหมาย, ขบวนการใต้ดิน,
Katerina มองลงไปเบื้องล่างจากหน้าต่างที่แตกเป็นรอย เส้นทางตกคือเงามืดของเมือง… ที่แทบไม่มีแสงหลงเหลืออยู่
Katerina (เสียงสั่นตกใจกลัว):
> “…นี่ฉันจะตายแบบนี้... ในพื้นที่แบบนี้… จริง ๆ เหรอ?”
ระบบส่งเสียงสุดท้ายก่อนระบบขัดข้อง:
> “Recalculating crash path... Emergency landing: Impossible.”
เรย์น:
“จับไว้แน่น ๆ คุณ Katerina!!”
จากบนท้องฟ้าฝ่าพายุฝนลงมาอย่างรุนแรง ราวกับบางสิ่งจากเบื้องล่างได้ ล่อลวง รถลำนี้ให้ร่วงลง… อย่างตั้งใจ
[zone D-7, เขตพื้นที่อุตสาหกรรม]
เธอค่อยๆตื่นตัวสิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้คืออาการมึนหัวกับกลิ่นควันไฟที่ค่อยๆจะผุขึ้นและเสียงเอี๊ยดอ๊าด จากรถประตูด้านหลังค่อยเปิดออก เรย์น ที่ฟื้นตัวก่อนเธอค่อยๆพาร่างของเธอออกมาจากซากรถ พร้อมปฐมพยาบาลเบื้องต้น
Katerina (พรืดเสียงออกเบา ๆ):
“อืม… นี่ฉันยังไม่ตายเหรอ…”
บอดี้การ์ดเครื่องหมายเลข 01:
> “ชีพจรคุณ Katerina อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยระบบสแกน ไม่พบอาการขอเจ็บหลายแรง
เรย์น:
“คุณ! ตื่นแล้ว! ดีมาก ฟังนะ เราต้องออกจากรถทันที เสี่ยงเกิดเพลิงไหม้!”
หุ่นยนต์ 02:
> “สัญญาณถูกส่งทันทีหลังตอนรถกำลังตก / คาดว่าหน่วยฉุกเฉินจะมาถึงภายใน 15 นาที”
เรย์น(ค่อยๆพูดเรียกสติ):
คุณนั่งตรงนี้ก่อน ฟังผมนะเอานี้ไปสัญญาณติดตามตัว ปืนสำลองใช้เมื่อจำเป็น คุณได้ยินผมใช่ไหม!
>เธอยังมีอาการมึนๆเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ
เรย์น:
ดี!!
> “จากนั้นไม่นานก็ได้มีรถตู้ค่อยๆบินลงมาท่ามกลางเศษซากรถที่ไฟลุก คนในรถเปิดประตูออกพร้อมกับปืน ยิงเข้าไปที่หุ่นยนต์บอดี้การ์ด ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ก่อนค่อยๆวิ่งหาที่กำบัง”
เรย์น (กัดฟันและหยิบปืนยิงปะทะ)

เอ๊ย มันเจอตัวเราแล้ว
เรย์น:
เราต้องรีบไปแล้วตามผมมา!!
Katerina (มีอาการตื่นกลัวอย่างสุดขีด):
> “นี่ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ!!?”
project c ตอนต่อที่ 3
[00:00 น. — ห้องประชุมสภาแห่งรัฐกลางมหานครอาครีน]
เสียงนาฬิกาดิจิทัลบนผนังเรืองแสงสีฟ้าอ่อน กลางห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเอกสารกองโต แสงไฟสีนวลหม่นเริ่มทำให้บางคนหัวจะทิ่ม
เสียงอภิปรายเริ่มเดือดขึ้นอีกครั้ง:
ส.ส.ไอรีน (ฝ่ายค้านพรรคเสรีประชา):
> “เราต้องพูดความจริงค่ะ! แรงงานผู้อพยพคือหนึ่งในกลไกหลักที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของเรา—แต่พวกเขากลับไม่มีหลักประกันสุขภาพ ไม่มีสิทธิพักผ่อน ไม่มีแม้กระทั่งสัญ
เสียงตบโต๊ะจากฝั่งตรงข้าม
ส.ส.แวนดัล (พรรคร่วมรัฐบาล):
> “แต่คุณไอรีนครับ ประชาชนของเรากำลังเดือดร้อน เพราะต้องจ่ายภาษีเลี้ยงดูแรงงานผิดกฎหมายเหล่านี้ เราแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในระบบสุขภาพอยู่ทุกปี! หรือคุณจะให้คนชาติเราอดตายเพื่อเลี้ยงคนนอก?”
เสียงฮือฮาทั้งสภา ฝ่ายค้านเริ่มลุกขึ้นโต้ตอบ
ส.ส.ไอรีน (ขึ้นเสียง):
> “แต่ตอนหาเสียงเลือกตั้ง พรรคของคุณให้คำมั่นว่าจะปฏิรูปนโยบายคนไร้สัญชาติไม่ใช่หรือคะ? หรือสัญญานั้นมีไว้แค่ช่วงโพลยังไม่ตก?”
เสียงหัวเราะแว่วมาเบาๆ จากฝั่งหลังสุดของสภา
ที่นั่งมุมหนึ่ง Katerina Varellian กำลังเอนตัวบนเก้าอี้ไม้บุนวม หัวพิงแฟ้มงบประมาณ เธอหลับตา ปากบ่นงึมงำราวกับคนละเมอ:
Katerina (เสียงแผ่ว):
> “นี่ฉันอยู่ในการเมือง... หรืออยู่ในละครตอนบ่ายของช่องรัฐ?”
เธอเหลือบตาขึ้นจากแฟ้ม มองส.ส.ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันเหมือนเดิม — เหมือนทุกคืนตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่มีวิกฤติผู้อพยพเข้าเมืองอย่างหนัก
เธอเปิดเอกสารประชุมของวันรุ่งขึ้น
— "ตรวจสอบโครงการย้ายถิ่นฐานเชิงบูรณาการ เขตชายแดนที่ 9"
และบ่นต่อแบบอัดอั้น:
Katerina:
> “พรุ่งนี้ต้องบินไปดูโรงเก็บคนอีกแล้ว... อยากกลับบ้าน กินโยเกิร์ต ดูละครไซไฟ แล้วนอนเงียบๆ สักวันไม่ได้เลยเหรอ...”
เธอพยายามจะไม่หลับ แต่ตายังจะปิด ร่างจะพับ
จนกระทั่งเสียงนายกรัฐมนตรี—บิดาของเธอเอง—ดังขึ้นหน้าสภา
นายกฯ Tesco Varellian (น้ำเสียงเข้ม):
> “รัฐบาลเราไม่สามารถเปิดประตูรับทุกคนที่ร้องขอที่พึ่งพิงได้อีกต่อไป! เราต้องดูแลประเทศของเราก่อน ผมพูดในฐานะพ่อ... และในฐานะผู้นำที่ต้องเลือกสิ่งที่ถูก ไม่ใช่สิ่งที่ดูดีในภาพข่าว!”
Katerinaลืมตาขึ้นเล็กน้อย เหลือบไปมองพ่อตัวเองบนจอ
> “ตอนหาเสียง... ยังพูดอีกแบบเลยพ่อ”
ส.ส.ไอรีน (สวนกลับทันที):
> “ถ้าอย่างนั้นขอถาม—'สิ่งที่ถูกต้อง' ของท่านหมายถึงการละทิ้งความเป็นมนุษย์หรือเปล่าคะ?”
เสียงปะทะกันอย่างรุนแรงในห้องประชุม แถมประธานต้องตีกระดิ่งให้เงียบ
Katerina เอียงคอไปอีกด้าน ถอนหายใจแบบสุดเบื่อ ก่อนหยิบสมุดโน้ตขึ้นมาเขียนหัวข้อที่ต้องทำพรุ่งนี้:
ไปตรวจพื้นที่เขต D-11
อ่านรายงานแรงงานข้ามชาติ
เตรียมตัวโดนด่าในทวิต ในโลกโซเชียล
>นี้ฉันหาทางถอนตัวจากคณะกรรมการ “ประชารัฐใหม่” ดีไหมเนี่ยแบบเนียนๆ
และทันทีที่ประธานตอกฆ้อนปิดประชุม
เธอยิ้มมุมปากเบาๆ แล้วลุกขึ้นทันที
ประธานสภา:
> “ขอปิดการประชุมเวลา 02:12 น. ขอให้ทุกท่านพักผ่อนให้เพียงพอ”
Katerina (พึมพำเบาๆ):
> “พูดง่ายจังนะ…”
เดินออกจากห้องประชุมพร้อมเสียงแจ้งเตือนแอปผู้ช่วย ส.ส.บนมือถือ:
📱📳 “อย่าลืม: เที่ยงพรุ่งนี้ - พบผู้อพยพจากเขต D-11 ที่ยังไม่มีสถานะ”
เธอกดปิด แล้วเดินลงบันไดสภาด้วยคำเดียวในหัวว่า
>“ขอกลับบ้านก่อนที่ระบบจะเรียกให้กลับมาประชุมรอบเช้าเถอะ...”
[ด้านหน้ารัฐสภา, จุดจอดรถประจำตัว]
เสียงลมพัดเบา ๆ ชนกระจกหน้าตึกสูง รถประจำตำแหน่งของ Katerina—Limo-GX หรูสีดำด้าน—ลอยนิ่งลงมาตรงจุดจอดพอดี ไฟใต้ท้องรถกระพริบเบา ๆ ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอัตโนมัติ
ภายในมีหุ่นยนต์บอดี้การ์ด 2 ตัวนั่งประจำที่หน้ารถ หนึ่งขับ หนึ่งเฝ้าระบบ และ “เรย์น” บอดี้การ์ดหนุ่มที่ภักดีประจำตัวเธอ นั่งอยู่ฝั่งขวาหลัง
เรย์น (ยิ้มบาง ๆ):
“เชิญครับท่าน ส.ส.”
Katerina ก้าวขึ้นไปบนเบาะอย่างหมดแรง ปิดประตูด้วยฝ่ามือเดียวแล้วทิ้งตัวนั่งพิงอย่างเรียบร้อยแบบคุณหนูชนชั้นบนที่หมดพลังจากการอยู่ในห้องประชุมที่ไร้เหตุผลที่สุดในจักรวาล
Katerina (ถอนหายใจยาว):
> “พาฉันกลับบ้านที… ก่อนที่ฉันจะมีรอยตีนกาไร้ชีวิตอีกคน”
รถเคลื่อนตัวออกเบา ๆ ลอยขึ้นกลางอากาศชั้นบนของมหานครอาครีน ด้านนอกคือแสงไฟของตึกสูงเสียดฟ้า เส้นทางอากาศไร้การจราจรติดขัด แต่มองลงไปข้างล่างเห็นแต่ความมืดหม่น และแสงนีออนสีซีดของโซนชั้นล่างที่ประชาชนระดับล่างยังต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด
ฝนเริ่มตก
เม็ดน้ำกลิ้งบนกระจกพาโนรามาด้านข้างที่ Katerina มองออกไป น้ำตาเทียมจากฟ้าชั้นสูงเริ่มพร่ามัวแสงไฟสวยหรู
Katerina (บ่นกับตัวเองเบา ๆ):
> “ฝนเหรอ… ให้ตายสิ วันนี้แย่ที่สุดในรอบสัปดาห์เลยนะ… ขอแช่น้ำอุ่นให้สบายตัวได้ไหมสักคืน”
เธอหลับตาพิงเบาะ ปรับเสียงเพลงภายในเป็น "Classical Atmospheric – Type Gamma" เพื่อจะพอให้ใจสงบลงบ้าง…
แต่ยังไม่ทันได้ผ่อนคลาย—
ตูมม!!
เสียงระเบิดบางอย่างดังสนั่นจากฝั่งท้ายรถ เสียงเตือนดังแหลมพร้อมหน้าจอ HUD กระพริบสีแดงทั่วคัน
เรย์น (ตะโกน):
“เราถูกโจมตี!! โดรนระเบิด EMP—!! รัดเข็มขัดเร็วครับ!!”
หุ่นยนต์บอดี้การ์ดหน้ารถขยับทันทีเพื่อเร่งความเร็วหลบออก แต่แรงปะทะลูกที่สองยิงตรงเข้ากลางลำ ทำให้ระบบควบคุมบินรวน รถเสียการทรงตัวทันทีและเริ่มหมุนเคว้งกลางอากาศ
Katerina (ตกใจสุดขีด):
“อะไรน่ะ!? ใครยิงพวกเรา!! เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นเนี่ย?!”
เรย์น (กดระบบฉุกเฉิน):
>“ต้นทางมาจากใต้โซน D-6 ชั้นล่าง! จับให้แน่นเรากำลังจะตกที่โซน D— !! เตรียมตัวกระแทก!”
รถพุ่งทะลุแนวคลื่นป้องกันชั้นกลางของเมือง ร่วงหล่นสู่เขต D-7
– เขตล่างสุดของมหานครอาครีนที่ถูกปิดตายจากสาธารณะ เขตที่เต็มไปด้วยผู้อพยพผิดกฎหมาย, ขบวนการใต้ดิน,
Katerina มองลงไปเบื้องล่างจากหน้าต่างที่แตกเป็นรอย เส้นทางตกคือเงามืดของเมือง… ที่แทบไม่มีแสงหลงเหลืออยู่
Katerina (เสียงสั่นตกใจกลัว):
> “…นี่ฉันจะตายแบบนี้... ในพื้นที่แบบนี้… จริง ๆ เหรอ?”
ระบบส่งเสียงสุดท้ายก่อนระบบขัดข้อง:
> “Recalculating crash path... Emergency landing: Impossible.”
เรย์น:
“จับไว้แน่น ๆ คุณ Katerina!!”
จากบนท้องฟ้าฝ่าพายุฝนลงมาอย่างรุนแรง ราวกับบางสิ่งจากเบื้องล่างได้ ล่อลวง รถลำนี้ให้ร่วงลง… อย่างตั้งใจ
[zone D-7, เขตพื้นที่อุตสาหกรรม]
เธอค่อยๆตื่นตัวสิ่งแรกที่เธอสัมผัสได้คืออาการมึนหัวกับกลิ่นควันไฟที่ค่อยๆจะผุขึ้นและเสียงเอี๊ยดอ๊าด จากรถประตูด้านหลังค่อยเปิดออก เรย์น ที่ฟื้นตัวก่อนเธอค่อยๆพาร่างของเธอออกมาจากซากรถ พร้อมปฐมพยาบาลเบื้องต้น
Katerina (พรืดเสียงออกเบา ๆ):
“อืม… นี่ฉันยังไม่ตายเหรอ…”
บอดี้การ์ดเครื่องหมายเลข 01:
> “ชีพจรคุณ Katerina อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยระบบสแกน ไม่พบอาการขอเจ็บหลายแรง
เรย์น:
“คุณ! ตื่นแล้ว! ดีมาก ฟังนะ เราต้องออกจากรถทันที เสี่ยงเกิดเพลิงไหม้!”
หุ่นยนต์ 02:
> “สัญญาณถูกส่งทันทีหลังตอนรถกำลังตก / คาดว่าหน่วยฉุกเฉินจะมาถึงภายใน 15 นาที”
เรย์น(ค่อยๆพูดเรียกสติ):
คุณนั่งตรงนี้ก่อน ฟังผมนะเอานี้ไปสัญญาณติดตามตัว ปืนสำลองใช้เมื่อจำเป็น คุณได้ยินผมใช่ไหม!
>เธอยังมีอาการมึนๆเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้าเข้าใจ
เรย์น:
ดี!!
> “จากนั้นไม่นานก็ได้มีรถตู้ค่อยๆบินลงมาท่ามกลางเศษซากรถที่ไฟลุก คนในรถเปิดประตูออกพร้อมกับปืน ยิงเข้าไปที่หุ่นยนต์บอดี้การ์ด ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ก่อนค่อยๆวิ่งหาที่กำบัง”
เรย์น (กัดฟันและหยิบปืนยิงปะทะ)
เรย์น:
เราต้องรีบไปแล้วตามผมมา!!
Katerina (มีอาการตื่นกลัวอย่างสุดขีด):
> “นี่ฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ!!?”