กระแสรักษ์โลกและและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น รถไฟฟ้าที่ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำมัน การผลิตพลังงานทางเลือก เช่น พลังงานลม พลังงานชีวมวล และที่น่าทึ่งไปกว่านั้นก็คือแนวคิดเอาป่ามาไว้ในเมืองที่มีคนทำแล้วจริงๆ นั่นคือป่าแนวตั้งแห่งมิลาน ประเทศอิตาลี ที่มีชื่อว่า "Bosco Verticale"
Bosco Verticale (ป่าแนวตั้ง) คือโครงการอาคารที่พักอาศัยคู่แฝดในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่เป็นต้นแบบของ
สถาปัตยกรรมชีวภาพ (Bio-Architecture) ออกแบบโดย Boeri Studio และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2014
อาคารนี้โดดเด่นด้วยการใช้
ระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูก
ต้นไม้ 800 ต้น, ไม้พุ่ม 4,500 ต้น และพืชคลุมดิน 15,000 ต้น ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่ป่ากว่า 20,000 ตารางเมตรที่ถูกย้ายมาปลูกในแนวตั้ง
🌿 ประโยชน์หลักด้านสิ่งแวดล้อม
- การกรองอากาศ
พืชพรรณจำนวนมากช่วย
ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (ประมาณ 30 ตันต่อปี) และ
ผลิตออกซิเจน สู่ใจกลางเมือง
- การประหยัดพลังงาน
ทำหน้าที่เป็น
ฉนวนกันความร้อน ตามธรรมชาติ ช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารในฤดูร้อนผ่านการคายน้ำและการบังแดด ทำให้
ลดการใช้เครื่องปรับอากาศลง
- เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
ดึงดูดนกและแมลงต่าง ๆ กลับสู่ระบบนิเวศในเมือง
🛠️ ระบบสนับสนุน
- มีการออกแบบระเบียงให้
แข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อรองรับน้ำหนักของดินและต้นไม้ที่โตเต็มที่
- ใช้
ระบบชลประทานแบบรวมศูนย์ โดยมีการนำ
น้ำทิ้ง (Greywater) ของอาคารกลับมาบำบัดและหมุนเวียนใช้ในการรดน้ำ
- การดูแลรักษาต้นไม้ขนาดใหญ่ดำเนินการโดยทีม
นักจัดสวนมืออาชีพ ที่ต้องโรยตัวลงมาจากด้านบนของอาคาร
Bosco Verticale ได้รับรางวัล
Best Tall Building Worldwide ในปี 2015 จาก Council on Tall Buildings and Urban Habitat (CTBUH) และถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าเมืองในอนาคตสามารถเติบโตโดยผสานรวมธรรมชาติเข้ากับความหนาแน่นของการอยู่อาศัยได้อย่างไร
ไอเดียดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมแบบนี้เมืองไทยน่าจะทำบ้างนะครับโดยเฉพาะในกรุงเทพ ข้างล่างนี้เป็นรูปจริงจากหลายๆ มุมมอง ดูเขียวชะอุ่มดี
🌿 ไอเดียการปลูกป่าแนวตั้ง (ป่าในอาคาร) ต่างประเทศที่น่าเอาเป็นแบบอย่างในไทย
Bosco Verticale (ป่าแนวตั้ง) คือโครงการอาคารที่พักอาศัยคู่แฝดในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี ที่เป็นต้นแบบของ สถาปัตยกรรมชีวภาพ (Bio-Architecture) ออกแบบโดย Boeri Studio และเสร็จสมบูรณ์ในปี 2014
อาคารนี้โดดเด่นด้วยการใช้ ระเบียงขนาดใหญ่ เพื่อปลูก ต้นไม้ 800 ต้น, ไม้พุ่ม 4,500 ต้น และพืชคลุมดิน 15,000 ต้น ซึ่งเทียบเท่ากับพื้นที่ป่ากว่า 20,000 ตารางเมตรที่ถูกย้ายมาปลูกในแนวตั้ง
🌿 ประโยชน์หลักด้านสิ่งแวดล้อม
- การกรองอากาศ
พืชพรรณจำนวนมากช่วย ดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ (ประมาณ 30 ตันต่อปี) และ ผลิตออกซิเจน สู่ใจกลางเมือง
- การประหยัดพลังงาน
ทำหน้าที่เป็น ฉนวนกันความร้อน ตามธรรมชาติ ช่วยลดความร้อนเข้าสู่อาคารในฤดูร้อนผ่านการคายน้ำและการบังแดด ทำให้ ลดการใช้เครื่องปรับอากาศลง
- เพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ
ดึงดูดนกและแมลงต่าง ๆ กลับสู่ระบบนิเวศในเมือง
🛠️ ระบบสนับสนุน
- มีการออกแบบระเบียงให้ แข็งแรงเป็นพิเศษ เพื่อรองรับน้ำหนักของดินและต้นไม้ที่โตเต็มที่
- ใช้ ระบบชลประทานแบบรวมศูนย์ โดยมีการนำ น้ำทิ้ง (Greywater) ของอาคารกลับมาบำบัดและหมุนเวียนใช้ในการรดน้ำ
- การดูแลรักษาต้นไม้ขนาดใหญ่ดำเนินการโดยทีม นักจัดสวนมืออาชีพ ที่ต้องโรยตัวลงมาจากด้านบนของอาคาร
Bosco Verticale ได้รับรางวัล Best Tall Building Worldwide ในปี 2015 จาก Council on Tall Buildings and Urban Habitat (CTBUH) และถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าเมืองในอนาคตสามารถเติบโตโดยผสานรวมธรรมชาติเข้ากับความหนาแน่นของการอยู่อาศัยได้อย่างไร
ไอเดียดีๆ เพื่อสิ่งแวดล้อมแบบนี้เมืองไทยน่าจะทำบ้างนะครับโดยเฉพาะในกรุงเทพ ข้างล่างนี้เป็นรูปจริงจากหลายๆ มุมมอง ดูเขียวชะอุ่มดี