📌 Samsung ปิดดีลประวัติศาสตร์ $16.5 พันล้าน หุ้นพุ่งรับข่าวบวก
.
Samsung Electronics เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการเปิดเผยในเอกสารยื่นต่อหน่วยงานกำกับว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซัพพลายชิปเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่ามหาศาลกว่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6 แสนล้านบาท จุดกระแสความหวังใหม่ในธุรกิจ Foundry ที่ซบเซามานาน พร้อมดันราคาหุ้นพุ่งเกือบ 3% ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันจันทร์
------
🔸 สัญญาระยะยาวถึงปี 2033 หนุนรายได้ต่อเนื่องอีกทศวรรษ
เอกสารระบุว่าสัญญาเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ซึ่งเป็นวันเริ่มรับคำสั่งซื้อ และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2033 นับเป็นดีลระยะยาวถึง 9 ปี ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ต่อเนื่อง แต่ยังเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นจากลูกค้ารายใหญ่ในเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของซัมซุง
------
🔸 ปิดชื่อคู่สัญญา หวั่นกระทบความลับทางการค้า
แม้ไม่ได้เปิดเผยชื่อบริษัทคู่สัญญา ซัมซุงระบุว่า “เนื้อหาหลักของสัญญาไม่สามารถเปิดเผยได้” ตามคำร้องขอของอีกฝ่ายเพื่อปกป้องความลับทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี สื่อเกาหลีและนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเป็น Qualcomm หรือ Tesla ที่มองหาเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร
------
🔸 ดีลนี้อาจเป็น ‘เกมเปลี่ยน’ ธุรกิจ Foundry ของ Samsung
ซัมซุงเป็นผู้ให้บริการ Foundry รายใหญ่อันดับสองของโลก รองจาก TSMC โดยวางแผนเริ่มผลิตชิป 2 นาโนเมตรในปี 2025 การคว้าดีลขนาดยักษ์เช่นนี้อาจเปลี่ยนกระแสให้ซัมซุงกลับมาเป็นผู้เล่นแถวหน้าในตลาดชิประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังขับเคลื่อนความต้องการชิปที่ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ
------
🔸 หุ้นกระโดดรับข่าว สวนกระแสแนวโน้มกำไร Q2 ที่ทรุด
แม้ซัมซุงเตรียมรายงานกำไรไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะลดลงมากกว่าครึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดสั่งซื้อชิปหน่วยความจำและธุรกิจ Foundry ซบเซา แต่ข่าวดีลมูลค่าสูงครั้งนี้ กลับกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดันราคาหุ้นในตลาดเกาหลีใต้พุ่งแรงกว่า 2.8% ทันทีหลังประกาศข่าว
------
🔸 ยังตามหลัง SK Hynix ในตลาด HBM แต่ดีลนี้อาจพลิกเกม
ปัจจุบัน ซัมซุงยังตามหลัง SK Hynix และ Micron ในตลาดชิป HBM ที่ใช้ใน AI แต่ดีลใหม่นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยน โดยเฉพาะหากเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ารายใหญ่ด้าน AI หรือ EV เช่น Nvidia หรือ Tesla ซึ่งต้องการโซลูชันที่ล้ำหน้าและประสิทธิภาพสูง
------
🔸 ซัมซุงเริ่มกลับมาอยู่ในเรดาร์นักลงทุน
ดีลมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นสัญญาณความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีซัมซุง แต่ยังตอกย้ำความสามารถในการดึงดูดลูกค้าในยุค AI แม้บริษัทจะยังต้องเร่งสปีดในตลาดหน่วยความจำ แต่การฟื้นตัวของธุรกิจ Foundry อาจเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในช่วงถัดไป
ที่มา BusinessTomorrow
Elon Musk จะเดินตรวจสายการผลิตด้วยตัวเอง หลัง Samsung ได้ดีลยักษ์มูลค่า “6 แสนล้านบาท” เพื่อผลิตชิปให้กับ Tesla
.
Samsung Electronics เซอร์ไพรส์ตลาดด้วยการเปิดเผยในเอกสารยื่นต่อหน่วยงานกำกับว่า บริษัทได้ลงนามในสัญญาซัพพลายชิปเซมิคอนดักเตอร์ มูลค่ามหาศาลกว่า 16.5 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 6 แสนล้านบาท จุดกระแสความหวังใหม่ในธุรกิจ Foundry ที่ซบเซามานาน พร้อมดันราคาหุ้นพุ่งเกือบ 3% ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันจันทร์
------
🔸 สัญญาระยะยาวถึงปี 2033 หนุนรายได้ต่อเนื่องอีกทศวรรษ
เอกสารระบุว่าสัญญาเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2024 ซึ่งเป็นวันเริ่มรับคำสั่งซื้อ และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคม 2033 นับเป็นดีลระยะยาวถึง 9 ปี ซึ่งไม่เพียงสร้างรายได้ต่อเนื่อง แต่ยังเป็นสัญญาณความเชื่อมั่นจากลูกค้ารายใหญ่ในเทคโนโลยีการผลิตชิปขั้นสูงของซัมซุง
------
🔸 ปิดชื่อคู่สัญญา หวั่นกระทบความลับทางการค้า
แม้ไม่ได้เปิดเผยชื่อบริษัทคู่สัญญา ซัมซุงระบุว่า “เนื้อหาหลักของสัญญาไม่สามารถเปิดเผยได้” ตามคำร้องขอของอีกฝ่ายเพื่อปกป้องความลับทางธุรกิจ อย่างไรก็ดี สื่อเกาหลีและนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอาจเป็น Qualcomm หรือ Tesla ที่มองหาเทคโนโลยีการผลิตระดับ 2 นาโนเมตร
------
🔸 ดีลนี้อาจเป็น ‘เกมเปลี่ยน’ ธุรกิจ Foundry ของ Samsung
ซัมซุงเป็นผู้ให้บริการ Foundry รายใหญ่อันดับสองของโลก รองจาก TSMC โดยวางแผนเริ่มผลิตชิป 2 นาโนเมตรในปี 2025 การคว้าดีลขนาดยักษ์เช่นนี้อาจเปลี่ยนกระแสให้ซัมซุงกลับมาเป็นผู้เล่นแถวหน้าในตลาดชิประดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังขับเคลื่อนความต้องการชิปที่ทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ
------
🔸 หุ้นกระโดดรับข่าว สวนกระแสแนวโน้มกำไร Q2 ที่ทรุด
แม้ซัมซุงเตรียมรายงานกำไรไตรมาส 2 ที่คาดว่าจะลดลงมากกว่าครึ่งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดสั่งซื้อชิปหน่วยความจำและธุรกิจ Foundry ซบเซา แต่ข่าวดีลมูลค่าสูงครั้งนี้ กลับกระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน ดันราคาหุ้นในตลาดเกาหลีใต้พุ่งแรงกว่า 2.8% ทันทีหลังประกาศข่าว
------
🔸 ยังตามหลัง SK Hynix ในตลาด HBM แต่ดีลนี้อาจพลิกเกม
ปัจจุบัน ซัมซุงยังตามหลัง SK Hynix และ Micron ในตลาดชิป HBM ที่ใช้ใน AI แต่ดีลใหม่นี้อาจเป็นจุดเปลี่ยน โดยเฉพาะหากเป็นการตอบโจทย์ลูกค้ารายใหญ่ด้าน AI หรือ EV เช่น Nvidia หรือ Tesla ซึ่งต้องการโซลูชันที่ล้ำหน้าและประสิทธิภาพสูง
------
🔸 ซัมซุงเริ่มกลับมาอยู่ในเรดาร์นักลงทุน
ดีลมูลค่ามหาศาลครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นสัญญาณความแข็งแกร่งของเทคโนโลยีซัมซุง แต่ยังตอกย้ำความสามารถในการดึงดูดลูกค้าในยุค AI แม้บริษัทจะยังต้องเร่งสปีดในตลาดหน่วยความจำ แต่การฟื้นตัวของธุรกิจ Foundry อาจเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนการเติบโตในช่วงถัดไป
ที่มา BusinessTomorrow