KEY POINTS
คมนาคมถก ‘คลัง’ จ้างบริษัทที่ปรึกษา เปิดลงทุน PPP 30 ปี
ลุยจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด โกยรายได้ 1 หมื่นล้าน เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซื้อคืนรถไฟฟ้าจากเอกชนใน 2 ปี 
ปิดดีลกทม.ร่วม 20 บาทตลอดสาย ชดเชยรายได้สายสีเขียวตามจริง
เร่งดันกฎหมาย 3 ฉบับเข้าสภาฯ 7 ส.ค.นี้ลุยลงทะเบียนแอปทางรัฐ เริ่มใช้ 1 ต.ค. 68 เป็นทางเลือก
“รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย” เป็นหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลปัจจุบันที่มุ่งหวังจะลดภาระค่าครองชีพด้านการเดินทางให้กับประชาชน สอดรับกับการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนกลับมาเป็นของรัฐบาล
โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้รัฐบาลมีอิสระ ในการกำหนดนโยบายอัตราค่าโดยสารราคาเดียว โดยไม่ต้องผูกพันกับสัญญาสัมปทานเดิมที่อาจมีเงื่อนไขการปรับค่าโดยสารที่ซับซ้อน
ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากหลายภาคส่วนว่า ได้ไม่คุ้มเสีย และอาจต้องเสียงบประมาณมหาศาลโดยเฉพาะการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า 8 สาย13เส้นทาง
จ้างที่ปรึกษาซื้อคืนสัมปทาน
ในทางกลับกัน กระทรวงคมนาคมประเมินว่าสามารถทำได้ สะท้อนจากนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุถึงความคืบหน้าการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า ว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง อยู่ระหว่างจัดจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษา
โดยกระทรวงคมนาคมได้ส่งข้อมูลให้ทางกระทรวงการคลังทั้งปริมาณตัวเลขผู้โดยสารที่ใช้บริการรถไฟฟ้าแต่ละสายและพื้นที่ที่กำหนดจุดจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) รวมถึงปริมาณรถที่เข้าในตัวเมืองกรุงเทพมหานครเพื่อไปดำเนินการแล้ว
หากการศึกษาการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) สามารถดำเนินการได้ตามแผน โดยกระทรวงฯ จะนำรายได้เหล่านี้เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure fund) เพื่อซื้อคืนรถไฟฟ้าจากเอกชน ก่อนปรับราคาค่าโดยสารรถไฟฟ้าอยู่ที่ 20 บาทตลอดสาย คาดว่าสามารถซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าได้ภายใน 2 ปี
ดึงโมเดลเก็บค่าธรรมเนียมรถติด 1 หมื่นล้าน
แนวทางการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า จะทำให้มีรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge)ประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ทั้งยังทำให้รัฐบาลมีอิสระในการกำหนดนโยบายในเรื่องอัตราค่าโดยสารและสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย ได้โดยไม่กระทบกับสัญญาสัมปทานเดิม
ส่วนการศึกษาโมเดลจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) ของกระทรวงคมนาคม พบว่าในต่างประเทศมีการดำเนินการแล้วหลายเมือง เช่น กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร (อังกฤษ) , เมืองสต๊อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน, เมืองโกเธนเบิร์ก ประเทศสวีเดน, เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และประเทศสิงคโปร์
โดยพื้นที่ในกรุงเทพฯที่คาดว่าจะดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด(Congestion Charge) เช่น รัชดาภิเษก, สุขุมวิท , สยามพารากอน, สีลม เนื่องจากเป็นพื้นที่ใจกลางเมืองตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ปัจจุบันมีรถใช้บริการกว่า 700,000 คันต่อวัน
ทั้งนี้จะใช้รูปแบบการลงทุนจาก PPP Net Cost เป็น PPP Gross Cost ระยะเวลา 30 ปี คาดว่าจะดำเนินการจัดเก็บค่าธรรมเนียมรถติด (Congestion Charge) ใน 5 ปีแรก ซึ่งจะดำเนินการจัดเก็บในอัตรา 50 บาทต่อคัน จากนั้นจะเพิ่มการจัดเก็บค่าธรรมเนียมทุกๆ 5 ปี
คลังตั้งคณะกรรมการ รับ 20 บาทตลอดสาย
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบมาตรการอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้าทุกสาย ในราคาไม่เกิน 20 บาทตลอดสายนั้น
โดยที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการลงทุนตามนโยบายรถไฟฟ้าอัตราเดียวตลอดสาย มีมติจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายทั้งระยะสั้นและยาว รวมถึงการซื้อคืนสัมปทานจากภาคเอกชน เช่น
การตั้งกองทุนเข้ามาอุดหนุน เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
ในหลักการยังคงเดินหน้านโยบายดังกล่าว ซึ่งมีโจทย์ว่าจะต้องทำในรูปแบบระยะยาวและมีความยั่งยืน โดยคณะอนุกรรมการชุดนี้จะรับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาว่าจะสามารถดำเนินการส่วนใดได้บ้าง
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่า นอกจากคณะอนุกรรมการนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย มีหน้าที่ในการศึกษา นโยบายให้อยู่ได้ระยะยาวและยั่งยืนแล้ว คณะกรรมการชุดดังกล่าวยังต้องพิจารณาแนวทางการซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากภาคเอกชนด้วย
โดยจากการหารือกันเบื้องต้น อาจจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้า และให้ภาครัฐกลับเข้ามาบริหารการเดินรถเองตลอด 13 เส้นทาง
ปิดดีลกทม.ชดเชยสายสีเขียว
ส่วนกรณีที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) มีความเห็นเกี่ยวกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถึงการประมาณการการชดเชยส่วนต่างรายได้ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของ กทม. ในปีงบประมาณ 2569 น่าจะต้องใช้งบประมาณ จำนวน 11,059 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมงบประมาณจากการปรับเปลี่ยนระบบจัดเก็บค่าโดยสาร
ดังนั้นจึงไม่สามารถยืนยันประมาณการดังกล่าวตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอไว้ที่ 2,525 ล้านบาท นั้น
จากการหารือร่วมกับร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)และตัวแทนจากกลุ่มบีทีเอส ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ถึงประเด็นการชดเชยค่าโดยสารกรณีนำสายสีเขียวและสายสีทองที่จะเข้าร่วมนโยบาย 20 บาท เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายสุริยะ ประเมินว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุปที่เข้าใจตรงกันแล้ว เบื้องต้นภาครัฐพร้อมจะชดเชยส่วนของค่าโดยสารที่เกิดขึ้นจริงทั้งหมด ซึ่งการชดเชยรายได้นั้นเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติและมีข้อสั่งการให้ชดเชยตามจริง ซึ่งกทม. มีความพร้อมสนับสนุนการขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าว
สำหรับตัวเลขประมาณการชดเชยค่าโดยสารที่เสนอ ครม. ในช่วงที่ผ่านมานั้น ประมาณ 5,512 ล้านบาท เป็นเพียงกรอบการประเมินการจัดใช้งบประมาณเท่านั้น
ตามมติครม.ระบุว่าหากรายได้ชดเชยค่าโดยสารรถไฟฟ้าแต่ละสายสูงกว่าที่ประมาณการไว้กระทรวงคมนาคมสามารถเสนอครม.ขออนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมได้เป็นรายโครงการ
ทั้งนี้เมื่อกฎหมายผ่านการพิจารณาจากสภาฯ จะสามารถนำเงินสะสมของ รฟม. มาชดเชยในส่วนนี้ได้อย่างไรก็ตามจากการประเมินแล้วว่าเพียงพอต่อการขับเคลื่อนนโยบาย 2 ปีตามเป้าหมาย
จากนั้นจะมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อซื้อคืนรถไฟฟ้าในอนาคต ทำให้รัฐไม่จำเป็นต้องเยียวยาส่วนต่างค่าโดยสารอีกต่อไป
ดันร่างกฎหมาย 3 ฉบับ
ขณะเดียวกัน กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมความพร้อมการลงทะเบียนและแนวทางสำรองไว้แล้ว หาก พ.ร.บ. รฟม. และ พ.ร.บ.ตั๋วร่วมไม่สามารถพิจารณาแล้วเสร็จทันตามกำหนด เช่น
การเสนอของบกลาง เพื่อชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารที่เกิดขึ้นจริงรวมถึงเร่งผลักดันร่างกฎหมาย จำนวน 3 ฉบับ ประกอบด้วย
ร่างพ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.),ร่างพ.ร.บ.กรมการขนส่งทางรางฯ และร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมฯ คาดว่าจะ เข้าสู่การพิจารณาจากสภาผู้แทนราษฎร วาระที่ 2 ภายในวันที่ 7 สิงหาคมนี้
สนข.จ่อคลอดกฎหมายลูก
นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า ด้านความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ขณะนี้กฎหมายดังกล่าวอยู่ในกระบวนการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้
จากนั้นจะเข้าสู่วาระที่ 2 และ 3 ต่อไป คาดว่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ได้ตามแผน
“ส่วนประเด็นที่สภาพัฒน์มีความเห็นให้พิจารณาแนวทางขับเคลื่อนในร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วมนั้น ปัจจุบันทางสนข.มีแผนในเรื่องนี้ชัดเจนอยู่แล้ว ซึ่งรัฐบาลยังคงยืนยันเดินหน้าเรื่องนี้ต่อเนื่อง” นายปัญญา กล่าว
ขณะเดียวกันในระหว่างที่รอกฎหมายหลักในสภาฯนั้น ปัจจุบันสนข.ได้ดำเนินการจัดทำกฎหมายลำดับรอง เช่น การจ่ายเงินชดเชย ,ระเบียบต่างๆ เพื่อรองรับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
หากร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม ประกาศมีผลบังคับใช้แล้ว จะสามารถออกประกาศกฎหมายลำดับรองได้ทันที สำหรับร่างพ.ร.บ.ตั๋วร่วม มีสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วมฯ ประกอบด้วย 7 หมวด
และบทเฉพาะกาล (54 มาตรา) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดค่าใช้จ่าย และอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน พร้อมทั้งหันมาเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามหากกฎหมายตั๋วร่วมมีความล่าช้า จะใช้วิธีลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน ผู้ใช้เส้นทางในอัตรา20บาทตลอดสาย
โดยเริ่มได้วันที่1 ตุลาคม2568 โดยครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ทั้งสิ้น 194 สถานี ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร (กม.)
ดัน 20 บาทตลอดสาย ซื้อคืนรถไฟฟ้า เล็งตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เปิดลงทุน PPP 30 ปี