มาเล่าต่อหลังจากเพื่อนสนิทเจอก้อนในปอด ตอนนั้น หมอแนะนำให้รีบเข้ารับการรักษาเพราะปัจจุบันคิวรักษามะเร็งกับรพ.ใหญ่คือนานมาก (นานจริงๆ เพราะเพื่อนเราเริ่มกระบวนการตั้งแต่รู้ว่าเป็นก็ยังไปไม่ถึงไหนเลย หลายสิ่งมาก) เราก็ไม่อยากให้เพื่อนรอนานขนาดนั้น เลยเริ่มหาข้อมูล ทั้งเว็บสาธารณสุข พันทิป ช่องคุณหมอชื่อดังต่างๆ และเรื่องเล่าจากคนไข้จริง แล้วก็มาเจอโพสของคุณหมอจากโรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตราในต๊อกๆ เป็นคลิปที่คุณหมอมาให้ความรู้ด้านมะเร็ง ซึ่งคุณหมอเน้นมากๆเลยนะเรื่องระยะเวลาการรอคอยที่ไม่ควรทิ้งเวลาไว้นาน รักษาทันที เพิ่มโอกาสและประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งได้ และเครื่องมือในการรักษาที่ทันสมัยและตรงจุด อีกอย่างหนึ่งนะบรรยากาศใน รพ.ดูดีมากๆเลยอ่ะ เราเลยส่งคลิปให้เพื่อนดูเยอะมาก สรุปจบที่ขอนัดวิดีโอคอลคุยกับคุณหมอดูก่อน เพราะ รพ.อยู่ จ.อุบลฯ
คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่า รพ.ของเราจะอยู่ที่อุบลฯ ก็ตาม แต่ก็มีคนไข้เยอะมากที่มาจาก กทม. นราธิวาส เชียงใหม่ ฯลฯ รวมไปถึงที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็เยอะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการใช้ชีวิตระยะสั้นๆในช่วงการรักษาที่นี่ บินแค่ ชม.เดียว และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินอุบลฯ
จริงๆอยากจะสารภาพว่า ตอนแรกคิดว่าการติดต่อออนไลน์จะยุ่งยาก แต่ปรากฏว่าที่นี่มีระบบให้ผู้ป่วยนัดปรึกษาออนไลน์ได้ทันทีแค่ไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งเหมาะมากกับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดและอยู่ในช่วงการตัดสินใจ แล้วพอถึงเวลานัด คุณหมอก็โผล่มาทักทายแบบกันเองมากเลย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกร็งเหมือนอยู่ในห้องตรวจจริงๆ คุณหมอน่ารักมาก พูดจาดี จิตวิทยาคุยกับคนไข้ขั้นเทพซึ่งเราว่าปัจจุบันหาไม่ง่ายเท่าไหร่นะ อ้อ คุณหมอที่ให้คำปรึกษาเพื่อนเราชื่อ นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งมา มากว่า 20 ปี ( สำหรับเราประสบการณ์ของคุณหมอทำให้เราอุ่นใจ ) และรีวิวนี้จริงๆ ตั้งใจอยากมาแชร์ความรู้ที่ได้จากการนั่งฟังคุณหมออธิบายเรื่องการรักษาเป็นเพื่อนเพื่อนนี่แหล่ะ
ส่วนใครอยากรู้จักคุณหมอ เพื่อนๆที่ป่วยและกังวลใจอยู่ เราแปะคลิปไว้ให้นะ
https://youtu.be/EvsmlicI3gU
ต่อๆ สิ่งแรกที่ชอบมากคือ คุณหมอไม่รีบ บอกว่ามีเวลาคุยและตอบคำถามได้จนกว่าเพื่อนเราจะเข้าใจ ไม่ใช้ศัพท์ยากๆ แต่เล่าให้เข้าใจง่ายเหมือนภาษาที่เราใช้พูดปกติทั่วไป คุณหมอเล่าว่าโรคมะเร็งปอดมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรกบางคนแค่ไอเรื้อรังหรือเหนื่อยง่ายก็อาจเป็นสัญญาณแล้ว ยิ่งช่วงแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ยิ่งควรตรวจเร็ว เพราะ “การเจอเร็วคือโอกาสรอด” หมออธิบายอีกว่าเซลล์มะเร็งไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อธรรมดา แต่มันคือเซลล์ที่ผิดปกติและลุกลามได้ไว ถ้าไม่ควบคุมเร็วก็อาจลามไปอวัยวะอื่น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแย่ที่สุดเสมอไป เพราะยังต้องมีการตรวจเพิ่มอีกหลายขั้นตอน และถ้าเจอเร็ว ก็ยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เดี๋ยวนี้เลยมีการตรวจคัดกรองเหมือนตรวจสุขภาพประจำปีด้วย
ตลอดชั่วโมงของการวิดีโอคอล เราและเพื่อนได้เรียนรู้หลายอย่างที่อ่านในเน็ตก็ไม่เคยเข้าใจชัดขนาดนี้เลย เช่น
วิธีรักษามะเร็งในปี 2025 นี้ ไม่ได้มีแค่คีโมที่หลายคนกลัวผลข้างเคียงนะ แต่ยังมีการผ่าตัด, ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy), ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) และอื่นๆ แต่ละวิธีไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องดูว่าร่างกายและพันธุกรรมของผู้ป่วยตอบสนองแบบไหน ฟังแล้วเราเข้าใจขึ้นเยอะ ที่สำคัญคือเพื่อนเริ่มผ่อนคลายได้อีกครั้งจากที่ตอนแรกเครียดหนักมาก
คุณหมอยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่โรงพยาบาลมีเครื่องมือใหม่ ๆ ในการรักษามะเร็งปอด เช่น
· เครื่องฉายรังสีพลังงานสูงแบบ IMRT (Intensity-Modulated Radiation Therapy) ซึ่งสามารถปรับระดับพลังงานและมุมฉายให้เหมาะกับรูปร่างของก้อนมะเร็งแบบรายบุคคล ทำให้ลดผลกระทบกับอวัยวะข้างเคียงได้มาก
· เทคนิคฉายแสงพุ่งเป้า SBRT (Stereotactic Body Radiation Therapy) ซึ่งเป็นการฉายแสงแบบพุ่งเป้าแม่นยำสูง เหมาะกับมะเร็งระยะต้นที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือคนไข้ที่ร่างกายอ่อนแอ
· Hyperthermia (การรักษาด้วยความร้อนเฉพาะจุด) ใช้ความร้อนเฉพาะจุดตรงไปเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง เพิ่ม%การตายของเซลล์มะเร็ง และผลข้างเคียงต่ำมาก และเห็นว่ามีแค่ไม่กี่ที่ในไทยที่ใช้เครื่องนี้นี้ด้วยนะ
https://www.facebook.com/reel/1339742777513677
· ทีมแพทย์และนักฟิสิกส์การแพทย์ที่คอยดูแลใกล้ชิดทุกเคส ไม่ใช่แค่กดปุ่มแล้วจบ แต่คือการปรับตามสภาพจริงของผู้ป่วยแต่ละคน
พูดตรง ๆ คือพอฟังแบบนี้ เราเองยังรู้สึกว่าโชคดีที่เจอที่นี่ เพราะไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลในภูมิภาคจะมีเครื่องมือและทีมที่ครบแบบนี้ ที่สำคัญไม่ต้องรอคิวนาน และสิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคือ คุณหมอไม่ได้กดดันให้รีบตัดสินใจ แต่เปิดให้ถามได้ทุกเรื่องรวมถึงค่ารักษาด้วย คุณหมอแจ้งราคาชัดเจนและ แจ้งถึงสิทธิ์เบิกค่ารักษาต่างทั้งสิทธิ์ราชการและประกันชีวิต และยังให้เวลาเพื่อนคิดอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่เพื่อนบอกว่า เหมือนได้คุยกับคนในครอบครัวที่อยากให้เราหายจริงๆ
สรุปคือ แค่การวิดีโอคอลครั้งนี้ก็ทำให้เพื่อนเรามีพลังใจขึ้นเยอะ จากที่ร้องไห้เครียดบ่อยในช่วงนี้ พอวางสายจากหมอ เพื่อนเราก็มีความหวังขึ้นมาเลย เราเองยังรู้สึกเลยว่า เออ การได้ข้อมูลที่ถูกต้องบวกกับการพูดคุยที่รู้สึกว่าใส่ใจนี่มันเหมือนยาคลายเครียดชั้นดีจริง ๆ
หลังจากคุยกับหมอและกลับไปคิดแล้ว เพื่อนบอกเราว่าตัดสินใจจะบินไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรานี่แหล่ะ ไว้ครั้งหน้าจะมารีวิวจากสถานที่จริงกัน
รักษาสุขภาพกันนะทุกคน......
มะเร็งใกล้ตัวกว่าที่คิด เมื่อเพื่อนฉันเป็นมะเร็งปอด ตอน2 : เส้นทางสู่การเริ่มต้นรักษา
คุณหมอบอกว่าถึงแม้ว่า รพ.ของเราจะอยู่ที่อุบลฯ ก็ตาม แต่ก็มีคนไข้เยอะมากที่มาจาก กทม. นราธิวาส เชียงใหม่ ฯลฯ รวมไปถึงที่มาจากประเทศเพื่อนบ้านก็เยอะ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางหรือการใช้ชีวิตระยะสั้นๆในช่วงการรักษาที่นี่ บินแค่ ชม.เดียว และโรงพยาบาลก็อยู่ไม่ไกลจากสนามบินอุบลฯ
จริงๆอยากจะสารภาพว่า ตอนแรกคิดว่าการติดต่อออนไลน์จะยุ่งยาก แต่ปรากฏว่าที่นี่มีระบบให้ผู้ป่วยนัดปรึกษาออนไลน์ได้ทันทีแค่ไม่กี่ขั้นตอน ซึ่งเหมาะมากกับผู้ป่วยที่อยู่ต่างจังหวัดและอยู่ในช่วงการตัดสินใจ แล้วพอถึงเวลานัด คุณหมอก็โผล่มาทักทายแบบกันเองมากเลย ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเกร็งเหมือนอยู่ในห้องตรวจจริงๆ คุณหมอน่ารักมาก พูดจาดี จิตวิทยาคุยกับคนไข้ขั้นเทพซึ่งเราว่าปัจจุบันหาไม่ง่ายเท่าไหร่นะ อ้อ คุณหมอที่ให้คำปรึกษาเพื่อนเราชื่อ นายแพทย์ธนุตม์ ก้วยเจริญพานิชก์ เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านมะเร็งมา มากว่า 20 ปี ( สำหรับเราประสบการณ์ของคุณหมอทำให้เราอุ่นใจ ) และรีวิวนี้จริงๆ ตั้งใจอยากมาแชร์ความรู้ที่ได้จากการนั่งฟังคุณหมออธิบายเรื่องการรักษาเป็นเพื่อนเพื่อนนี่แหล่ะ
ส่วนใครอยากรู้จักคุณหมอ เพื่อนๆที่ป่วยและกังวลใจอยู่ เราแปะคลิปไว้ให้นะ
https://youtu.be/EvsmlicI3gU
ต่อๆ สิ่งแรกที่ชอบมากคือ คุณหมอไม่รีบ บอกว่ามีเวลาคุยและตอบคำถามได้จนกว่าเพื่อนเราจะเข้าใจ ไม่ใช้ศัพท์ยากๆ แต่เล่าให้เข้าใจง่ายเหมือนภาษาที่เราใช้พูดปกติทั่วไป คุณหมอเล่าว่าโรคมะเร็งปอดมักจะไม่แสดงอาการในระยะแรกบางคนแค่ไอเรื้อรังหรือเหนื่อยง่ายก็อาจเป็นสัญญาณแล้ว ยิ่งช่วงแรกไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้ที่สูบบุหรี่จัด หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งปอด ยิ่งควรตรวจเร็ว เพราะ “การเจอเร็วคือโอกาสรอด” หมออธิบายอีกว่าเซลล์มะเร็งไม่ใช่แค่ก้อนเนื้อธรรมดา แต่มันคือเซลล์ที่ผิดปกติและลุกลามได้ไว ถ้าไม่ควบคุมเร็วก็อาจลามไปอวัยวะอื่น แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแย่ที่สุดเสมอไป เพราะยังต้องมีการตรวจเพิ่มอีกหลายขั้นตอน และถ้าเจอเร็ว ก็ยังมีโอกาสรักษาให้หายได้ เดี๋ยวนี้เลยมีการตรวจคัดกรองเหมือนตรวจสุขภาพประจำปีด้วย
ตลอดชั่วโมงของการวิดีโอคอล เราและเพื่อนได้เรียนรู้หลายอย่างที่อ่านในเน็ตก็ไม่เคยเข้าใจชัดขนาดนี้เลย เช่น
วิธีรักษามะเร็งในปี 2025 นี้ ไม่ได้มีแค่คีโมที่หลายคนกลัวผลข้างเคียงนะ แต่ยังมีการผ่าตัด, ยาพุ่งเป้า (Targeted Therapy), ยากระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunotherapy) และอื่นๆ แต่ละวิธีไม่ได้เหมาะกับทุกคน ต้องดูว่าร่างกายและพันธุกรรมของผู้ป่วยตอบสนองแบบไหน ฟังแล้วเราเข้าใจขึ้นเยอะ ที่สำคัญคือเพื่อนเริ่มผ่อนคลายได้อีกครั้งจากที่ตอนแรกเครียดหนักมาก
คุณหมอยังเล่าให้ฟังด้วยว่า ที่โรงพยาบาลมีเครื่องมือใหม่ ๆ ในการรักษามะเร็งปอด เช่น
· เครื่องฉายรังสีพลังงานสูงแบบ IMRT (Intensity-Modulated Radiation Therapy) ซึ่งสามารถปรับระดับพลังงานและมุมฉายให้เหมาะกับรูปร่างของก้อนมะเร็งแบบรายบุคคล ทำให้ลดผลกระทบกับอวัยวะข้างเคียงได้มาก
· เทคนิคฉายแสงพุ่งเป้า SBRT (Stereotactic Body Radiation Therapy) ซึ่งเป็นการฉายแสงแบบพุ่งเป้าแม่นยำสูง เหมาะกับมะเร็งระยะต้นที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ หรือคนไข้ที่ร่างกายอ่อนแอ
· Hyperthermia (การรักษาด้วยความร้อนเฉพาะจุด) ใช้ความร้อนเฉพาะจุดตรงไปเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง เพิ่ม%การตายของเซลล์มะเร็ง และผลข้างเคียงต่ำมาก และเห็นว่ามีแค่ไม่กี่ที่ในไทยที่ใช้เครื่องนี้นี้ด้วยนะ
https://www.facebook.com/reel/1339742777513677
· ทีมแพทย์และนักฟิสิกส์การแพทย์ที่คอยดูแลใกล้ชิดทุกเคส ไม่ใช่แค่กดปุ่มแล้วจบ แต่คือการปรับตามสภาพจริงของผู้ป่วยแต่ละคน
พูดตรง ๆ คือพอฟังแบบนี้ เราเองยังรู้สึกว่าโชคดีที่เจอที่นี่ เพราะไม่ใช่ทุกโรงพยาบาลในภูมิภาคจะมีเครื่องมือและทีมที่ครบแบบนี้ ที่สำคัญไม่ต้องรอคิวนาน และสิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดคือ คุณหมอไม่ได้กดดันให้รีบตัดสินใจ แต่เปิดให้ถามได้ทุกเรื่องรวมถึงค่ารักษาด้วย คุณหมอแจ้งราคาชัดเจนและ แจ้งถึงสิทธิ์เบิกค่ารักษาต่างทั้งสิทธิ์ราชการและประกันชีวิต และยังให้เวลาเพื่อนคิดอย่างเต็มที่ ถึงขั้นที่เพื่อนบอกว่า เหมือนได้คุยกับคนในครอบครัวที่อยากให้เราหายจริงๆ
สรุปคือ แค่การวิดีโอคอลครั้งนี้ก็ทำให้เพื่อนเรามีพลังใจขึ้นเยอะ จากที่ร้องไห้เครียดบ่อยในช่วงนี้ พอวางสายจากหมอ เพื่อนเราก็มีความหวังขึ้นมาเลย เราเองยังรู้สึกเลยว่า เออ การได้ข้อมูลที่ถูกต้องบวกกับการพูดคุยที่รู้สึกว่าใส่ใจนี่มันเหมือนยาคลายเครียดชั้นดีจริง ๆ
หลังจากคุยกับหมอและกลับไปคิดแล้ว เพื่อนบอกเราว่าตัดสินใจจะบินไปรักษาที่โรงพยาบาลมะเร็งชีวามิตรานี่แหล่ะ ไว้ครั้งหน้าจะมารีวิวจากสถานที่จริงกัน
รักษาสุขภาพกันนะทุกคน......