Market Depth คืออะไร และสำคัญต่อโบรกเกอร์หรือไม่?

คนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ Market Depth ในตลาดการลงทุน คืออะไร?

วันนี้ผมจะมาอธิบายความหมายและความสำคัญของ Market Depth
 

1.Market Depth หรือที่เรารู้จักความลึกของตลาด คือ ความสามารถของแพลตฟอร์มที่จะรองรับการซื้อขายขนาดใหญ่ของนักลงทุน โดยที่ราคาหลักทรัพย์ไม่เกิดความผันผวน
 

พูดแบบเข้าใจง่ายๆ คือเมื่อมีคำสั่งซื้อขายจำนวนมากเกิดขึ้นพร้อมกันในตลาด โบรกเกอร์จะต้องมีแพลตฟอร์มหรือระบบ ในการรองรับคำสั่งเหล่านั้น โดยไม่ทำให้ราคาเกิด Gap หรือ Slippage ซึ่งหากโบรกเกอร์มี Market Depth ที่ไม่ดีอาจส่งผลต่อการทำไรของเทรดเดอร์ได้
 

2. วิธีดู Market Depth
เมื่อเข้าใจว่า Market Depth คืออะไร เรามาดูตัวอย่างจริงๆ ว่ามีลักษณะอย่างไร?

ผมจะยกตัวของเว็ปไซต์ EBC หรือเพื่อนๆ จะดูในเว็ปไซต์การลงทุนอื่นๆ ก็ได้
Market Depth หรือความลึกของโบรกเกอร์ EBC จะแสดงราคาทั้งหมด 5 ชั้น
รายละเอียดของราคาชั้นแรก หรือที่เรียกว่า ราคาชั้นต้น เป็นราคาที่ถือว่าเป็นราคาต้นทางจริง ๆ ในตลาด และมักมีสเปรด (Spread) ต่ำสุดในตลาด 
 

ตัวอย่างเช่น
คู่เงิน EURUSD มีสเปรดเป็น 0 ซึ่งแสดงว่าไม่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย
 

แม้ราคาชั้นที่ 2 ถึง 4 จะมีค่าสเปรดสูงกว่าชั้นที่ 1 แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าใกล้เคียงกับราคาตลาด ซึ่งเหมาะสมสำหรับในการเทรดจริง

จากประสบการณ์ของผม Market Depth ของโบรกเกอร์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั้นเท่านั้น และโดยทั่วไป ราคาชั้นแรกจะรองรับคำสั่งประมาณ 10-15 Lot ราคาชั้นที่สองจะรองรับได้ประมาณ 30 Lot
 

ดังนั้น Market Depth เฉลี่ยของโบรกเกอร์ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 200-300 lot เท่านั้น

3. Market Depth มีประโยชน์อย่างไร? 
อย่างที่บอกไปแล้ว Market Depth คือปริมาณคำสั่งซื้อขายโบรกเกอร์ที่สามารถรองรับได้ในระยะเวลาสั้นๆ

ถ้าจำนวนคำสั่งซื้อขายเกินกว่าตลาดลึกของโบรกเกอร์ แปลว่าโบรกเกอร์นั้นขาดสภาพคล่อง (Liquidity) ซึ่งจะทำให้เกิด Slippage และการอ้างอิงราคาล่าช้า (Price Delay) 

ดังนั้น เทรดเดอร์ที่เน้นทำกำไรจากการเทรดตามข่าวหรือข้อมูล (Data-driven trading) แต่ทำกำไรยาก อาจไม่ใช่เพราะจุดเข้าเทรดผิดพลาดเสมอไป 
แต่บางทีเป็นเพราะโบรกเกอร์ที่ใช้ ไม่มีสภาพคล่องเพียงพอรองรับคำสั่งซื้อขาย

นอกจากนี้ ผมอยากให้เพื่อนๆ ทุกท่านให้ความสำคัญกับราคาชั้นที่ 1
-เนื่องจากราคาที่ 1 จะใกล้เคียงกับราคาที่มีการซื้อขายในตลาด ซึ่งทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดคำสั่งซื้อหรือขายได้ทันที
-ราคาชั้นที่ 1 จะทำให้รู้ว่า มีสภาพคล่อง หรือ คำสั่งซื้อขาย มากน้อยแค่ไหน
-หากเทรดเดอร์เข้าใจราคาชั้นที่ 1 ได้ดี จะช่วยให้การเข้าและออกตลาดในราคาที่คาดหวังนั้นมีความแม่นยำและลดการเกิด slippage

สรุป
ตลาดลึก หรือ Market Depth จึงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการเทรด โดยรวมแล้ว Market Depth เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการประเมินสภาพคล่องและคุณภาพของแพลตฟอร์ม และช่วยให้เราค้นหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของตัวเองได้
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่