สวัสดีค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ดึงหน้าที่เราคิดว่า “คุ้มค่าที่สุดในวัย 62”
เผื่อเป็นข้อมูลสำหรับใครที่เคยฉีดซิลิโคนเหลวแล้วเจอปัญหาเหมือนกันค่ะ
 
*จุดเริ่มต้น
เมื่อหลายปีก่อน เคยพลาดไป ฉีดซิลิโคนเหลว เพราะอยากให้ใบหน้าเต็ม ดูเด็กขึ้น แต่พอเวลาผ่านไป กลับกลายเป็นปัญหาใหญ่ หน้าบวมผิดรูป เหมือนมีของแข็งอยู่ใต้ผิว บางจุดเป็นก้อน แต่งหน้าไม่ติด แถมพออายุมากขึ้น ผิวก็หย่อนลงอีก
รู้สึกเสียความมั่นใจมาก เลยตัดสินใจหาทางแก้แบบถาวรค่ะ
 
*สิ่งที่เลือกทำ
ปรึกษาหลายที่ และสุดท้ายเลือกทำกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่ มีประสบการณ์ด้านการดึงหน้าและเคสเลาะซิลิโคนโดยเฉพาะ เพราะรู้ว่าเคสแบบเรามีความซับซ้อนกว่าปกติ ตัดสินใจทำทั้งหมดในครั้งเดียว เพื่อพักฟื้นรอบเดียวไปเลย
1.ดึงหน้า พร้อมเลาะซิลิโคนเหลว
2. Sub-brow lift (ยกใต้คิ้ว เพื่อแก้หนังตาตก)
3.ผ่าตัดตาล่าง (ลดถุงใต้ตา+ผิวหย่อน)
 
*เทคนิคที่ใช้: High SMAS  ร่วมกับ  Dual Plane คืออะไร?
คุณหมออธิบายว่า การดึงหน้าในเคสเราต้องใช้เทคนิค Dual Plane ซึ่งหมายถึง
การดึงทั้ง “ผิวหนัง” และ “กล้ามเนื้อชั้นลึก (SMAS)” ไปพร้อมกัน
เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ตึงหลอก และอยู่ได้นานหลายปี
 
เคสที่เคยฉีดสารเติมเต็มผิดประเภทแบบเรา ต้องมีการ เลาะออกบางส่วนก่อนดึงหน้า  ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญของแพทย์มาก เพราะหากเลาะไม่หมดหรือดึงผิดชั้น อาจเกิดปัญหาภายหลังได้
 

*ช่วงพักฟื้น
-มีบวมและช้ำบ้างในช่วงสัปดาห์แรก
-พักฟื้นประมาณ 10-14 วัน จากนั้นสามารถเริ่มแต่งหน้าเบา ๆ ได้
-แผลส่วนซ่อนบริเวณไรผมและใต้แนวคิ้ว ไม่ค่อยสังเกตเห็น
 
*ผลลัพธ์หลังทำ
ใบหน้าดูละมุนขึ้น โครงหน้าเข้าที่ ไม่มีอาการเป็นก้อนแบบก่อนทำ
หนังตาไม่ตก ดวงตาดูสดใสขึ้น แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยนเป็นคนใหม่
ถุงใต้ตาลดลงชัดมาก ใบหน้าโดยรวมดูอ่อนลงหลายปี
 
ที่สำคัญคือ “ดูเป็นธรรมชาติ” ไม่มีใครทักว่าไปทำอะไรมาหนัก ๆ แต่มีคนชมว่า “พักผ่อนดีขึ้น” หรือ “ดูหน้าใสขึ้น”
 
💡 สิ่งที่อยากฝากไว้ใครที่เคยฉีดซิลิโคนเหลว แล้วมีปัญหา อย่าปล่อยไว้นาน ยิ่งแก้ยาก เทคนิคที่ใช้สำคัญมาก โดยเฉพาะถ้ามีของเดิมอยู่ใต้ผิว ควรเลือกหมอที่เคยจัดการกับเคสซับซ้อนแบบนี้  ถ้าต้องทำหลายจุด แนะนำให้ทำพร้อมกัน ถ้าร่างกายไหว พักฟื้นครั้งเดียวจบ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังลังเลอยู่นะคะ
ถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ สามารถถามในคอมเมนต์ได้เลยค่ะ ยินดีแชร์