JJNY : ปชน.ไม่แคร์ใครก็ได้ ถ้ารับเงื่อนไข│ศิริกัญญายันไม่ได้เล่นเกม│ทรัมป์เผย 4 ก.ค.แจ้งอัตราภาษี│เปิดโปงสภากาชาดกัมพูชา

ปชน.ไม่แคร์ ใครก็ได้ จะชื่อชัยเกษม-อนุทิน ก็พร้อมยกมือให้ ถ้ารับเงื่อนไข นายกฯชั่วคราว
https://www.matichon.co.th/politics/news_5260334
.
.
‘ปชน.’ บอก ไม่แคร์ ใครก็ได้ รับเงื่อนไข ‘นายกฯชั่วคราว’ ได้ พร้อมยกมือให้ แจง อยากหาทางออกให้ประเทศ
.
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 4 กรกฎาคม ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดของนายกรัฐมนตรีชั่วคราว ว่า เราได้มีการคุยกันถึงเรื่องนี้ในการประชุมส.ส.ที่ผ่านมา แต่ยังยืนยันในเงื่อนไข 7 ข้อ แต่คนก็เอาไปตีความต่างๆนานา ว่าเราจะโหวตให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หรือโหวตให้ นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งเราต้องขอยืนยันว่า ปิดชื่อพรรค ปิดชื่อนายกรัฐมนตรีไปเลย หากรับเงื่อนไขตรงนี้ได้ เราก็พร้อมที่จะยกมือให้เพื่อเปิดทางออกให้ประเทศ และนำไปสู่การยุบสภาในที่สุด อาจจะไม่ได้ในเร็ววันนี้ ขอให้ผ่านพ้นช่วงที่จะต้องแก้ปัญหาต่างๆ ไปก่อนก็ได้ แต่ก่อนปลายปีนี้ควรจะต้องมีการยุบสภาได้แล้ว
.
เมื่อถามว่า มองว่าข้อเสนอนี้จะได้รับการตอบรับหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จะต้องมีการพูดคุยกันเพื่อสื่อสาร อีกทั้งประชาชนก็ยังไม่เข้าใจว่าจะเกิดทางตันอย่างไร อยู่ดีๆ เราจะไปยกมือให้ใคร หรือยกทำไม ซึ่งเสียงส่วนใหญ่บอกว่าไม่ต้องยก เรากำลังพูดถึงฉากทัศน์หนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้น คือหากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังนั้นต้องมีการเปิดทางให้โหวตนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งตอนนั้นอาจจะวุ่นวายกว่าเดิม บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลก็พยายามที่จะขย่มเก้าอี้ต่อรองอำนาจ คงจะยิ่งขย่มกว่าเดิม อาจจะรวมเสียงข้างมากไม่ได้ด้วยซ้ำไป
.
เมื่อถามว่า มองไว้หรือไม่ว่าจะโหวตให้กับใคร น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า “เราไม่แคร์แล้ว เพราะว่าช่วงเวลาที่เหลือ คือการเตรียมตัวเพื่อไปสู่การเลือกตั้งใหญ่ต่อไป และการจัดการต่างๆที่นำไปสู่การเลือกตั้งด้วย เช่น ถ้าการเลือกตั้งใหญ่ควรจะต้องมีการทำประชามติ เพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) พร้อมกันไปเลย ก็จัดการเรื่องพวกนี้ในช่วงสั้นๆ ก็ไม่ได้มีข้อกังวลว่าเป็นใคร แต่ขอให้อยู่ในลิสต์แคนดิเดต และมีสส.มากพอ รวมถึงรับเงื่อนไขของเรา เราได้หมด
.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ดังนั้น ในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองใหญ่พรรคหนึ่งในสภาฯ เราอยากใช้เสียงของเราอย่างมีค่ามากที่สุดในการนำเสนอทางออกให้ประเทศ ไม่ให้นำไปสู่ทางตันหรือไปเรียกร้องให้เกิดการใช้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญอื่นๆ
.

.
สภาล่มวันแรกแค่เทสเสียงรัฐบาล ศิริกัญญา ยันไม่ได้เล่นเกม ถกกม.สำคัญก็เช็กอีก.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9834347
.
ศิริกัญญา รับสภาล่มวันแรก เทสเสียงรัฐบาล คาดหวังว่าจะครบ หลังประธานวิปรัฐบาล ย้ำห้ามลา ห้ามขาด ลั่นไม่ได้เล่นเกมการเมือง ถกกฎหมายสำคัญก็เช็กอีก
.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 4 ก.ค.2568 ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์ถึงที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรล่ม เมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า จริงๆ วันแรก เรายังคาดหวังว่าฝั่งรัฐบาลน่าจะอยู่กันอย่างครบถ้วน แม้จะมีสส.บางคนไปรับตำแหน่งรัฐมนตรี แต่เป็นส่วนน้อย ต่างกันประมาณ 30 เสียง อย่างไรก็ต้องรักษาองค์ประชุมได้ แต่เมื่อขอนับองค์ประชุม ปรากฏว่าไม่ได้เตรียมตัวมาในช่วงนี้
.
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า ทั้งที่เราเห็นว่าเรื่องนี้นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ออกมาเตือนสส.ในพรรคตนเองแล้วว่าจำเป็นต้องให้พร้อม ห้ามขาด ห้ามลา ห้ามมาสาย แต่ในท้ายที่สุดสภาฯ ก็ล่ม คงเป็นสัญญาณที่ไม่ค่อยดีนักในการโหวตกฎหมายที่สำคัญ ในครั้งต่อไป คงต้องเตรียมความพร้อมมากกว่านี้ ไม่เช่นนั้นการทำงานคงเดินหน้าไม่ได้ ในภาวะที่ง่อนแง่นเช่นนี้
.
เมื่อถามว่าวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการทดสอบเสียงรัฐบาลหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า จริงๆ ไม่ได้นัดกันมากับพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะเราคิดว่าวันแรกสส.คงมากันครบแน่ คงกำชับกันหลายรอบ แต่สุดท้ายแล้ว เมื่อมีการทดสอบแล้วสภาฯ ล่ม ยิ่งแสดงถึงความไม่มีเสถียรภาพ ความง่อนแง่นของสถานะฝั่งรัฐบาล
.
เมื่อถามว่าในการประชุมนัดถัดไปจะมีการนับองค์ประชุมอีกหรือไม่ น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า วันที่ 9 ก.ค. ซึ่งเป็นวันที่ต้องมีการโหวตกฎหมายอยู่แล้ว โดยมีร่างพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าเป็นลำดับแรก ถ้าจะขอถอน ก็ต้องโหวตว่าจะยอมให้ถอนหรือไม่ให้ถอน ซึ่งคิดว่าเราต้องเดินหน้าโหวตไปเลยสำหรับกฎหมายฉบับนี้ หากถอนไปแล้ว ไม่ได้แก้ไขก็ไม่ควรถอน
.
ดังนั้น เมื่อเข้าสู่วันที่ 9 ก.ค.จะเข้าสู่โหมดนับองค์ประชุมโดยปกติอยู่แล้ว ฉะนั้น จะต้องมีการเช็กเสียงกันอีกครั้ง
.
ส่วนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ ระบุการทำให้องค์ประชุมครบเป็นหน้าที่ของสส.ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า เราเข้าใจ แต่เมื่อโหวตกฎหมายสำคัญที่ส่งมาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลจำเป็นต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่แล้ว เราแค่พยายามตรวจสอบว่าสรุปแล้วเสียงของรัฐบาลมีเท่าไหร่กันแน่ แต่ไม่ทันไรประธานในที่ประชุมก็ชิงปิดประชุม จึงไม่ทราบว่าเสียงของรัฐบาลมีเท่าไหร่
.
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ว่าอาจถูกมองว่าฝ่ายค้านเล่นเกมเกินไป น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่า ในสภาวะเช่นนี้ ไม่ได้มองว่าเล่นเกมการเมือง เราทราบอยู่ว่าเสียงค่อนข้างปริ่มกัน ดังนั้นต้องเช็กเสียงกันเป็นธรรมดา สมัยเป็นฝ่ายค้านร่วมกับเพื่อไทย เราก็เรียนรู้ใช้แทกติกต่างๆ ที่จะใช้เช็กเสียงพรรคร่วมรัฐบาล
.

.
ลุ้นระทึก! ทรัมป์ เผย 4 ก.ค. ร่อนจม. แจ้งอัตราภาษี รมต.คลังชี้ 100 ปท. อาจเจอ 10%
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5260403
.
ลุ้นระทึก! ทรัมป์ เผย 4 ก.ค. ร่อนจม. แจ้งอัตราภาษี รมต.คลังชี้ 100 ปท. อาจเจอ 10%
.
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมว่า สหรัฐจะเริ่มส่งจดหมายไปยังประเทศต่างๆ ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม เพื่อแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าสินค้ามายังสหรัฐที่แต่ละประเทศจะเผชิญว่าเป็นเท่าใด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนจากแผนเดิมที่ผู้นำสหรัฐเคยให้คำมั่นว่าจะทำข้อตกลงเป็นรายประเทศ โดยทรัมป์ยอมรับว่าการเจรจาการค้ากับกว่า 170 ประเทศนั้นมีความซับซ้อน พร้อมกับระบุว่า สหรัฐจะส่งจดหมายแจ้งแต่ละครั้งไปยัง 10 ประเทศ ซึ่งจะระบุอัตราภาษีที่แต่ละประเทศจะถูกเรียกเก็บ เช่น 20%-30%

ทรัมป์กล่าวอีกว่า คาดว่าจะมีข้อตกลงที่ลงรายละเอียดกับบางประเทศเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หลังจากสหรัฐได้ประกาศข้อตกลงทางการค้ากับเวียดนามไปเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าเขาอยากแจ้งประเทศส่วนใหญ่เกี่ยวกับอัตราภาษีโดยตรงมากกว่าโดยไม่ต้องเจรจาซึ่งมีรายละเอียดมาก
ถ้อยแถลงของทรัมป์เน้นย้ำให้เห็นถึงความท้าทายในการทำข้อตกลงทางการค้าที่ครอบคลุมทุกอย่าง ตั้งแต่อุปสรรคทางภาษีและไม่ใช่ภาษี เช่น การห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร

ด้านนายสก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวกับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า น่าจะมีราว 100 ประเทศ ที่มีแนวโน้มจะเผชิญภาษีต่างตอบแทนที่อัตรา 10% และคาดว่าจะมีการประกาศข้อตกลงการค้ามากมายก่อนเส้นตายวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ที่ภาษีศุลกากรอาจเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
.
รอยเตอร์ระบุว่า หากมีราว 100 ประเทศที่ถูกสหรัฐตั้งกำแพงภาษีนำเข้าในอัตรา 10% นั่นถือว่าเป็นจำนวนน้อยกว่าที่รัฐบาลทรัมป์เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะมีราว 123 แห่ง ส่วนใหญ่เป็นประเทศเล็กๆ รวมถึงดินแดนบางแห่ง เช่น เกาะเฮิร์ดและหมู่เกาะแมคโดนัลด์ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ของออสเตรเลีย
.
ทั้งนี้ทรัมป์ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดโลกหลังจากประกาศมาตรการภาษีต่างตอบแทนกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อัตราระหว่าง 10%-50% แม้ว่าจะมีการลดภาษีสำหรับประเทศส่วนใหญ่ลงเหลือ 10% เป็นการชั่วคราว เพื่อให้มีเวลาเจรจาต่อรองจนถึงวันที่ 9 กรกฎาคมก็ตาม โดยหลายประเทศที่เผชิญอัตราภาษีเริ่มต้นที่ 10% นั้นไม่ได้เจรจาใดๆ กับรัฐบาลทรัมป์ ยกเว้น สหราชอาณาจักร ที่บรรลุข้อตกลงกับสหรัฐเมื่อเดือนพฤษภาคมที่จะคงอัตราภาษีไว้ที่ 10% และยังได้รับสิทธิพิเศษในบางภาคส่วน รวมถึงภาคยานยนต์และเครื่องยนต์เครื่องบิน
.
ขณะที่คู่ค้ารายใหญ่ที่เข้าร่วมการเจรจากับสหรัฐในขณะนี้ ถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงขึ้น โดยสหภาพยุโรป(อียู) เผชิญอัตราภาษีต่างตอบแทนที่ 20% อินเดีย 26% และ ญี่ปุ่น 24% ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เจรจาการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งเผชิญอัตราภาษีต่างตอบแทนที่สูงขึ้นเช่นกัน อาทิ ประเทศเลโซโทที่ 50% มาดากัสการ์ 47% และไทย 36%
.
ส่วนเวียดนามที่ก่อนหน้านี้ถูกรัฐบาลทรัมป์ขู่เก็บภาษีต่างตอบแทนสูงถึง 46% แต่หลังการเจรจาการค้าระหว่างกัน ทรัมป์ก็ได้ประกาศข้อตกลงการค้ากับเวียดนามเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม โดยระบุว่าเวียดนามจะเผชิญอัตราภาษีจากสหรัฐที่ 20% ส่วนสินค้าสหรัฐส่วนใหญ่ที่ส่งเข้าไปในเวียดนามจะไม่ถูกเก็บภาษี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่