สวัสดีค่าทุกคน! วันนี้เราอยากจะมารีวิวประสบการณ์ทำ Couple Therapy ที่ Happy Me Clinic กับคุณแฟนค่ะ บอกเลยว่าชีวิตคู่ดีขึ้นเยอะมาก จากที่เคยเป็นคู่กัด ตอนนี้กลายเป็นคู่รักที่เข้าใจกันมากขึ้นจริงๆ ค่ะ 🥰😝
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่า เรากับแฟนเนี่ยคบกันมานานแล้วค่ะ รักกันแหละ แต่ติดตรงที่ ทะเลาะกันบ่อยมากกกกก ทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างทำไมไม่เก็บผ้า จะดูหนังเรื่องนี้แต่เค้าอยากดูอีกเรื่องก็ทะเลาะกันข้ามวันได้ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่งอนกันข้ามวันข้ามคืน (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ใหญ่มากหรอก แต่ตอนนั้นมันรู้สึกว่าใหญ่ไง)
คือเราสองคนเป็นคน ไม่ยอมกันทั้งคู่ ค่ะ ยิ่งเถียงก็ยิ่งแรง ยิ่งทะเลาะก็ยิ่งเหนื่อย จนมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าพอแล้วไหมวะทั้งๆ ที่ยังรักกันมากนะ แต่เหนื่อยกับการวนลูปเดิมๆ สุดท้ายเราก็เลยจับเข่าคุยกันจริงจังว่า จะเอายังไงดี แก้ไข หรือ เลิกกันไปเลย?
โชคดีที่ความรักยังชนะค่ะ เราสองคนเลยตัดสินใจลองหาทางออกดู แล้วก็มาเจอบริการ Couple Therapy หรือการบำบัดคู่รักเนี่ยแหละค่ะ ตอนแรกก็แอบกลัวนะว่ามันจะช่วยได้จริงหรอ จะโดนบังคับให้ต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะมั้ยแต่เอาวะ ลองดู 💪🏻
พอได้มาคุยกับนักบำบัดบอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ เป็นกันเองมาก บรรยากาศก็สบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอย่างที่คิดเลย ที่นี่จะช่วยให้เรากับแฟนได้ สื่อสารกันมากขึ้น ค่ะ คือไม่ใช่แค่พูดนะ แต่เป็นการพูดที่ทำให้เราได้ เข้าใจ มุมมองของอีกฝ่ายจริงๆ อันนี้เราไปกันทั้งสองเลย เพราะถ้าไปคนเดียวก็จะเป็นว่าอีกฝ่ายดีแต่อีกฝ่ายยังทำงง
หลังจากทำ Couple Therapy มาได้ ประมาณ 1 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือเกินคาดมากค่ะ
🥰เถียงกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจากที่เมื่อก่อนแทบจะทะเลาะกันทุกวัน ตอนนี้อาทิตย์นึงเถียงกันนับครั้งได้เลยค่ะ
🥰เข้าใจกันมากขึ้นเราสองคนเริ่มมองเห็นปัญหาจากมุมของอีกฝ่ายมากขึ้น จากที่เคยคิดว่า ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้? ก็กลายเป็น อ๋อ... เขาก็มีเหตุผลของเขานี่นา แค่เปิดใจให้กว้างแล้วรับฟังมากขึ้นก่อนจะเถียงออกไปโดยไม่ฟังอะไร
🥰เรียนรู้ที่จะยอมกันมากขึ้น ไม่ใช่การยอมแบบฝืนใจนะ แต่เป็นการยอมที่เข้าใจว่าบางเรื่องมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่เราจะต้องชนะเสมอไป
🥰ความสัมพันธ์ดีขึ้นจริงจัง กลับมาหวานเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ (แอบเขินนะเนี่ย)
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหากับแฟน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สะสมมานาน หรือทะเลาะกันบ่อยจนท้อ เราอยากแนะนำให้ลองไปทำ Couple Therapy ดูเลยค่ะ มันช่วยได้จริงๆ นะคะ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะดูซีเรียสหรือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะจริงๆ แล้วมันคือการที่เราได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยและทำความเข้าใจกันและกันมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
สำหรับพวกขั้นตอนการบำบัดเราว่าแต่ละคู่ก็ได้รับการให้คำปรึกษาต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าใครมีปัญหาแบบไหน แต่ในของคู่เราเริ่มต้นคือเล่าปัญหาและความต้องการของแต่ละฝ่ายแยกกันแต่ละคนก่อน แล้วนักบำบัดจะให้เรากับแฟนเข้ามาพร้อมกันในภายหลังเพื่อพูดคุยและหาแนวทางรับมือกับปัญหาที่ได้แจ้งก่อนหน้า เพื่อที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
เราสามารถแสดงความรู้สึกแท้จริงอันนี้สำคัญไม่ต้องเก็บไว้ค่ะ อยากจะรู้สึกยังไง โกรธ เสียใจ น้อยใจ บอกไปได้เลย เพราะนักจิตวิทยาจะช่วยรับฟังและทำความเข้าใจฟังคู่ของเราอันนี้สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ คือการ ฟังแฟนของเรา ให้มากๆ ไม่ใช่แค่ได้ยิน แต่ต้องตั้งใจฟังเพื่อทำความเข้าใจในมุมของเขาด้วย อีกอย่างคือนักจิตวิทยาอาจจะมีคำถามเพื่อกระตุ้นให้เราได้คิด หรือเพื่อให้เราได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติม ก็ตอบไปตามตรงเลยค่ะ รู้สึกจะเห็นมุมมองใหม่ๆมากยิ่งขึ้นบางทีเราก็คิดในมุมตัวเอง
ขอรีวิว 3 เทคนิคปรับความเข้าใจกับแฟน หลัง Couple Therapy (ทำแล้วดีขึ้นจริง!)
หลังจากไปบำบัดคู่รักที่ Happy Me Clinic มา เรากับแฟนก็ได้เทคนิคเจ๋งๆ ที่เอามาใช้แล้วเวิร์กจริง จนความสัมพันธ์ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา จนเพื่อนและครอบครัวยังงง 😂
1. Check-in ก่อนจะ เชือด
อันนี้คือหัวใจสำคัญเลยจากที่เคยอารมณ์ขึ้นก็ฟาดกันเลย ตอนนี้เรากับแฟนจะใช้เทคนิค "Check-in" ก่อน คือแทนที่จะพุ่งเข้าหาปัญหาทันที เราจะถามกันก่อนว่า ตอนนี้โอเคไหม หรือ พร้อมคุยเรื่องนี้รึเปล่า
ถ้ายังไม่พร้อม ก็ตกลงกันว่าจะพักก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยเมื่อใจเย็นลง (เช่น "ขอไปสงบสติอารมณ์ 10 นาทีนะ")
ถ้าพร้อม: ก็เริ่มคุยกันด้วยท่าทีที่นิ่งขึ้น ทำให้การสนทนาไม่บานปลายไปสู่การทะเลาะ
2. ฟังแบบจับใจความไม่ใช่ ฟังเพื่อเถียง 👂
เมื่อก่อนเวลาแฟนพูด เราก็เตรียมประโยคสวนกลับไว้ในหัวแล้ว แต่ตอนนี้เราพยายามฝึก "ฟังแบบจับใจความ" คือตั้งใจฟังสิ่งที่แฟนพูดจริงๆ ว่าเขารู้สึกอะไร มีมุมมองแบบไหน แล้วก็ทวนสิ่งที่ได้ยินให้เขาฟังว่า "ที่เธอพูดหมายถึงแบบนี้ใช่ไหม..." เพื่อเช็กว่าเราเข้าใจตรงกันรึเปล่า
เทคนิคนี้ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นเยอะค่ะ เพราะหลายครั้งปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการตีความคำพูดที่ไม่ตรงกัน พอได้ทวนสิ่งที่ได้ยินก็ช่วยให้เคลียร์กันได้เร็วขึ้นเยอะเลย
3. พักเบรก ก่อนพัง 🛑
สุดท้ายคือการรู้จัก "พักเบรก" ค่ะ เวลาคุยกันแล้วเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หรือเริ่มจะวนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เราจะตกลงกันว่า "โอเค พักก่อนนะ" แล้วแยกย้ายไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเดินเล่น หรืออยู่คนเดียวในมุมของตัวเอง
การพักเบรกนี้ไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นการ ลดความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อให้ต่างฝ่ายได้สงบใจ แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่เมื่อพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่พอได้พักแล้ว กลับมาคุยกันอีกทีก็จะใจเย็นขึ้น และหาทางออกได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ทั้ง 3 เทคนิคนี้ อาจจะฟังดูง่ายๆ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความตั้งใจจากทั้งสองฝ่ายนะคะ แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก เพราะมันเปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นคู่รักที่เข้าใจกันมากขึ้นจริงๆ ค่ะ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคู่รักหลายๆ คู่นะคะ ใครมีคำถามอะไร ถามมาได้เลยน๊า ยินดีตอบค่า 😊
[CR] ทำ couple therapy กับแฟน จากคู่กัดกลายเป็นคู่รัก
ก่อนอื่นต้องเล่าก่อนว่า เรากับแฟนเนี่ยคบกันมานานแล้วค่ะ รักกันแหละ แต่ติดตรงที่ ทะเลาะกันบ่อยมากกกกก ทะเลาะกันได้ทุกเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างทำไมไม่เก็บผ้า จะดูหนังเรื่องนี้แต่เค้าอยากดูอีกเรื่องก็ทะเลาะกันข้ามวันได้ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ที่งอนกันข้ามวันข้ามคืน (ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้ใหญ่มากหรอก แต่ตอนนั้นมันรู้สึกว่าใหญ่ไง)
คือเราสองคนเป็นคน ไม่ยอมกันทั้งคู่ ค่ะ ยิ่งเถียงก็ยิ่งแรง ยิ่งทะเลาะก็ยิ่งเหนื่อย จนมีช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าพอแล้วไหมวะทั้งๆ ที่ยังรักกันมากนะ แต่เหนื่อยกับการวนลูปเดิมๆ สุดท้ายเราก็เลยจับเข่าคุยกันจริงจังว่า จะเอายังไงดี แก้ไข หรือ เลิกกันไปเลย?
โชคดีที่ความรักยังชนะค่ะ เราสองคนเลยตัดสินใจลองหาทางออกดู แล้วก็มาเจอบริการ Couple Therapy หรือการบำบัดคู่รักเนี่ยแหละค่ะ ตอนแรกก็แอบกลัวนะว่ามันจะช่วยได้จริงหรอ จะโดนบังคับให้ต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะมั้ยแต่เอาวะ ลองดู 💪🏻
พอได้มาคุยกับนักบำบัดบอกเลยว่าประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกค่ะ เป็นกันเองมาก บรรยากาศก็สบายๆ ไม่ได้เคร่งเครียดอย่างที่คิดเลย ที่นี่จะช่วยให้เรากับแฟนได้ สื่อสารกันมากขึ้น ค่ะ คือไม่ใช่แค่พูดนะ แต่เป็นการพูดที่ทำให้เราได้ เข้าใจ มุมมองของอีกฝ่ายจริงๆ อันนี้เราไปกันทั้งสองเลย เพราะถ้าไปคนเดียวก็จะเป็นว่าอีกฝ่ายดีแต่อีกฝ่ายยังทำงง
หลังจากทำ Couple Therapy มาได้ ประมาณ 1 เดือน ผลลัพธ์ที่ได้คือเกินคาดมากค่ะ
🥰เถียงกันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดจากที่เมื่อก่อนแทบจะทะเลาะกันทุกวัน ตอนนี้อาทิตย์นึงเถียงกันนับครั้งได้เลยค่ะ
🥰เข้าใจกันมากขึ้นเราสองคนเริ่มมองเห็นปัญหาจากมุมของอีกฝ่ายมากขึ้น จากที่เคยคิดว่า ทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้? ก็กลายเป็น อ๋อ... เขาก็มีเหตุผลของเขานี่นา แค่เปิดใจให้กว้างแล้วรับฟังมากขึ้นก่อนจะเถียงออกไปโดยไม่ฟังอะไร
🥰เรียนรู้ที่จะยอมกันมากขึ้น ไม่ใช่การยอมแบบฝืนใจนะ แต่เป็นการยอมที่เข้าใจว่าบางเรื่องมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดที่เราจะต้องชนะเสมอไป
🥰ความสัมพันธ์ดีขึ้นจริงจัง กลับมาหวานเหมือนตอนจีบกันใหม่ๆ เลยก็ว่าได้ค่ะ (แอบเขินนะเนี่ย)
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหากับแฟน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยที่สะสมมานาน หรือทะเลาะกันบ่อยจนท้อ เราอยากแนะนำให้ลองไปทำ Couple Therapy ดูเลยค่ะ มันช่วยได้จริงๆ นะคะ ไม่ต้องกลัวว่ามันจะดูซีเรียสหรือเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร เพราะจริงๆ แล้วมันคือการที่เราได้มีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยและทำความเข้าใจกันและกันมากขึ้นเท่านั้นเองค่ะ
สำหรับพวกขั้นตอนการบำบัดเราว่าแต่ละคู่ก็ได้รับการให้คำปรึกษาต่างกันออกไป แล้วแต่ว่าใครมีปัญหาแบบไหน แต่ในของคู่เราเริ่มต้นคือเล่าปัญหาและความต้องการของแต่ละฝ่ายแยกกันแต่ละคนก่อน แล้วนักบำบัดจะให้เรากับแฟนเข้ามาพร้อมกันในภายหลังเพื่อพูดคุยและหาแนวทางรับมือกับปัญหาที่ได้แจ้งก่อนหน้า เพื่อที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ดีขึ้น
เราสามารถแสดงความรู้สึกแท้จริงอันนี้สำคัญไม่ต้องเก็บไว้ค่ะ อยากจะรู้สึกยังไง โกรธ เสียใจ น้อยใจ บอกไปได้เลย เพราะนักจิตวิทยาจะช่วยรับฟังและทำความเข้าใจฟังคู่ของเราอันนี้สำคัญไม่แพ้กันเลยค่ะ คือการ ฟังแฟนของเรา ให้มากๆ ไม่ใช่แค่ได้ยิน แต่ต้องตั้งใจฟังเพื่อทำความเข้าใจในมุมของเขาด้วย อีกอย่างคือนักจิตวิทยาอาจจะมีคำถามเพื่อกระตุ้นให้เราได้คิด หรือเพื่อให้เราได้เล่ารายละเอียดเพิ่มเติม ก็ตอบไปตามตรงเลยค่ะ รู้สึกจะเห็นมุมมองใหม่ๆมากยิ่งขึ้นบางทีเราก็คิดในมุมตัวเอง
ขอรีวิว 3 เทคนิคปรับความเข้าใจกับแฟน หลัง Couple Therapy (ทำแล้วดีขึ้นจริง!)
หลังจากไปบำบัดคู่รักที่ Happy Me Clinic มา เรากับแฟนก็ได้เทคนิคเจ๋งๆ ที่เอามาใช้แล้วเวิร์กจริง จนความสัมพันธ์ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตา จนเพื่อนและครอบครัวยังงง 😂
1. Check-in ก่อนจะ เชือด
อันนี้คือหัวใจสำคัญเลยจากที่เคยอารมณ์ขึ้นก็ฟาดกันเลย ตอนนี้เรากับแฟนจะใช้เทคนิค "Check-in" ก่อน คือแทนที่จะพุ่งเข้าหาปัญหาทันที เราจะถามกันก่อนว่า ตอนนี้โอเคไหม หรือ พร้อมคุยเรื่องนี้รึเปล่า
ถ้ายังไม่พร้อม ก็ตกลงกันว่าจะพักก่อน แล้วค่อยกลับมาคุยเมื่อใจเย็นลง (เช่น "ขอไปสงบสติอารมณ์ 10 นาทีนะ")
ถ้าพร้อม: ก็เริ่มคุยกันด้วยท่าทีที่นิ่งขึ้น ทำให้การสนทนาไม่บานปลายไปสู่การทะเลาะ
2. ฟังแบบจับใจความไม่ใช่ ฟังเพื่อเถียง 👂
เมื่อก่อนเวลาแฟนพูด เราก็เตรียมประโยคสวนกลับไว้ในหัวแล้ว แต่ตอนนี้เราพยายามฝึก "ฟังแบบจับใจความ" คือตั้งใจฟังสิ่งที่แฟนพูดจริงๆ ว่าเขารู้สึกอะไร มีมุมมองแบบไหน แล้วก็ทวนสิ่งที่ได้ยินให้เขาฟังว่า "ที่เธอพูดหมายถึงแบบนี้ใช่ไหม..." เพื่อเช็กว่าเราเข้าใจตรงกันรึเปล่า
เทคนิคนี้ทำให้เราเข้าใจกันมากขึ้นเยอะค่ะ เพราะหลายครั้งปัญหาเกิดจากความเข้าใจผิด หรือการตีความคำพูดที่ไม่ตรงกัน พอได้ทวนสิ่งที่ได้ยินก็ช่วยให้เคลียร์กันได้เร็วขึ้นเยอะเลย
3. พักเบรก ก่อนพัง 🛑
สุดท้ายคือการรู้จัก "พักเบรก" ค่ะ เวลาคุยกันแล้วเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ หรือเริ่มจะวนอยู่แต่เรื่องเดิมๆ เราจะตกลงกันว่า "โอเค พักก่อนนะ" แล้วแยกย้ายไปทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกไปเดินเล่น หรืออยู่คนเดียวในมุมของตัวเอง
การพักเบรกนี้ไม่ใช่การหนีปัญหา แต่เป็นการ ลดความรุนแรงของสถานการณ์ เพื่อให้ต่างฝ่ายได้สงบใจ แล้วค่อยกลับมาคุยกันใหม่เมื่อพร้อม ซึ่งส่วนใหญ่พอได้พักแล้ว กลับมาคุยกันอีกทีก็จะใจเย็นขึ้น และหาทางออกได้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ
ทั้ง 3 เทคนิคนี้ อาจจะฟังดูง่ายๆ แต่ต้องอาศัยการฝึกฝนและความตั้งใจจากทั้งสองฝ่ายนะคะ แต่บอกเลยว่าคุ้มค่ามาก เพราะมันเปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นคู่รักที่เข้าใจกันมากขึ้นจริงๆ ค่ะ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับคู่รักหลายๆ คู่นะคะ ใครมีคำถามอะไร ถามมาได้เลยน๊า ยินดีตอบค่า 😊
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้