จะว่าผมเป็นเด็กรุ่นใหม่ที่โง่เขลาก็ได้แต่เรื่องนี้มันเหลืออด

กระทู้สนทนา
มันน่าแปลกนะที่บางทีคนในครอบครัว โดยเฉพาะแม่ของเราเอง กลับเป็นคนที่ทำให้เรารู้สึกโดนลดทอนคุณค่ามากที่สุด
ผมเคยรู้สึกเหมือนกันเลย เวลาแม่โมโหอะไรขึ้นมาก็ชอบประชดประชันว่า "เอาแต่เพื่อนในโซเชียล" หรือไม่ก็ "อยู่ที่บ้านห่วยแตก แต่ทำไมเล่าให้คนอื่นฟังดูเหมือนเป็นเจ้าหญิงเจ้าชาย" ทั้งที่จริงแล้วผมก็แค่ระบายความรู้สึกในแอปฯ ไม่ได้เล่าอะไรที่มันยิ่งใหญ่อลังการเลย
บางครั้งก็งงว่าทำไมแม่ถึงไม่อยากให้เรา "สุดยอด" ในทุกด้าน ทั้งที่ชีวิตจริงของเราก็ต้องเจอเรื่องราวมากมายกว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ ตั้งแต่เด็กๆ ก็เคยโดนบูลลี่ โดนกระทำมาสารพัด แต่พอผมได้อยู่ในสังคมโซเชียลที่เราเป็น PD ได้ทำอะไรที่เราชอบ ซึ่งมันก็ได้เงินนะ! แต่แม่กลับดูถูกว่า "ได้เงินน้อยแค่นี้จะไปหากินอะไร" หรือ "มันไม่ใช่อาชีพ" ทั้งที่จริงๆ แล้วมันก็เป็นอาชีพที่ทำเงินได้เหมือนกัน
เวลาเล่าอะไรดีๆ แม่ก็ชอบขัดจังหวะแล้วบอกว่า "อย่าเล่าให้มันสุดยอดเกินไป" ทำไมล่ะ? ชีวิตคนธรรมดาอย่างเราจะสุดยอดบ้างไม่ได้เหรอ? เหมือนเขาอยากให้เราดูธรรมดาและด้อยค่าอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ตอนแม่เล่าเรื่องตัวเองให้คนอื่นฟัง แม่ก็เล่าได้สุดยอดไม่แพ้กันเลย
แถมอีกเรื่องที่โคตรจะน่าเบื่อคือ เวลาเรานอนดึกนิดหน่อย หรือคุยกับเพื่อนจนติดลม แม่ก็ชอบบอกว่าเพื่อนมันไม่รักกันจริง ถ้าเพื่อนรักกันจริงจะไม่พากันนอนดึก แล้วเวลาด่าก็ชอบลามไปถึงเพื่อน ทั้งที่เพื่อนไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการนอนดึกของผมเลย ผมตัดสินใจเองทั้งหมด! แม่ทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กแล้ว เวลาผมมีความผิดอะไรก็แล้วแต่ ชอบลามไปถึงเพื่อน หาว่าเพื่อนพาทำนู่นทำนี่
หนักกว่านั้นคือ บางทีแม่โทรหาผมเพื่อปลุก แล้วตะคอกใส่ผมกลางโรงเรียนเลย เหมือนตั้งใจจะประจานกัน แต่ผมไม่ได้อายที่โดนประจานหรอกนะ ผมกลับรู้สึกอายแทนแม่มากกว่า เพราะแม่ก็เป็นถึงครูบาอาจารย์ระดับสูง การมาตะคอกใส่ลูกกลางโรงเรียนแบบนั้นมันดูไม่เหมาะสมเลย คนอื่นเขาจะมองยังไง
และนิสัยเสียของแม่คือชอบทำตัวเหมือนเป็นครูอยู่ตลอดเวลา เสมือนว่าเอางานกลับมาทำที่บ้าน คือจริงๆ แล้วการอยู่บ้านไม่จำเป็นต้องสวมวิญญาณความเป็นครูตลอดเวลาก็ได้นะ ถึงแม้ผมจะเคยบอกครูที่ลาออกจากโรงเรียนว่า "จิตวิญญาณความเป็นครู ต่อให้ลาออกจากโรงเรียน จิตวิญญาณมันลาออกไม่ได้" แต่ผมก็ไม่ได้จะบอกว่าจิตวิญญาณความเป็นครูมันพักไม่ได้สักหน่อย
ผมมองว่ามันแย่มากที่แม่ชอบเปรียบเทียบนู่นนี่นั่นตลอดเวลา เปรียบเทียบผมกับลูกเพื่อน เปรียบเทียบกับลูกคนนู้นคนนี้ในหมู่บ้าน เปรียบเทียบกับนักเรียนตัวเอง เปรียบเทียบกับเครือญาติที่อยู่ทางนครสวรรค์ กรุงเทพฯ นครปฐม เทียบทุกอย่างเท่าที่จะเทียบได้ ตอนดูรายการทีวีตอนเด็กๆ ก็ยังเทียบกับนักร้องคนนั้นคนนี้ว่าสู้ชีวิต บางครั้งก็ทำท่าดราม่าน้อยใจว่าสอนเด็กในโรงเรียนได้ แต่ทำไมสอนลูกตัวเองไม่ได้ดี ผมก็งงว่าผมมีอาชีพทำได้ดีขนาดนี้แล้ว จะเอาดีได้ขนาดไหนอีก
แล้วเรื่องที่แย่ที่สุดคือ กฎของแอปที่ผมไลฟ์อยู่เขาห้ามมีเสียงดังหรือคำหยาบคายโผล่เข้ามา แต่แม่กลับเสียงดังใส่ผม แถมยังพูดคำหยาบคายตอนผมกำลังไลฟ์อยู่ ทั้งที่ผมยังไม่ได้ปิดไมค์เลยด้วยซ้ำ เหมือนอยากทำลายอาชีพผม ให้ผมจมไปเลย จะได้ไม่ต้องไลฟ์อีก
สุดท้าย เวลาแม่ตั้งคำถามว่าทำไมผมถึงไม่เชื่อฟัง บางครั้งแม่ชอบพาไปหาพระอาจารย์ทั้งที่ผมเป็นคริสต์เว้ย! อีกอย่าง พระอาจารย์พระสงฆ์ไม่ใช่จิตแพทย์นะ บอกจะพาไปหาจิตแพทย์ แต่ดันพาไปหาพระ ขอโทษนะครับ ผมแค่ไม่อยากจะเชื่อฟังสิ่งที่ไม่มีเหตุผล ผมแค่อยากคิดเอง แต่ผมไม่ได้ผีเข้าอะไร ดีที่พระสงฆ์ยังคงเป็นพระสงฆ์จริงๆ ที่บอกให้พวกเราใช้เหตุผล แต่ถ้าเกิดเป็นพระที่บ้าไสยศาสตร์ ผมคงเดินออกจากวัดโดยไม่ไหว้เลยนะ ดีที่ตอนนั้นใช้เวลาไม่นาน
ใครเคยเจอโมเมนต์แบบนี้บ้าง? เข้ามาแชร์กันได้นะ...
  
#มันหนักเกินไป #มนุษย์แม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่