✍️✍️ภาวะ 'เขียนงานไม่ออก' ต่างจากภาวะ 'เบิร์นเอาท์' และมันมีวิธีแก้ด้วยการ 'เขียนงานแบบปลูกพืชหมุนเวียน'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้MIND: ภาวะ 'เขียนงานไม่ออก'
ต่างจากภาวะ 'เบิร์นเอาท์'
และมันมีวิธีแก้ด้วยการ
'เขียนงานแบบปลูกพืชหมุนเวียน'
.
ในสังคมที่วัฒนธรรมการเขียนเป็นพื้นฐานของสังคม การ 'เขียนงานไม่ออก' ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และมันเป็นเรื่องใหญ่ระดับที่มีคำบัญญัติมาโดยเฉพาะ เรียกว่า ‘Writer’s Block’ ซึ่งสะท้อนว่ามันเป็นปัญหาที่มีมายาวนานจริงๆ
.
ความน่าสนใจคือ ความเข้าใจว่าภาวะนี้เป็นปัญหาที่มีมานาน และไม่ใช่ปัญหา 'เบิร์นเอาท์' (Burnout) อันเกิดจากหน้าที่การงานของคนยุคใหม่ นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะการเข้าใจว่ามันคือคนละภาวะกันจะนำไปสู่ความเข้าใจใน 'ทางแก้' ที่ต่างกันด้วย
.
เพราะแม้ว่าปัญหาของทั้งสองภาวะนี้จะมาจากปัจจัยพื้นฐานร่วมกัน คือการ 'ใส่ความพยายามเท่าไร งานก็ไม่คืบหน้า' เหมือนเอาความพยายามไปเททิ้งลงท่อระบายน้ำ แต่หนทางแก้มันอาจต่างกันมาก โดยในที่นี้เราจะพูดถึงทางแก้เฉพาะของภาวะเขียนงานไม่ออก
.
ต้องเข้าใจก่อนว่าทุกคนที่อยู่ในภาวะเขียนงานไม่ออก ก็คือคนในอาชีพ ‘นักเขียน' ทั้งหมด
.
ธรรมชาติแบบนี้ก็เลยนำไปสู่ประสบการณ์ร่วมของคนทั้งอาชีพว่า คนแทบทั้งหมดที่เลือกเส้นทางนี้ มักจะเริ่มจากการที่ตัวเองเคยมีจินตนาการและไอเดียไหลบ่าอย่างไม่หยุดหย่อน จนสามารถเขียนอะไรได้ลื่นไหลต่อเนื่องยาวนานจนกลายมาเป็นอาชีพในที่สุด
.
แต่ในทำนองเดียวกัน มันก็ปกติมากที่ถึงจุดหนึ่งในอาชีพ แทบทุกคนก็จะพบภาวะเขียนงานไม่ออก ซึ่งภาวะนี้ถ้าไม่หายไปมันก็มักจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงในชีวิต บางคนอาจเลิกประกอบอาชีพนี้ เพราะคิดว่าในชีวิตนี้ตัวเองคงไม่มีอะไรจะเขียนแล้ว บางคนที่ยังต้องทำต่อเพื่อทำมาหากิน ก็อาจถึงขึ้นต้องพบกับนักบำบัด เพราะเครื่องมือทำมาหากินของเขากำลังพัง
.
ความน่าสนใจคือ Psychology Today ได้ลงบทความของ 'นักบำบัด' ที่เป็น 'นักเขียน' ด้วย เกี่ยวกับเคล็ดลับที่เขาใช้จัดการทั้งตัวเองและคนที่มาบำบัดกับเขา
.
โดยเขาให้คิดง่ายๆ ว่า การรีดเค้นความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องเดียวตามประสาคนต้องทำอาชีพเกี่ยวกับการเขียน มันไม่ได้ต่างจากการ 'ปลูกพืชเชิงเดี่ยว' คือทำได้ดีแค่ไหน ระยะยาวผลผลิตก็จะน้อยลง เพราะ 'แร่ธาตุ' ในดินสำหรับพืชชนิดนั้นมันจะลดลงเรื่อยๆ
.
แล้ววิธีแก้คืออะไร? เขาบอกว่าให้คิดแบบการทำการเกษตร ที่จะทำให้ได้พืชผลต่อเนื่องแบบยั่งยืนนานๆ สิ่งที่คนโบราณค้นพบนานแล้วคือการปลูกพืชหมุนเวียนซึ่งมันคือการเปลี่ยนพืชไปเรื่อยๆ เพื่อให้แร่ธาตุที่เกิดจากการปลูกพืชหนึ่ง ไปเสริมพืชอีกชนิดหนึ่งที่จะปลูกต่อไป
.
ในทำนองเดียวกัน การเขียนงานไม่ออกมันอาจแก้ได้ง่ายๆ โดยการไปเขียนเรื่องอื่นที่รู้สึกว่าลื่นไหล เขียนจนไม่รู้จะเขียนอะไร บางทีเรื่องที่เราเขียนไม่ออกมันจะเขียนออกเอง หรือไม่ก็ไปทำอย่างอื่นเลย แล้วกลับมาเขียนงาน ก็ไม่ผิดอะไร
.
นี่หมายความว่า ถ้าคุณต้องเขียนบทซีรีส์แล้วตัน คุณอาจสลับไปเขียนอะไรเชิงสารคดีก็ได้ หรือคุณอาจพักไปอ่านหนังสือ เล่นดนตรี ดูหนัง วาดรูป หรือเล่นเกมก็ได้ ตามแต่ความชอบ คีย์คือต้อง 'ขยับความคิดสร้างสรรค์' ไปใช้กับอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องที่คุณจดจ่อจนมัน 'ตัน' และผลจากการขยับไปใช้ความคิดสร้างสรรค์ในทางอื่น สุดท้ายมันจะทำให้สิ่งที่เราได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์จนตันก่อนหน้านี้ มันลื่นไหล
.
แนวทางนี้เป็นแนวทางกว้างๆ ในการบริหารความคิดสร้างสรรค์ เพราะบางทีประเด็นมันอาจไม่ใช่เราหมดความคิดสร้างสรรค์ และก็อาจไม่ใช่เพราะเราใจจดใจจ่อมากไป แต่ประเด็นคือเราอาจต้องการการถอยห่าง การเขย่าความคิด หรือกระทั่งวัตถุดิบใหม่ๆ ทางความคิดที่จะหล่อลื่นไอเดียรวมๆ ให้กลับมาลื่นไหล
.
ทั้งนี้ ภาวะทั้งหมดต่างจาก 'เบิร์นเอาท์' แน่ๆ เพราะสุดท้าย พื้นฐานของความเบิร์นเอาท์คือเราไม่เห็นเป้าหมายของสิ่งที่เราทำ จนเราไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม แต่กลับกัน ภาวะเขียนงานไม่ออกเรารู้ว่าเราจะต้องเขียน เราเห็นเป้าหมายชัดๆ ว่าจะเขียนไปทำไม แต่เราแค่ไม่รู้จะเขียนมันออกมายังไง ซึ่งทั้งหมดนี้มันก็เลยทำให้ทางแก้มันต่างกันตามที่กล่าวมา
.
#MIND #BrandThink #CreativeChange
#Empowering #Diversity #PositiveImpact
✍️✍️ภาวะ 'เขียนงานไม่ออก' ต่างจากภาวะ 'เบิร์นเอาท์' และมันมีวิธีแก้ด้วยการ 'เขียนงานแบบปลูกพืชหมุนเวียน'